อีกไม่กี่วันก็ต้องพ้นจากวงจรการเมือง เมื่อได้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่อย่างเป็นทางการ ความเป็นรัฐบาลรักษาการก็จะหมดไปโดยปริยายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรักษาการ ก็ต้องยุติปฏิบัติหน้าที่ หลังจากบริหารประเทศมา 9 ปีเต็มๆอีกทั้งพันธะกรณีทางการเมือง ที่เกี่ยวข้องกับพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ได้หมดไปแล้วเมื่อประกาศลาออก และขอวางมือทางการเมืองสังเกตเห็นได้ว่า “บิ๊กตู่” มีอารมณ์แจ่มใสเป็นพิเศษ หลังจากได้รัฐบาลชุดใหม่เป็นต้นมา คล้ายกับคนที่หลุดออกมาพบโลกใหม่ไม่ต้องแบกอะไรไว้บนบ่าที่หนักอึ้งมานานต่างกับช่วงเวลาที่ “ก้าวไกล” ลุ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นแกนนำรัฐบาลลิบลับ ที่แสดงออกคล้ายคนที่วิตกกังวล จนดูเป็นคนหงุดหงิดอารมณ์เสียนี่ก็พอจะวัดอะไรได้บางอย่างคงไม่มีใครเชื่อว่าสมการการเมืองที่ลงตัวได้ด้วย 11 พรรค 314 เสียง โดยมี “เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตจาก “เพื่อไทย” เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น“บิ๊กตู่” ไม่รู้ไม่เห็นด้วยไม่นับรวมกับการที่ “ทักษิณ” กลับเมืองไทยเพราะทั้ง 2 เรื่องนี้ ล้วนเป็นเรื่องเดียวกัน และอยู่ในกระบวนการจัดการที่สอดรับกันอย่างเป็นรูปธรรมแค่เห็น สว.สายประยุทธ์ ลงคะแนนโหวตเลือก “เศรษฐา” เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีพรรครวมไทยสร้างชาติร่วมรัฐบาลด้วยก็พอมองเห็นหลังฉากได้ปรุโปร่งแน่นอนว่าหลังจากคุมทัพการเมืองมา 9 ปีเต็มๆ ในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่ไม่สามารถปั้นคนใหม่ขึ้นมาทดแทนได้ถือว่าทำงานไม่บรรลุเป้าหมายแต่จะทิ้งไว้อย่างนั้นไม่ได้แน่!รูปขบวนการจัดการเพื่อสร้างความมั่นคงแห่งรัฐและสถาบันหลัก จึงต้องถูกดำเนินการอย่างแยบยลสำคัญยิ่ง “เพื่อไทย” พรรคการเมืองใหญ่ที่มี “ทักษิณ” คุมขบวนอยู่ จึงเป็นเป้าหมายสอดรับกับการประกาศท่าทีที่ชัดเจนผ่าน “ทักษิณ” คือปกป้องสถาบันทุกลมหายใจการกลับเมืองไทยของ “ทักษิณ” อย่างปลอดภัยจึงถูกปรุงแต่งให้สอดรับกันได้อย่างแนบเนียนอันไม่ต่างไปจากการลงหลังเสือแล้วไม่โดนเสือกัดด้วยการบริหารจัดการจนทุกอย่างลงตัว ทำให้รัฐบาลชุดใหม่ที่มี “เพื่อไทย” เป็นแกนนำจึงประสบความสำเร็จ พร้อมกับการกลับเมืองไทยของ “ทักษิณ”“เพื่อไทย” แม้จะต้องจ่ายแพงหน่อย แต่ก็คุ้มค่ากับการที่เจ้าของพรรคตัวจริง ไม่ต้องเป็นสัมภเวสีอยู่ต่างประเทศถือเป็นรายจ่ายที่คุ้มค่าและสามารถเรียกคืนกลับมาได้เป็นวิสัยของคนที่กล้าได้กล้าเสียอยู่แล้ว“บิ๊กตู่” ก็อำลาการเมืองไปอย่างมีความสุข!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม