นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ต้องให้สัมภาษณ์ข้ามทวีปจากสหรัฐอเมริกา กรณีที่มีข่าวว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีโครงการจะเชิญตำรวจจีนมาลาดตระเวนตามท้องถนนในเมืองท่องเที่ยวสำคัญๆของไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวจีนในเรื่องความปลอดภัยในประเทศไทย“ไม่มีไฟย่อมไม่มีควัน” เป็นความจริงที่สุด นายกรัฐมนตรีไม่ถึงกับปฏิเสธข่าวเรื่องตำรวจจีนโดยสิ้นเชิง ไม่ถึงกับจะให้ตำรวจจีนมาเดินลาดตระเวนตามถนนไทย แต่เป็นการดูแลประสานงาน ขณะที่ น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. ชี้แจงว่าได้ยกเลิกโครงการที่เป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดเนื่องจากโครงการมีคำว่า “ลาดตระเวน” อยู่ด้วย จึงต้องขออภัยที่ทำให้เกิดความเข้าใจไม่ตรงกัน แต่ต้องยอมรับว่ารัฐบาลไทยกำลังเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ขาดหายไป จากเมื่อปี 2562 ที่มีเข้ามากว่า 40 ล้านคน กว่า 10 ล้านคนเป็นนักท่องเที่ยวจีน สร้างรายได้ให้ไทยเกือบ 2 ล้านล้านบาทชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมีจำนวนมากตามลำดับคือจีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และลาว และนักท่องเที่ยวจีนสร้างรายได้สูงสุด ปีนี้ ททท.ตั้งเป้าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 25 ล้านคน สร้างรายได้ 2.8 ล้านล้านบาท ส่วนนักท่องเที่ยวไทย 35 ล้านคน สร้างรายได้ 8.8 แสนล้านบาทนักท่องเที่ยวจีนสร้างรายได้ให้ไทยมากที่สุด ทางการไทยและคนไทยจึงอาจชื่นชมจีนเป็นธรรมดา คนจีนที่เดินทางมาไทยไม่ได้มีแค่นักท่องเที่ยว แต่ยังมีนักลงทุนในด้านต่างๆที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ร้านอาหาร สถานบันเทิง และยังแอบแฝงทำธุรกิจสีเทา เช่น ฟอกเงิน ค้ายาเสพติดและบ่อนกาสิโนธุรกิจสีเทาจากกลุ่มมาเฟียจีนสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อชื่อเสียงของประเทศไทย และตำรวจไทย อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนไม่มั่นใจในการรักษาความปลอดภัยของตำรวจไทยที่เคยกลายเป็นข่าวรีดไถนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตำรวจไทยยังเสียชื่อเพราะสีเทาจีนด้วยหวังว่ารัฐบาลไทยคงจะไม่คิดเอาใจจีน ด้วยการยินยอมให้นักท่องเที่ยวจีน สามารถทำผิดกฎหมายไทยได้ การเชิญตำรวจจีนมาลาดตระเวน เพื่อรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยวจีนโดยใช้กฎหมายจีนบังคับใช้กับคนจีนในดินแดนของไทย ทำให้ไทยเสี่ยงต่อการเสีย “สิทธิสภาพนอกอาณาเขต” ที่ฝรั่งเคยใช้กับไทยในยุคอาณานิคม.คลิกอ่านคอลัมน์ "บทบรรณาธิการ" เพิ่มเติม