ปฏิทินการเมืองที่มองไปข้างหน้า น่าจะทำให้การลุ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมีชีวิตชีวามากขึ้น ดีกว่าลอยไปลอยมาไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร“หมอกฎหมาย” นาม “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรีได้เอากำหนดการคร่าวๆ ตั้งแต่วันสุดท้าย 13 ก.ค.66 ที่ กกต. จะประกาศผลรับรองการเลือกตั้งซึ่ง ครม.จะพิจารณาพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมสภา20 ก.ค. เป็นวันสุดท้ายให้ ส.ส.รายงานตัว 24 ก.ค. พิธีเปิดประชุมรัฐสภา 25 ก.ค. เลือกประธานสภาผู้แทนฯ 26 ก.ค. โปรดเกล้าฯแต่งตั้งประธานสภาฯ 3 ส.ค. เลือกนายกรัฐมนตรี 10 ส.ค. แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี11 ส.ค. ถวายสัตย์ปฏิญาณฯจะเป็นวันสุดท้ายของคณะรัฐมนตรีรักษาการ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ผ่องถ่ายให้รัฐบาลชุดใหม่เข้าบริหารประเทศแต่เวลานี้ยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะมีพรรคการเมือง 8 พรรค 313 เสียง ที่จับมือกันหนุนให้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ในช่วง “ลุ้น”...ว่างั้นเถอะประเด็นที่เป็นปมปัญหามีอยู่ 2 เรื่อง1.จะต้องได้เสียงสนับสนุน 376 เสียง จึงจะสอบผ่านแม้มีเสียงในมือแล้ว 313 เสียงแล้ว แต่ยังขาดอีก 63 เสียงที่ยากก็คือเป็นเสียงจาก ส.ว. ที่แม้ว่าส่วนหนึ่งเปรยว่าจะยกมือให้ แต่เนื่องจากยังขาดอีกมาก โอกาสที่จะครบจึงแทบจะมองไม่เห็นหากเป็นคนอื่นและพรรคอื่นคงไม่ยากเท่านี้แต่นี่เป็นคนชื่อ “พิธา” จากก้าวไกล ที่มีแนวคิดทางการเมืองสวนทางกัน โดยเฉพาะ ม.112 อันเกี่ยวข้องกับ “สถาบัน” ที่ ส.ว.ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย2.เป็นเรื่องเฉพาะตัวของ “พิธา” เองคือ “หุ้นสื่อ” เป็นกรณีที่ไม่ต่างไปจาก “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองมาแล้ว2 เรื่องนี้คือประเด็นที่จะชี้ว่า “พิธา” จะก้าวไปสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ เพราะปมหนึ่งเป็นข้อกฎหมาย อีกปมหนึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแม้จะเห็นระยะทางและความเป็นไปตามปฏิทิน ที่ขมวดเอาไว้ตั้งแต่ต้น แต่ตัวละครสำคัญในเรื่องนี้เฉพาะ “พระเอก” จะลงเอยที่ใคร?อยู่ที่ว่าจะฝ่าดงระเบิดที่ขวางหน้าไปได้หรือไม่ คงเป็นเรื่องบุญพาวาสนาส่ง เพราะตำแหน่งสำคัญ “ผู้นำประเทศ” นั้นไม่ใช่ใครก็เป็นได้ แม้โอกาสอยู่แค่เอื้อมก็ตามเอาตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติดีกว่า เพราะไม่ต้องฝ่าด่านที่สาหัส เพียงแต่ตกลงกันให้ดีระหว่าง 2 พรรค คือพรรคที่ 1 และที่ 2 เท่านั้นปกติแล้วตำแหน่งนี้จะต้องตกไปอยู่ในโควตาของพรรคที่ได้เสียงมากที่สุด และเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล“ก้าวไกล” คงไม่ปล่อยให้ “เพื่อไทย” ผงาดคุมเกมในสภาแน่สภาพคงจะต่างกับรัฐบาล “ลุงตู่” ที่ยอมให้ “ชวน หลีกภัย” จากประชาธิปัตย์ เป็นประธานสภาฯ เพราะความจำเป็นไม่มีทางเลือกอื่นแต่ต้องยอมรับ “มีดโกนอาบนํ้าผึ้ง” ทำให้สภาทำงานได้อย่างดี เพราะความสามารถและการบริหารจัดการถึงที่สุดแล้ว ตำแหน่งนี้มีผลต่อความอยู่รอดของรัฐบาลด้วย!“สายล่อฟ้า”