ซูฉิน ชาวลั่วหยาง เป็นศิษย์ กุ่ยกู่จื่อ เจ้าสำนักหุบเขาปีศาจ โด่งดังมากในยุคจ้านกว๋อ เรียนจบแล้วเดินทางไปหาเฉินหวัง อ๋องแคว้นฉิน เสนอแผนรวบรวมหกแคว้น เฉินหวังฟังแล้วไม่ศรัทธา เขาเอาความผิดหวังเดินทางกลับบ้านเกิดประตูบ้านเปิด แต่เขาจากบ้านไปนานเกินไป หมาในบ้านหลายตัวจำเขาไม่ได้ ชวนกันเห่าไล่พ่อแม่เห็นสภาพ เสื้อผ้ามอมแมม รองเท้าขาดวิ่น ก็ไม่สนใจ ภรรยากำลังทอผ้า เงยหน้ามองแวบหนึ่งแล้วก็ทอผ้าต่อ ซูฉินหิวเดินเข้าครัว พี่สะใภ้รู้ล่วงหน้ารีบเอากับข้าวดีๆไปซ่อน เขาออกปากขอให้พี่สะใภ้อุ่นกับข้าวให้กินพี่สะใภ้ปฏิเสธ มองหน้าแล้วบอก “เจ้ายังมีหน้ามาขอข้าวกิน อีกหรือ?”ซูฉินกลืนน้ำตา กินหมั่นโถวเย็นชืด ดื่มน้ำที่ไม่ได้ต้ม แล้วถอนใจเขารู้ดี ที่มาของความหมางเมิน เมียไม่นับเป็นผัว พี่สะใภ้ไม่นับเป็นญาติ พ่อแม่ไม่นับเป็นลูก ฯลฯเพราะทุกคนรู้ดี เขาเสียเวลาครึ่งชีวิตไปเรียนวิชา “ศาสตร์แห่งการเจรจา” กับอาจารย์กุ่ยกู่จื่อ วิชาที่คนทั้งลั่วหยางไม่รู้เลยว่าจะเอาไปใช้ทำอะไรขณะคิด เสียงพี่สะใภ้เหน็บแนมเข้าหู “เจ้าเรียนวิชาคิดใช้ปากหากิน ทำไมไม่เรียนวิชาค้าขาย เพาะปลูก หรือช่างฝีมือ หากินเหมือนคนอื่นๆ”นาทีนั้นเขาก็ตั้งหลักคิด...ขึ้นใหม่ เมื่ออ๋องแคว้นฉินไม่สนใจ แผนรวมหกรัฐเข้าแคว้นฉิน เขาก็ควรคิดแผนตรงกันข้าม แล้วก็หันหน้าเข้าหาหนังสือ ตั้งหน้าตั้งตาอ่านต่อจนค่อนคืนดึกดื่นเมื่อแน่ใจในวิชา...แล้ว ซูฉินก็ออกจากบ้าน เดินทางไปหว่านล้อมหกแคว้น จนทุกแคว้นตกลงใจใช้ยุทธศาสตร์ “รวมกันต้านฉิน” แล้วเห็นตรงกัน ให้เขารับงานอัครมหาเสนาบดีทันทีนั้น ชีวิตซูฉินก็พลิกด้าน จากชายหนุ่มยากไร้ กลายเป็นบุคคลผู้มีอำนาจราชศักดิ์เหนือหกแคว้น เขาส่งข่าวจะกลับไปเยี่ยมบ้านที่ลั่วหยางมาบ้านคราวนี้ ซูฉินแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าอย่างดี มีขบวนรถม้า มีคนติดตามมากมายพ่อเขาสร้างบ้านหลังใหม่ ฟื้นฟูถนนหน้าบ้าน จัดโต๊ะเลี้ยงใหญ่ ตีฆ้องร้องป่าวบอกเพื่อนบ้าน ตัวพ่อออกแรงเดินไปรอรับลูกชายถึงเขตแดนเมืองลั่วหยางเมื่อซูฉินเข้าบ้าน เมียเขายกถาดอาหารมาให้อย่างนอบน้อมยังไม่ทันนึกถึงพี่สะใภ้...ซูฉินคิดถึงไก่ไก่ก็มา เธอเสนอหน้าออกมาด้วยลีลาใหม่...แทนที่จะเดิน เธอคลานเข้าไปหา ท่าทางเหมือนงูเลื้อย ซูฉินหัวร่องอหาย“เมื่อก่อนพี่สะใภ้เคยเมินใส่ข้า ทำไมจึงมานอบน้อมกันถึงขนาดนี้”พี่สะใภ้ยิ้มเต็มปาก ตอบเสียงดัง “เพราะเวลานี้ ท่านมีอำนาจ มีเงินทองแล้ว”ซูฉินมีความรู้มาก แต่ก็ได้ความรู้เพิ่ม ความเปลี่ยนแปลงของคนในบ้านตัวเอง แล้วก็ถอนหายใจใหญ่...อีกครั้งเรื่องเล่าของซูฉินหนึ่งในสามศิษย์สำนักหุบเขาปีศาจ ถูกจดบันทึกไว้ในแบบเรียนเด็ก สมัยราชวงศ์หมิง สรุปเป็นคำสอนว่า “คนจนอยู่เมืองใหญ่ไร้คนสนใจ คนรวยอยู่ในป่าในเขา ก็มีคนบากบั่นไปหา”ผมตั้งใจค้นเอาเรื่องซูฉินมาเล่า เพื่อจะตอบข้อสงสัยเพื่อนคนหนึ่ง...ที่มีงานแวะเวียนไปบ้านป่ารอยต่อ...ทำไมคนมากมายที่มาจนคุ้นหน้า...จึงเปลี่ยนสีกันไปได้ คนนั้นเคยเหลือง ก็มา คนนั้นเคยแดง ก็มา สีอะไร สีไหนๆก็มาเรื่องคนเห็นแก่อำนาจเงินทอง เป็นที่รู้ๆกันมาแต่โบราณ จนถึงวันนี้ แต่จะหาคนที่ปากกับใจตรงกัน กล้าพูดเต็มปากเต็มคำ เหมือนพี่สะใภ้ซูฉิน คงมี แต่ก็น้อยคนนางเอกของเรื่องเล่าเรื่องนี้ จึงควรเป็นพี่สะใภ้ซูฉินนี่เอง.กิเลน ประลองเชิง