อมยิ้ม ผิวปาก กระดิกเท้า นั่งฝันถึง “แลนด์สไลด์” มโนได้ อารมณ์ “นายห้างดูไบ” ที่ได้ “ของกำนัล” ชุดใหญ่ไฟกะพริบ ทั้ง “บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ” และ “ปาร์ตี้ลิสต์หาร 100” จัดให้โดยคณะกรรมาธิการฯประเคนกันถึงหน้าตัก สถานการณ์ย้อนกลับไปย่ำรอยยุครุ่งเรือง ไล่ตั้งแต่อดีตพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนถึงยี่ห้อเพื่อไทย ยุค “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่ “นอมินี” ของ “ทักษิณ ชินวัตร” โกยแต้มล้นทะลักแบบที่สามารถจัดรัฐบาลพรรคเดียวไม่ต้องเหลียวหลังมองคู่แข่งที่กินฝุ่นจนพุงกางโดยปรากฏการณ์มั่นใจในความแรง แบบที่ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ไปขึ้นเวทีที่เมืองปากน้ำ สมุทรปราการ ปลุกผีคนเสื้อแดง ทวงคืนอำนาจกลับมาอยู่ในมือตระกูลชิน เพื่อพาพ่อกลับบ้านอาการลิงโลดแบบที่ทีมงานคนเดือนตุลาฯในนามทีมกลุ่มแคร์แห่กระแส ประกาศชัดถ้า “ระบอบทักษิณ” ยังครองอำนาจอยู่ ประเทศไทยไปไกลกว่านี้แน่มาถึงจุดกล้าใช้คำว่า “ระบอบทักษิณ” กันแบบไม่กระมิดกระเมี้ยน ไม่กลัวท็อปบูตเขม่น ไม่สนใจจะแสลงหูฝ่ายคุมเกมอำนาจประเทศไทยซะแล้ว“นายห้างดูไบ” ลุ้นเมืองไทยตามรอยประเทศฟิลิปปินส์ ที่ “บอง บอง” ทายาทอดีตผู้นำเผด็จการ “เฟอร์ดินานด์ มากอส” ชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ กลับมาทวงคืนอำนาจให้ตระกูลฮึกเหิม ตีปี๊บรัวเกราะเคาะไม้ ลำพองกันเต็มที่ สถานการณ์ตรงกันข้าม คนละอารมณ์กันเลยกับท่านผู้นำ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ที่โอกาสทำแฮตทริกนายกฯรอบสาม แผนต่อโปรโมชันอำนาจสะดุดลอยคว้างห่างออกไปทุกทีณ จุดที่พลังหดหาย คำพูดหมดความขลัง อุตส่าห์สั่งเสียก่อนบินไปสหรัฐอเมริกา ประกาศิต “ปาร์ตี้ลิสต์ต้องหาร 500” สูตรเดิม เบรกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ แต่ไม่ทันลับตา คณะกรรมาธิการฯซีกรัฐบาลก็โหวตหักมุมท่านผู้นำ ดันปาร์ตี้ลิสต์หาร 100 ประเคนใส่พานให้ทีมงาน “ทักษิณ”ตามสูตร “เติมฝัน” ให้ “บิ๊กบราเธอร์” ได้ลุ้นยุทธการ “ดีลข้ามขั้ว” สูตรเพื่อไทยจูบปากพลังประชารัฐ ดัน “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าค่าย พปชร.ขึ้นแท่นนายกรัฐมนตรีฮั้ว ซูเอี๋ย ได้กันทุกคน เสียแค่ “บิ๊กตู่” โดดเดี่ยวลำพังอ้อยเข้าปากช้าง หมูเข้าปากหมา ยากจะง้างออก เว้นเสียแต่ปาฏิหาริย์ “ฟ้าผ่า” ในชั้นที่ประชุมร่วมรัฐสภา สมาชิกวุฒิสภาผนึกแนวต้านระบอบทักษิณออกแรงถีบสกัด “แลนด์สไลด์” กันนาทีสุดท้ายแต่นั่นก็เป็นอะไรที่ยากเต็มกลืน ถึงตรงนี้จึงต้องทิ้งทวนฉวยโอกาสสุดท้าย โกยกล้วยกลับบ้านให้มากที่สุด เลือกตั้งรอบหน้า “พรรคปัดเศษ” สูญพันธุ์แน่ที่ต้องโฟกัสคือ “พรรคทางเลือก” ยี่ห้อป้ายแดงที่กำลังตั้งไข่ ในสถานการณ์ เบื่อ “บิ๊กตู่” กลัว “ทักษิณ” ตามธรรมชาติคนไม่มีทางเลือกเก่า ก็ต้องไหลออกประตูใหม่ ที่โฟกัสก็มีอยู่ 3 ยี่ห้อที่มีลำหักลำโค่นพอวัดกำลังในสนามไล่จากพรรคกล้า แต่ไม่แกร่งซะแล้ว ตามแนวโน้มนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค จะไปควบรวมกิจการกับค่ายไทยภักดี หุ้นกับซี้เก่า ปชป.อย่าง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ชูธงหนุน “บิ๊กตู่”ลุ้นปรับ ครม.ประเดิมขึ้นแท่น “ขุนคลัง” ก่อนเลยขณะที่พรรคไทยสร้างไทยของ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุงที่รำอยู่คนเดียวจนเหนื่อย แนวโน้มต้องลุ้นตัวโก่งกับยุทธศาสตร์เปิดหัวในสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก. แต้มจะลุ้นขึ้นหรือไม่ เพราะผลโพลทุกสำนักหล่นไปอยู่ท้ายตาราง ลากไม่ขึ้นสิ่งที่หวังกับภาพแห่งความเป็นจริง จะสวนทางกันหรือไม่ที่ “ทรงมวย” ดีสุดในสายตาเซียนการเมืองก็ต้องยกให้ค่าย “สร้างอนาคตไทย” ที่นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค สอท. เพิ่งขนหางเครื่องชุดใหญ่ไปเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดนครศรีธรรมราช ลุยเจาะตลาดปักษ์ใต้แบบหวังผลขายทีมเศรษฐกิจที่เทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ถือว่าเหนือกว่าพรรคอื่นหลายช่วงตัว ในจังหวะ “ชกลมโชว์ความฟิต” โฟกัส “มวยเชิงสูง” อย่าง “จอมยุทธ์ กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯมือเศรษฐกิจ ว่าที่นายกฯในบัญชีพรรคสร้างอนาคตไทย ก็เพิ่งกลับมาขึ้นเวทีพูดเรื่องเศรษฐกิจ เสนอทางสายกลาง ทางรอดของประเทศ ภายหลังจากเก็บตัวมากว่า 2 ปีสอนเชิงบริหารว่าด้วยสถานการณ์หินๆโควิดบวกสงครามยูเครน ต้องเน้นการจัดงบประมาณตามความจำเป็นช่วยประชาชนเดือดร้อน ฟื้นเศรษฐกิจไปพร้อมกับป้องกันโรคระบาด อย่ามัวเอาใจนักการเมืองแสดงถึงความ “เป็นมวย” ชั้นครู กึ๋นระดับอ๋อง ไม่ใช่รำไปเรื่อยเปื่อย เล่นกระแสแบบเลื่อนลอยตามทรงมวย ถึงกติกาเอื้อค่ายเก่า แต่ สอท.ก็มีลุ้นเก็บแต้มเป็นกอบเป็นกำจากประชาชนที่เบื่อขั้วขัดแย้ง ไม่อยากกลับไปย่ำรอยเดิมๆ.ทีมข่าวการเมือง