เกือบครบรอบหนึ่งเดือน เหตุอาคารก่อสร้างสำนักงานใหญ่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ย่านจตุจักร กทม.พังถล่ม จากเหตุวิปโยคแผ่นดินไหวใหญ่ขนาด 8.2 ศูนย์กลางจากประเทศเมียนมา มาถึงวันนี้กระแสข่าวก็ยังไม่ซาไป แม้มีกระแสดราม่าผัวๆเมียๆ ดารามีชู้ หรือนักการเมืองกร่างบนถนน มาเบียดพื้นที่ข่าวสวนธรรมชาติสังคมไทยลืมง่าย ตรงกันข้ามประชาชนคนไทยยังเกาะติดข่าวสาร โดยเฉพาะเฝ้าจับตาขบวนการทุจริตในการประมูลก่อสร้างตึก “เมด อิน ไชน่า” อันเป็นที่มาของโศกนาฏกรรมฉาวโลก ประจานพฤติการณ์สีเทาของกลุ่มทุนข้ามชาติที่แฝงเหลี่ยมคอร์รัปชันอยู่กับข้าราชการ ทหาร ผู้มีอำนาจทางการเมืองในประเทศไทยตอโผล่ประจานตั้งแต่วันเกิดเหตุ นักสืบโซเชียลฯ เพจดังๆที่เกาะติดปมทุจริตพากันขุดคุ้ยแฉข้อมูลไม่ชอบมา พากลของบริษัทเอกชนสัญชาติจีนอย่าง “ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10” ที่ซิกแซ็กอยู่ในผู้ถือหุ้นคนไทย ต่อเนื่องกับกระบวนการตรวจสอบ โดยกระทรวงอุตสาหกรรม พบเหล็กไม่ได้มาตรฐานจากบริษัทสัญชาติจีนเช่นกันพฤติการณ์โจ่งแจ้งหลักฐานชัดเจน แต่ก็ต้องรออยู่นานสองนานกว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะรับเป็นคดีพิเศษ กว่าที่จะออกหมายจับผู้บริหารบริษัทคนจีนของ “ไชน่า เรลเวย์ฯ” และผู้ถือหุ้นนอมินีชาวไทย ก็หลังจากที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ประกาศเสียงเข้ม โชว์บทขึงขัง จะไม่ปล่อยให้คนผิดทำคนตายลอยนวลท่ามกลางเสียงเรียกร้องสังคมไทย สนับสนุนให้ดีเอสไอเดินหน้าดำเนิน คดีอย่างถึงที่สุด กระแสกดดันรัฐบาลเพื่อไทยต้องหยุดลูบหน้าปะจมูก ในขณะที่ผู้บริหารบริษัทเอกชนสัญชาติจีนที่ตกเป็นผู้ต้องหาของดีเอสไอ อ้างตัวเป็นรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลปักกิ่ง ไม่ใช่จีนเทาแต่อย่างใด แสดงตัวให้เห็นถึงเบื้องหลังกำแพงเมืองจีนหนาๆมาฟอร์มเดียวกันกับบริษัท “ซิน เคอ หยวน” ที่เปิดแถลงข่าวผ่านทีมทนายความ ชี้แจงประเด็นเหล็กของบริษัทถูกตรวจพบไม่ได้มาตรฐาน เป็นเหตุปัจจัยหนึ่งทำให้ตึก สตง.ถล่ม อารมณ์ตั้งป้อมโวยวายรัฐบาลไทยไปเชิญนักธุรกิจจีนมาลงทุน แล้วมัดมือใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม เรื่องนี้ดังไปทั่วนักลงทุนจีนระวังกันหมดไม่สลด ไม่มีท่าทียอมรับผิด ตามอาการของบริษัทสัญชาติจีนที่แสดงให้เห็นกระบวนการต่อสู้คดีตึก สตง.ถล่ม ข่มเป็นเชิงใช้อิทธิพลของจีนแผ่นดินใหญ่ขู่ไทย ความพร้อมในการจ้างทีมทนายความที่เชี่ยวเชิงกฎหมาย ตามรูปการณ์จึงเหลือความหวังแค่รัฐบาลกับดีเอสไอ เป็นปากเสียง ทวงความเป็นธรรมให้ 90 กว่าศพที่ถูกฝังใต้ซากตึก สตง.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม