ความเป็นจริงทางการเมืองที่มิอาจปฏิเสธได้ก็คือผู้มีอำนาจอย่างเป็นทางการกับผู้มีอำนาจแท้จริงในรัฐบาลชุดนี้ “ทักษิณ ชินวัตร” ไม่ได้มีตำแหน่งในรัฐบาล แต่มีอำนาจแท้จริงในรัฐบาล ตรงกันข้าม “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการแต่ไม่มีอำนาจตัดสินใจทุกอย่างได้จึงไม่แปลกที่นายกรัฐมนตรีกินข้าวกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลจึงได้รับความสนใจน้อยกว่า “ทักษิณ” นัดเคลียร์ใจกับ “เนวิน ชิดชอบ” ผู้มีอำนาจแห่ง “ภูมิใจไทย”นี่เป็นความจริงของการเมือง ณ วันนี้!เหตุที่นำเรื่องนี้มาพูดถึงก็เพราะปัญหาขัดแย้งระหว่าง “เพื่อไทย” กับ “ภูมิใจไทย” ในประเด็นฮั้วเลือกตั้ง สว.“ทักษิณ” จะพบกับ “เนวิน” เพื่อเคลียร์ใจ ได้รับความสนใจมากกว่านายกรัฐมนตรีดินเนอร์กับหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคร่วมรัฐบาลแต่เนื่องจากความลับแตกข่าวรู้ไปถึงนักข่าวจึงต้องยกเลิกมีแต่ “เนวิน” ที่มาตามนัดแต่ยังไม่ถึงขั้นซีเรียส เพราะมีเวลาที่จะเคลียร์กันได้โดยเฉพาะการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษของดีเอสไอ ที่จะประชุมเพื่อพิจารณาลงมติว่าจะรับคดีนี้ไปสอบสวนต่อหรือไม่เนื่องจากดีเอสไอได้รับมอบหมายจาก กกต.ให้ทำการสอบสวนการเลือกตั้ง สว.ที่ผ่านมา และได้หลักฐานมาว่ามีการฮั้วเลือกตั้งจริงจำนวน 138 คนโดยได้แจ้งให้ กกต.ทราบเรื่องนี้แล้ว!กคพ.จะมีการประชุมเพื่อพิจารณารับหรือไม่รับ ซึ่งจะต้องใช้มติ 2 ใน 3 จากคณะกรรมการทั้งหมด 2 คน คือต้องได้ 15 เสียงขึ้นไป ถึงจะรับคดีได้แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ยังมีเวลาเคลียร์กันได้ เพราะยังมีอีกหลายขั้นตอน แต่ประเด็นก็คือหากรับพิจารณาก็เท่ากับว่าคดีนี้ อยู่ในบ่วงของดีเอสไอทันทีไม่ใช่ กกต.อย่างที่บรรดา สว.ที่คัดค้านเรื่องนี้โดยอ้างว่าดีเอสไอ ไม่มีอำนาจว่าไปแล้วเรื่องนี้ต้องแยกให้ชัดเพราะ กกต.นั้นมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งโดยตรงแต่ดีเอสไอนั้นได้รับมอบอำนาจให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนว่ามีการทุจริตเลือกตั้งหรือไม่ เป็นการกระทำผิดของบุคคลหากสอบสวนแล้วพบว่ามีความผิดก็ส่งเรื่องให้ กกต.รับทราบและสามารถดำเนินคดีได้ตามข้อกฎหมายเรื่องจะต้องไปถึงศาลทุจริตเลือกตั้งที่จะพิจารณาถอดถอนจากตำแหน่งแต่เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นการเมือง เพราะ สว.138 คนนั้นอยู่ในสาย “สีน้ำเงิน” หากมีความผิดก็จะทำให้ภูมิใจไทยหมดอำนาจบารมีไปทันทีนี่คือประเด็นที่ทำให้ “เนวิน” ต้องเคลียร์กับ “ทักษิณ” คือให้ดีเอสไอหยุดทำคดีนี้ต่อไปเพื่อให้ทุกอย่างจบในขั้นนี้เพราะหากดำเนินการต่อ “เพื่อไทย” ก็มี 2 ทางเลือก คือเจรจาให้ สว.ที่อยู่ในข่ายจะเปลี่ยนค่ายจาก “น้ำเงิน” มาอยู่ “แดง” หรือไม่ถ้าไม่ก็ต้องหมดสมาชิกภาพแล้วให้ สว.สำรอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสีแดงเข้ามาทำหน้าที่แทนดังนั้น “ภูมิใจไทย” ก็ต้องตกลงและยอมรับเงื่อนไขของ “เพื่อไทย” โดยเฉพาะการทำตัวเป็น “ภูมิใจขวาง” ที่ทำให้ไม่สามารถดำเนินนโยบายได้อย่างที่เกิดปัญหาในขณะนี้ก็อยู่ที่ว่า “ภูมิใจไทย” จะวางหมากวางเกมอย่างไรต่อไป!คือถ้ายอมรับก็สามารถทำงานร่วมกันต่อไปได้ หากไม่ยอมก็ต้องแตกกันไปข้างที่สำคัญก็คือ “เพื่อไทย” มีแต้มต่อที่ดีกว่า เพราะถ้าได้ สว.มาเป็นพวกและ 44 สส.ของ “ประชาชน” ผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง“เพื่อไทย” ก็จะมีดุลอำนาจที่เหนือกว่าทุกด้าน!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม