นักการเมืองและนักวิชาการ ดาหน้าออกมาคัดค้านระเบียบใหม่ของ กกต.ที่จะทำให้ยุบพรรคได้รวดเร็วเหมือนติดเทอร์โบ ที่ออกมาในช่วงใกล้วันเลือกตั้ง เป็นห่วงว่าผู้มีอำนาจอาจใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อยุบพรรคที่ไม่ชอบขี้หน้า ลุกลามกลายเป็นความวุ่นวาย สมความต้องการของฝ่ายที่ไม่อยากให้เลือกตั้งแหล่งข่าวจาก กกต.อ้างว่า เหตุที่ต้องออกระเบียบใหม่ เป็นไปตาม พ.ร.บ.การดำเนินงานในกระบวนยุติธรรม 2565 ที่กำหนดเวลาแล้วเสร็จของกระบวนการยุติธรรมของกระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย รวมทั้ง กกต. แต่เป็นคนละเรื่องกับการยุบพรรค ซึ่งเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนส.ส.และนักวิชาการบางคนยืนยันว่า ไม่ควรจะมีการยุบพรรคด้วยซํ้า ในประเทศประชาธิปไตย เปรียบเทียบได้กับรัฐธรรมนูญมาตรา 35 ที่บัญญัติว่า บุคคลผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน มีเสรีภาพในการเสนอข่าวสาร และแสดงความคิดเห็น การปิดกิจการหนังสือพิมพ์ และสื่อมวลชนอื่นๆ จะกระทำมิได้ประเทศประชาธิปไตยที่พัฒนา ถือว่าประชาชนมีเสรีภาพในการรวมกันตั้งพรรค เพื่อสร้างเจตนารมณ์ทางการเมือง ของประชาชน และดำเนินการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์นั้น ห้ามสั่งยุบพรรคโดยเด็ดขาด เว้นแต่กระทำความผิดร้ายแรง เช่นล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย เป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตยแต่กฎหมายพรรคการเมืองของไทย ที่ออกตามรัฐธรรมนูญ 2560 กลับเปิดช่องให้ยุบพรรคได้อย่างง่ายดาย จากการกระทำหยุมหยิม เล็กๆน้อยๆ เช่น ยิมยอมให้คนที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคเข้าควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำพรรค โดยเฉพาะการชี้นำพรรค เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเมืองของพรรครศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย แห่งมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เสนอแนะว่า กกต.ต้องไม่ควบคุมพรรคมากเกินไป หน้าที่ของ กกต.คือการสร้างความเป็นธรรมในการเลือกตั้ง รัฐจะต้องปล่อยให้ผู้เล่น ไม่ว่าจะเป็นพรรค ผู้สมัครรับเลือกตั้ง แม้กระทั่งประชาชนทั่วไป สามารถดำเนินกิจกรรมการเมืองโดยเสรีรัฐธรรมนูญของประเทศประชาธิปไตยทั่วโลก รับประกันเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน รับประกันเสรีภาพในการเสนอข่าวสารของสื่อมวลชน เช่นเดียวกับเสรีภาพในการจัดตั้งพรรค การเมือง รัฐธรรมนูญห้ามรัฐสั่งปิดสื่อมวลชนโดยเด็ดขาด จึงไม่ควรมีอำนาจสั่งยุบพรรค ด้วยเรื่องเล็กน้อย.