“ภูมิธรรม” ออกตัว “เชิดชัย” ขู่ยุบสภาแค่ทัศนะ สส. คนหนึ่ง พรรคร่วมรัฐบาลยังหวานชื่น นายกฯไม่มีความคิด ยุบสภาในหัว “เสี่ยหนู” หยันไม่ให้ราคารุ่นเล็ก เสียเวลา ผู้ใหญ่คุยกันได้จบ “ทวี” แจง “บุญทรง” เข้าเกณฑ์พักโทษ แต่ยังถูกคุมประพฤติ อธิบดีกรมคุกยันถูกจำคุกมาแล้ว 2 ใน 3 ยังเหลือโทษคุมประพฤติ-ติดกำไล EM อีก 3 ปี 5 เดือน “บิ๊กเต่า” ชี้เป้ารีสอร์ตหรู “หวานใจบิ๊กการเมือง” ทำผิดจริง รุกที่ ส.ป.ก. พร้อมรับไม้ต่อจาก ป.ป.ช. จะได้ตั้งคณะทำงานสาวเส้นทางเงิน 10 ล้าน “เสี่ยอ้วน” เมินเวทีสาธารณะถก MOU 44 ผู้นำฝ่ายค้านแย้มใช้เวที สภาประชุมลับเหมาะกว่า “นายใหญ่” วางคิวเยือนอุบลฯนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม แกนนำพรรคเพื่อไทย ออกตัวเป็นความเห็นส่วนตัวของ นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ที่ขู่ว่ารัฐบาลอาจเลือกยุบสภาหากพรรคภูมิใจไทยยังเล่นแง่ ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยืนยันนายกฯไม่มีความคิดนี้อยู่ในหัว“อ้วน” โบ้ยยุบสภาแค่ความเห็น สส.เมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 2 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณี นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ขู่อาจมีการยุบสภาหากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ยังงอแงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ถือเป็นความเห็นของ สส.แต่ละพรรค แต่ละคน ที่เป็นอิสระ และถือเป็นทัศนะของนายเชิดชัย แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบให้เกิดแรงกระเพื่อมในรัฐบาล ขณะที่การทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีปัญหาอะไร ไม่กระทบความสัมพันธ์กัน เพราะผู้ใหญ่แต่ละคนหนักแน่น ไม่เช่นนั้นฟังทุกวันคงต้องยุบสภากันวันละหลายรอบพรรคร่วมรัฐบาลยังหวานชื่นกันดีเมื่อถามว่าต่อไป สส.สามารถแสดงความเห็นได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องคำนึงถึงมารยาทของพรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า เขาแสดงความเห็นในสภาก็แล้วแต่เนื้อหา เรื่องเสรีภาพในการแสดงความเห็นเราก็คำนึง แต่หากผู้ใหญ่ของแต่ละพรรคคุยกันรู้เรื่องก็ไม่มีปัญหา เมื่อถามว่าหากพรรค ภท.งอแงเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ จะไม่ยุบสภาตามที่ นพ.เชิดชัยขู่ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมหัวเราะก่อนตอบว่า คงต้องให้ นพ.เชิดชัย ไปยุบ แต่ข้อเท็จจริงไม่ว่าใครจะพูด อำนาจการยุบสภาเป็นของนายกฯ ที่ผ่านมานายกฯไม่เคยมีดำริหรือท่าทีที่จะยุบสภา และการทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาลยังดีอยู่ ส่วนความเห็นของแต่ละสภาเป็นเรื่องที่ต้องว่ากัน“อนุทิน” หยันไม่ให้ราคากับรุ่นเล็กนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า คนที่ยุบสภาได้มีคนเดียวคือนายกฯ เมื่อถามว่าทำให้เกิดการบั่นทอนกำลังใจการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ก็อย่าไปฟัง เราฟังเฉพาะคนที่มีอำนาจพอแล้ว คนที่ไม่มีอำนาจพูดไปก็เหมือนไม่ได้พูด ส่วนการแก้รัฐธรรมนูญขณะนี้ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไร เดี๋ยวก็หารือแล้วว่ากันไป ตอนนี้ควรเน้นช่วยเหลือเรื่องน้ำท่วมภาคใต้ก่อนดีกว่า ไม่มีอะไรกดดัน รุ่นใหญ่เขาคุยกัน ไม่ไปคุยกับรุ่นเล็กหรอก เสียเวลา เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะทำให้เกิดความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ไม่มี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ ก็พูดแล้วว่าคนพูดไม่มีอำนาจอะไร นายกฯเท่านั้นที่ตัดสินใจได้เปิดทำเนียบรับ “เอเลียด คิปโชเก”เวลา 14.15 น. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ พร้อมนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และ น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้การต้อนรับนายเอเลียด คิปโชเก ตำนานนักวิ่งมาราธอนโลกและแชมป์โอลิมปิก 2 สมัยจากเคนยา ที่เดินทางมาร่วมการแข่งขันวิ่งมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับโลก ครั้งที่ 7 ประจำปี 2567 หรือ “วิ่งผ่าเมือง ปีที่ 7” นอกจากจะเป็นการแข่งขันชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและสนับสนุนการออกกำลังกายผ่านการวิ่ง ที่ได้รับความสนใจจากนักวิ่งทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าร่วมกว่า 3 หมื่นคนหวังขยายสัมพันธ์ไทย-เคนยาน.ส.แพทองธารกล่าวว่า นับเป็นการส่งเสริมให้คนไทยและนักวิ่งในภูมิภาคเห็นถึงความสำคัญของการออกกำลังกาย อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวสำหรับนักวิ่งจากทั่วโลกอีกด้วย ยินดีที่ทราบว่านายเอเลียด คิปโชเก ได้เป็น “ทูตด้านการท่องเที่ยวกีฬาและวัฒนธรรม” ของประเทศไทยเป็นเวลา 3 ปี เชื่อว่ารัฐบาลและนายเอเลียด คิปโชเก จะสามารถทำหลายสิ่งหลายอย่างร่วมกัน เพื่อสนับสนุนให้ผู้คนออกกำลังกายมากขึ้น การมีนักวิ่งระดับตำนานของโลกมาวิ่งในไทย เปรียบเสมือนการโฆษณาประเทศไทย รัฐบาลพร้อมสนับสนุนในทุกด้านที่ทำได้ เพื่อช่วยส่งเสริมความร่วมมือทั้งในระดับวงการกีฬาวิ่ง รวมทั้งความร่วมมือทวิภาคีระหว่างประเทศไทยและเคนยา หวังว่าครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่คนไทยและเคนยาได้มาร่วมฝึกซ้อม สร้างความสัมพันธ์นายเอเลียด คิปโชเก กล่าวว่า ขอบคุณรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ให้โอกาสมาร่วมงานผ่านความร่วมมือด้านกีฬา นำมาซึ่งความสามัคคีและมิตรภาพใหม่ๆ เห็นพ้องกับนายกฯที่มองว่ากีฬาเป็นวิธีที่ง่ายในการเชื่อมโยงผู้คนทั่วโลก เป็นกุญแจสำคัญที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน กีฬาได้กลายเป็นภาษาที่ทุกคนเข้าใจ“นายใหญ่” วางคิวเยือนอุบลฯนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง อดีต สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่ 11 ธ.ค.นี้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะเดินทางไป จ.อุบลราชธานี เพื่อพบปะแกนนำ 11 เขตพรรค พท. เพราะจะมีการเลือกตั้งนายก อบจ. อุบลราชธานี ในวันที่ 22 ธ.ค. ที่พรรคเพื่อไทยมีมติส่งนายกานต์ กัลป์ตินันท์ ลงสมัครในนามพรรค แต่ไม่มีการขึ้นเวทีปราศรัย เป็นแค่การพบปะให้กำลังใจเท่านั้น เนื่องจากนายทักษิณมีเวลาน้อย เพราะวันที่ 13-14 ธ.ค. จะเดินทางไปสัมมนาพรรค พท. ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีในการสร้างความมั่นใจให้ทีมงานพรรค สำหรับกระแสตอบรับนายกานต์ถือว่าดี แต่ยังเหลือเวลาอยู่ การลงพื้นที่ของนายทักษิณครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี ที่จะไปพบปะแกนนำที่ จ.อุบลราชธานี“วันชัย” เตือนนายกฯปรับบุคลิกด้านนายวันชัย สอนศิริ อดีต สว. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “เรื่องบุคลิกของนายกฯอิ๊งค์ คนที่เขาเกลียดอะไรๆ ก็ด่านายกฯอิ๊งค์ และพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว แต่คนที่ชอบและเชียร์เริ่มไม่สบายใจกับเรื่องที่น่าเป็นห่วง 2-3 เรื่อง 1.บุคลิกลักษณะการแต่งเนื้อแต่งตัว เสื้อผ้าหน้าผม รองเท้า พูดกันเยอะ นายกฯผู้หญิงต่างกับนายกฯผู้ชาย ควรพิถีพิถันให้เหมาะสม ไม่ควรเป็นขี้ปากใครด้วยเรื่องอย่างนี้ 2.ท่าทีการให้สัมภาษณ์ แสดงออกถึงความรู้ ความสามารถ การเตรียมตัว ที่แล้วมาบ่งบอกถึงความไม่พร้อม ไม่เตรียมตัว มือไม้หน้าตาเลิ่กลั่ก ตื่นเต้น ประหม่า คนเป็นผู้นำไม่ควรเป็นอย่างนี้ 3.เรื่องครอบครัว ดูคุณทักษิณสมัยเป็นนายกฯ คุณหญิงอ้อและลูกๆปรากฏตัวน้อยมาก ไปเท่าที่จำเป็นในบางโอกาส นายกฯอิ๊งค์กับสามีและลูกที่หอบกันไปมาในหลายครั้ง เขาวิจารณ์กันเยอะ เรื่องครอบครัวก็เป็นเรื่องครอบครัว หลังบ้านคือหลังบ้าน เราคือนายกฯของคนไทย เรื่องอย่างนี้ไม่ควรให้ใครมาว่าได้ ทีมงานนายกฯควรรีบแก้ไขด่วน อย่าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ แม้เป็นเรื่องเล็กน้อย ก็บานปลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ วุฒิภาวะนายกฯ คือหน้าตาประเทศ ขนาดคนชอบคนเชียร์ยังรู้สึกได้ แล้วคนเกลียดจะไม่ขยายความ กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวหรือ”“ทวี” ชี้ “บุญทรง” เข้าเกณฑ์พักโทษช่วงบ่ายที่กระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ได้รับการพักการลงโทษว่า ทราบข่าวช่วงเช้าที่ผ่านมา สอบถามนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ทราบเบื้องต้นว่านายบุญทรง มีระยะเวลาต้องโทษรวมกว่า 40 ปี แต่ได้อภัยโทษมา 4 ครั้ง เหลือโทษประมาณ 10 ปี อีกทั้งนายบุญทรงรับโทษจำคุกมาแล้ว 7 ปี เข้าเกณฑ์การพักการลงโทษ แต่ในทางกฎหมายยังถือเป็นโทษอยู่ เป็นอำนาจการพิจารณาของคณะอนุกรรมการพิจารณาการพักการลงโทษ ส่วนรายละเอียดของการพักโทษ ยังไม่เห็นเอกสาร แต่ทราบว่านายบุญทรงอยู่ในเกณฑ์พักโทษทั่วไป เพราะเป็นผู้สูงอายุและเหลือโทษน้อย จะมอบหมายกรมราชทัณฑ์เผยแพร่ข่าวแจกสื่อมวลชนต่อไป ส่วนการติดกำไล EM เพราะนายบุญทรง อายุน้อยกว่า 70 ปี จึงต้องติดกำไล EMสั่งกรมราชทัณฑ์ทำเอกสารแจงสื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการรายงานตัวระหว่างถูกคุมประพฤติ พ.ต.อ.ทวีตอบว่า รายละเอียดไม่ทราบ ขอให้กรมราชทัณฑ์ทำข่าวแจกชี้แจงสื่อมวลชนแทน เมื่อถามว่าระหว่างการพักโทษบุคคลจะสามารถเขียนทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายได้หรือไม่ รมว.ยุติธรรมตอบว่า เป็นเรื่องเฉพาะใครจะเขียนขออภัยโทษก็ได้ แต่อำนาจไม่ได้อยู่ที่กระทรวงยุติธรรม อีกทั้งการอภัยโทษไม่ใช่กฎหมายราชทัณฑ์ ส่วนนายบุญทรงที่ได้รับการพักโทษแล้วกลับไปอยู่บ้านใน จ.เชียงใหม่ หรือไม่นั้น ไม่ทราบจริงๆ แต่ผู้พักโทษจะไปอยู่ที่ไหนอย่างไรต้องเป็นไปตามเงื่อนไขการพักโทษ เช่น สถานที่นั้นต้องมีผู้ปกครอง ผู้ดูแล ที่สำคัญคืออยู่ในการดูแลของกรมคุมประพฤติ เป็นระบบสากลอยู่แล้ว หากผู้นั้นถูกดำเนินคดีในพื้นที่ใดก็ต้องคุมประพฤติในพื้นที่นั้น ถ้าจะออกนอกพื้นที่ต้องแจ้งอธิบดีฯยันต้องโทษมาแล้ว 2 ใน 3นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า นายบุญทรงเข้าข่ายได้รับการพักโทษจริง เพราะต้องโทษจำคุกมาแล้ว 2 ใน 3 ปกติเมื่อนักโทษหรือผู้ต้องขังรายใดเข้าข่ายการพักโทษหรือปล่อยตัวชั่วคราว ต้องเสนอรายชื่อเข้าสู่ผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ การพิจารณาพักโทษถือเป็นระเบียบปกติของกรมราชทัณฑ์ สำหรับการพิจารณาว่าต้องใส่กำไล EM หรือไม่ มีข้อพิจารณา เช่น เจ็บป่วย มีเหตุจำเป็นด้านสุขภาพหรืออื่นๆ ผู้ต้องขังไม่หลบหนีระหว่างการพักโทษปล่อยตัว ส่วนการปล่อยตัวผู้ต้องขัง ถ้าได้รับการพิจารณาพักโทษปล่อยตัวแล้วจะดำเนินการปล่อยตัวให้เร็วที่สุด โดยทางเรือนจำที่เป็นผู้คุมขังเป็นผู้รับผิดชอบ หากคณะกรรมการพิจารณาและมีคำสั่งส่งมาถึงเรือนจำ สามารถปล่อยตัวได้เลยไม่ต้องทำเรื่องเสนอต่อศาล แต่ต้องประสานกรมคุมประพฤติทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า นายบุญทรงได้รับการปล่อยตัวแล้ว โดยออกจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นที่พักรักษาตัวตั้งแต่เมื่อช่วงเช้า (วันที่ 2 ธ.ค.) ทั้งนี้ นายบุญทรงยังเหลือโทษที่ต้องติดกำไล EM และคุมประพฤติเป็นเวลา 3 ปี 5 เดือนคุมประพฤติเผยต้องใส่กำไล EMพ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า เรื่องการพักการลงโทษของผู้ต้องขังอยู่ในส่วนดูแลของกรมราชทัณฑ์ และการพักการลงโทษดังกล่าวเป็นเรื่องของวาระการประชุม ทราบว่ามีการเสนอรายชื่อหลายบุคคลเข้ามา เพื่อพิจารณาตามเงื่อนไขของระเบียบการพักการลงโทษ แต่ถ้าคณะกรรมการที่มีหน้าที่พิจารณาโดยตรงจะเป็นในส่วนของกรมราชทัณฑ์ ขณะที่เรื่องการติดหรือไม่ติดกำไล EM กับผู้ได้รับการพักโทษ จะเป็นเรื่องของการเสนอขอเข้ามา แต่คณะกรรมการก็จะใช้ดุลพินิจพิจารณาว่าจะอนุญาตให้บุคคลนั้นติดกำไล EM หรือไม่ หรือไม่สั่งติดเพราะเหตุใด นอกจากนี้หากว่ากันตามหลักการ ผู้ต้องขังป่วยแล้วได้รับการพักการลงโทษมีเหตุจำเป็นต้องติดกำไล EM หรือไม่นั้น นำเรียนว่าคงไม่เสมอไปทุกราย เพราะกรรมการจะต้องดูรายละเอียดให้ครบถ้วนรอบด้านก่อน ว่าจะมีความเห็นอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งนี้ ยังไม่ได้รับรายงานว่าบุคคลดังกล่าวได้รับการพักโทษด้วยเหตุใด ทราบเพียงว่ามีการประชุมไปแล้ว แต่ถ้าข้อมูลรายละเอียดต้องประสานไปยังกรมราชทัณฑ์“เสี่ยเปี๋ยง” ร่วมก๊วนยังอยู่ในคุกผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีร่วมกันทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ เมื่อปี 2558 ศาลฎีกาพิพากษาให้นายบุญทรง รับโทษจำคุก 48 ปี ขณะที่นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ รับโทษจำคุก 36 ปี กรณีนายภูมิ รับโทษจำคุกมาแล้ว 7 ปี โทษสุดท้ายเหลือ 8 ปี และได้รับการปล่อยตัวพักโทษตั้งแต่เดือน ก.ย.2567 จะครบกำหนดการคุมประพฤติในวันที่ 25 ส.ค.2568 ขณะที่นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง มีโทษจำคุก 48 ปี ยังไม่ได้รับการพักการลงโทษ ยังคงอยู่ในเรือนจำฯ เนื่องด้วยยังมีคดีอื่นที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพัน“บิ๊กเต่า” ชี้เป้ารีสอร์ตหรูทำผิดจริงวันเดียวกัน ที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงการตรวจสอบรีสอร์ตหรู บุกรุกที่ ส.ป.ก. ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา และ จ.สระบุรี ว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ลงตรวจสอบพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี พบว่าน่าจะมีการออก เอกสารสิทธิถือครองที่ดิน ส.ป.ก.โดยมิชอบ มีการ กระทำความผิดจริง ป.ป.ช.จึงเป็นผู้ถือสำนวนในการ สืบสวนร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีป.ป.ช. ป.ป.ท. บก.ปปป. และ ปปง.ร่วมเป็นคณะ ทำงาน จากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมี 50-60 ไร่ ถูกบุกรุกเมื่อปี 2558 จับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 4 คน ศาลสั่งจำคุกจำเลย 1 คน ส่วนอีก 3 คน รอลงอาญา ต่อมามีการออกเอกสารสิทธิคืนที่ดิน ส.ป.ก.ให้แก่จังหวัด จากนั้นบริษัทภูนับดาวมาเช่า ทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวคล้ายรีสอร์ตให้นักท่องเที่ยวมาพัก มีประธานบริษัทแห่งหนึ่งเป็นประธานกรรมการผู้มีอำนาจบริหารจัดการ ถือเป็นการทำผิดวัตถุประสงค์การใช้พื้นที่ทำการเกษตรชัดเจนพร้อมรับไม้จัดการต่อจาก ป.ป.ช.เมื่อถามถึงเรื่องเส้นเงิน 10 ล้านบาท ที่เชื่อมโยง ไปถึงสาวคนสนิทของบิ๊กการเมือง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า การตั้งคณะทำงานคดีนี้ ทุกหน่วยงานต้อง ส่งข้อมูลไปที่ ป.ป.ช. ในส่วน บก.ปปป. ให้รับผิดชอบสืบสวนเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องเอกสาร และพื้นที่ที่ได้มา โดยไม่ชอบ ส่วนเรื่องเส้นทางการเงินจะเป็นของปปง. ส่วนเงิน 10 ล้านบาท บก.ปปป.ได้เพียงข้อมูลมา แต่รายละเอียดมีที่มาอย่างไร เชื่อมโยงต่อไปที่ไหน ตำรวจ บก.ปปป.ไม่ได้สืบสวน รวมทั้งตนไม่มีอำนาจออกหมายเรียกหรือหมายจับได้ อำนาจอยู่ที่ ป.ป.ช.ทั้งหมด เมื่อถามว่า จากข้อมูลพบผู้กระทำผิดประมาณ กี่คน พล.ต.ต.จรูญเกียรติตอบว่า เชื่อว่ามีหลายคน ก่อนหน้านี้ บก.ปปป.เคยเข้าไปตรวจค้นที่รีสอร์ตภูนับดาวมาแล้ว พร้อมขอรายละเอียดหลักฐานต่างๆ ที่เป็นเอกสารสิทธิตัวจริง แต่บริษัทยังไม่ยอมนำมามอบให้ หาก ป.ป.ช.จะมอบให้ตำรวจมาทำคดีนี้ ก็พร้อมทำหน้าที่ และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่มีหน้าที่ไปช่วยใครให้พ้นผิด เพราะเรามีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายกับทุกคนที่กระทำความผิดเมินเปิดเวทีสาธารณะเอ็มโอยู 44อีกเรื่อง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงข้อเสนอให้เปิดประชุมสภาเพื่ออภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 กรณีข้อพิพาทเอ็มโอยู 44 (MOU 44) ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่รัฐบาล เป็นเรื่องของ สส.ในสภา เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อยากให้ เปิดเวทีสาธารณะ เพราะภาคประชาชนไม่สามารถเข้ามาพูดคุยในสภาได้ นายภูมิธรรมตอบว่า ถ้าเอาใจ ทุกคนคงต้องจัดทุกที่ เมื่อถามว่าหากเปิดเวทีสาธารณะอาจช่วยทำให้เรื่องจบได้ นายภูมิธรรมตอบว่า มัน ไม่จบหรอก อย่าไปคิดว่ามันจะจบฝ่ายค้านมองประชุมลับเหมาะกว่าขณะที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีนายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอใช้กลไก รัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เปิดประชุมรัฐสภาให้อภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ซักถามข้อเท็จจริง กรณีเอ็มโอยู 44 ว่า กรณีดังกล่าวเป็นปัญหาระหว่างประเทศ แต่ยังมีอีกกลไกที่ผู้นำฝ่ายค้านสามารถใช้ขอเปิดอภิปรายได้ เป็นการประชุมลับ เรื่องดังกล่าวจะหารือภายในพรรคร่วมฝ่ายค้านอีกครั้ง ให้เกิดความเหมาะสม แต่สิ่งสำคัญการแก้ปัญหาต้องมีความโปร่งใส ตรงไปตรงมาในการเจรจา เข้าใจว่ารัฐบาลยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจารายละเอียดบางอย่างที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่เมื่อมีความชัดเจนแล้ว ฝ่ายค้านพร้อมติดตามตรวจสอบให้เกิดความชัดเจน เมื่อถามว่าการใช้กลไกรัฐสภาหารือเรื่องดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่ นายณัฐพงษ์ตอบว่า เหมาะสม แต่หากบางเรื่องที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ การอภิปรายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 หรือ 152 ที่เป็นการประชุมแบบเปิดเผยอาจไม่เหมาะสมในบางประเด็น การประชุมลับจะเหมาะสมมากกว่าอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่