คนไทยอาจจะรู้สึกพิศวงงงงวยกัน เมื่อศาลเมียนมาที่เกาะสองมีคำพิพากษาให้จำคุก 4 ลูกเรือไทย คนละ 3 ถึง 5 ปี ฐานกระทำผิด 2 ข้อหาหนัก ลักลอบเข้าไปทำการประมงในน่านน้ำเมียนมา และลักลอบเข้าเมืองโดยมิชอบ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน ทางการรัฐบาลเผด็จการพม่าได้ให้สัญญาจะปล่อยลูกเรือไทยแม้แต่นายกรัฐมนตรีไทย แพทองธาร ชินวัตร ก็หลงเชื่อ ถึงกับโพสต์ข้อความว่า หลังปีใหม่จะมีข่าวดี เรื่องลูกเรือประมงไทย จะได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ ทำให้ครอบครัวต่างหลงดีใจ หวังว่าจะได้ร่วมฉลองปีใหม่โดยถ้วนหน้า แต่กลับตาลปัตร นายกรัฐมนตรีได้รับรายงานจากรัฐมนตรีต่างประเทศว่า เป็นกระบวนการปกติหมายความว่า รัฐบาลเมียนมา ต้องให้ศาลพิพากษาให้จำคุกก่อนแล้วจึงค่อยให้อภัยโทษ สั่งปล่อยตัวทีหลัง กรณีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน หนังสือพิมพ์ “ไทยรัฐ” รายงานว่า เรือรบเมียนมายิงเรือประมงไทย ขณะที่กำลังล้อมอวนอยู่ในทะเลอันดามัน ห่างจากเกาะพยาม จ.ระนองของไทย 12 ไมล์ทะเลในระหว่างปฏิบัติการ ลูกเรือไทยตกน้ำเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 2 คน เมียนมาจับลูกเรือไทยไป 4 คน พร้อมกับลูกเรือที่เป็นชาวเมียนมา 27 คน และเรือประมงไทยชื่อ ส.เจริญชัยถูกยึดไป จากนั้นรัฐบาลไทยได้ดำเนินการทางการทูตเพื่อให้เมียนมาปล่อยตัวลูกเรือไทยโดยเร็ว และได้รับการตอบสนองด้วยดีก่อนที่จะกลับคำนอกจากจะโดนข้อหาลักลอบจับปลาในน่านน้ำเมียนมาแล้ว ลูกเรือไทยยังโดนข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยมิชอบ เป็นข่าวที่น่าสนใจ เพราะลูกเรือไทย 4 คน ลักลอบเข้าเมียนมา กลายเป็นข่าวใหญ่ในไทย เปรียบเทียบกับการลักลอบเข้าไทยของแรงงานพม่านับล้านๆ คนกลายเป็นเรื่องปกติ แทบจะไม่เป็นข่าวในสื่อไทยกรณีนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเมียนมาที่เปลี่ยนไป หลังจากที่มีการเปลี่ยนรัฐบาลในสองประเทศ สัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเป็นแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ในขณะที่ไทยมีรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร เช่น รัฐบาล คสช. มีสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลทหารพม่า เพราะทั้งสองฝ่ายต่างยึดอุดมการณ์การเมือง แบบ “อำนาจนิยม”อำนาจนิยมย่อมเข้าใจในอำนาจนิยม แต่เมื่อไทยเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ที่มาจากการเลือกตั้งเป็นเสรีนิยม แต่เมียนมารัฐบาลกลับปกครองด้วยระบอบเผด็จการขนานแท้ ความสัมพันธ์อาจเปลี่ยนไป แม้แต่กลุ่มประเทศอาเซียนที่จับมือกันมาหลายทศวรรษก็ไม่ยอมให้คณะผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาเข้าร่วมประชุมสำคัญของอาเซียน