ปัญหา “ฝุ่น PM2.5” กลายเป็นวิกฤติทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่ “คนไทย” ต้องเผชิญซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเฉพาะช่วงปลายปีถึงต้นปี สภาพอากาศที่เต็มไปด้วยฝุ่นควัน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนหลายปีที่ผ่านมารัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามแก้ไขปัญหา แต่ก็ยังไม่สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ?“ฝุ่น PM 2.5” ในภาคเหนือและภาคอีสานสูงขนาดนี้จะต้องหามาตรการป้องกันแล้วอย่านิ่งเฉย อาจารย์สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อม โพสต์เชิงตั้งปุจฉาไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Sonthi Kotchawat” เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ขยายความต่อไปอีกว่า“ฝุ่น PM 2.5 ภาคเหนือ” สูงขนาดนี้ (ตั้งแต่ 100 มคก.ต่อ ลบ.ม. เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ติดต่อกัน 3 วัน) ถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างร้ายแรงและยังถือว่าเป็นภัยพิบัติหรือสาธารณภัยตามมาตรา 4 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 ที่จังหวัดหรือท้องถิ่นสามารถออกประกาศเป็นพื้นที่ที่ประสบภัยเพื่อนำงบประมาณออกมาช่วยเหลือพี่น้องไม่ให้ตายผ่อนส่งแบบนี้ จังหวัดในภาคเหนือ...จังหวัดเชียงราย, แม่ฮ่องสอน, สุโขทัย, น่านและจังหวัดในภาคอีสาน นครพนม, เลย, หนองคายและอุบลราชธานี เข้าข่ายทั้งสิ้นประเด็นถัดมา...การป้องกันสุขภาพของประชาชนที่ต้องรีบทำด่วนหนึ่ง...อพยพเด็กเล็ก คนป่วย คนชราและคนกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ไปอยู่ในอาคารที่จัดทำเป็นห้องปลอดฝุ่น PM 2.5 หรือห้องคลีนรูม ซึ่งเป็นห้องติดแอร์ที่มีการป้องกันฝุ่น PM 2.5 ด้วยแผ่นกรองอากาศชนิด HEPA (High Efficiency Particulate Air Filter) ซึ่งเป็นแผ่นกรองอากาศคุณภาพสูงทำมาจากเส้นใยไฟเบอร์กลาส ถักทอจนมีขนาดที่เล็กมากๆ จนมีความสามารถในการกรองฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กมากๆ ได้เป็นอย่างดี...ห้องปลอดฝุ่นดังกล่าวต้องเร่งทำอย่างเต็มที่สอง...จังหวัดต้องแจกหน้ากากกรองฝุ่นชนิด N-95 ให้ประชาชนใช้ทุกคน (ไม่ใช่หน้ากากอนามัย) สาม...สั่งให้ทุกคนเวิร์กฟรอมโฮมและลดการเผาในที่โล่งทุกแห่งนับรวมไปถึงการจัดการเพื่อลดฝุ่นควันในพื้นที่ เริ่มจากประกาศให้ประชาชนทราบและระดมกำลังทุกภาคส่วนออกไปจับผู้ที่แอบเผานำมาลงโทษอย่างจริงจัง รวมทั้งเร่งดับไฟป่าและไฟที่เกิดจากการเผาอื่นๆในพื้นที่...แจ้งไปยังเลขาสำนักงานอาเซียนและขอความร่วมมือให้เพื่อนบ้านลดการเผาลงสำหรับระยะยาวหรือปีต่อไป อาจารย์สนธิ ย้ำว่า ต้องกำหนดระยะเวลาห้ามเผาให้ชัดเจน เช่น ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายนและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจริงๆ รวมทั้งต้องมีมาตรการช่วยเหลือให้มีการไถกลบตอซังฟางข้าวหรือรับซื้อไปใช้ในโรงไฟฟ้าชีวมวลต่อไปสอดผสานไปกับการกระจายงบประมาณในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งและมอบอำนาจในการบังคับใช้กฎหมายจับกุมผู้ลักลอบเผาในพื้นที่รวมทั้งจัดสรรงบประมาณดับไฟในพื้นที่ด้วย โดยจังหวัดทำหน้าที่กำกับตรวจสอบให้เป็นไปตามเป้าหมาย “รัฐบาลเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านในเรื่องคอนแทรกต์ฟาร์มมิงจะไม่รับซื้อผลิตผลทางการเกษตรที่ปลูกในพื้นที่ผิดกฎหมายและผลิตผลที่มาจากการเผาตอซังและวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และพืชผลที่ประเทศไทยส่งเสริมให้ปลูกรวมกัน 8 ชนิด”ที่สำคัญ... “รัฐบาล” ต้องบังคับให้ “ภาคเอกชนไทย” ทำตามนโยบายดังกล่าวด้วย...รวมทั้งการกระจายอำนาจลงสู่ท้องถิ่นในการแก้ปัญหาอย่างถาวรตอกย้ำพิษภัยอันร้ายกาจ “ฝุ่น PM 2.5” มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน เป็นฝุ่นละอองขนาดจิ๋วที่สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือด ส่งผลกระทบต่อหัวใจ ปอด ระบบประสาทด้วยความร้ายนี้ทำให้ยิ่งอันตราย...เพิ่มความเสี่ยงโรคทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด ปอดอักเสบ ก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากฝุ่นขนาดเล็กสามารถเข้าสู่กระแสเลือด กระทบพัฒนาการของเด็ก ทำให้สมอง...ปอดเติบโตผิดปกติ และเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งปอดจากสารพิษในฝุ่นละอองจับยามสามตาวิเคราะห์ข้อมูลต้นเหตุปัญหา มาจากการเผาในที่โล่งและการเกษตร ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเผาตอซังข้าว อ้อย ข้าวโพด เศษพืชไร่ ทำให้เกิดฝุ่นละอองจำนวนมากและเกิดขึ้นมากในภาคเหนือและภาคอีสานช่วงปลายปีถึงต้นปีถัดมา...การจราจรและควันจากเครื่องยนต์ดีเซล รถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นแหล่งกำเนิด PM 2.5 ที่สำคัญ โดยเฉพาะรถบรรทุก... รถโดยสาร พื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น เช่น กรุงเทพฯ ปริมณฑล มักมีค่าฝุ่นสูงนอกจากนี้ยังรวมถึง...โรงงานอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้าที่ใช้ ถ่านหิน น้ำมันเตา หรือ...ไม่มีมาตรการควบคุมมลพิษที่ดี รวมถึงปัจจัยทางธรรมชาติและมลพิษข้ามแดน...ฤดูหนาว ทำให้เกิดสภาพอากาศปิด...ฝุ่นละอองสะสมในอากาศ ไม่สามารถลอยขึ้นไปสลายได้... มลพิษจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ไฟป่าจากเมียนมา ลาว กัมพูชา ถูกพัดเข้ามาสู่ไทยผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 มีหลายมิติทั้งด้านสุขภาพ ด้านเศรษฐกิจ...ค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้น สร้างภาระให้กับระบบสาธารณสุข นักท่องเที่ยวลดลงช่วงที่ค่าฝุ่นสูง และด้านคุณภาพชีวิต...การใช้ชีวิตกลางแจ้งถูกจำกัด เด็กๆไม่สามารถออกไปเล่นข้างนอกได้...อีกทั้งความเครียด สุขภาพจิตเสีย เพราะต้องเผชิญฝุ่นทุกวันเหลียวหลังแลหน้า...มาตรการแก้ไขของภาครัฐที่ผ่านมา ยังทำได้จำกัด...ไม่ได้ผลในระยะยาว ในอนาคตจำเป็นต้องออกกฎหมายควบคุมมลพิษที่เข้มงวดขึ้นและบังคับใช้อย่างจริงจัง.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม