แนวโน้มทิศทางสถานการณ์ปริมาณนํ้า ในปี 2565 เป็นเรื่องต้องจับตากันต่อ ด้วย “ประเทศไทยยังเผชิญกับปรากฏการณ์ลานีญาเข้าสู่ปีที่ 3” ส่งผลให้สภาพอากาศแปรปรวนก่ออิทธิพล พายุฤดูร้อนที่มีฝนตกลงมาเร็วตั้งแต่เดือน มี.ค.-เม.ย.นี้ แล้วส่อแววน้ำน้อย แผ่วตอนปลายองค์กรด้านน้ำหลายสำนักคาดการณ์ “อิทธิพลลานีญา” น่าจะมีแนวโน้มอ่อนกำลังลงตั้งแต่เดือน พ.ค.-ส.ค. เสมือนเป็นสัญญาณเตือนว่า “ฝนทิ้งช่วง ยาว” มีผลทำให้ปริมาณน้ำเขื่อนลดระดับน้อยลงกระทบแหล่งน้ำชลประทาน และแหล่งน้ำธรรมชาติแห้งขอด แล้วส่งผลต่อหลายพื้นที่ของประเทศมีโอกาสเจอภัยแล้งต่อเนื่องด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว “เกษตรกรต้องเตรียมรับมือภัยแล้ง” ติดตามพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด ว่าที่ร้อยตรีธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาฝ่ายวิชาการและโฆษกกรมอุตุนิยมวิทยา บอกว่า ปีนี้เข้าสู่ฤดูร้อนมาตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค. ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 35 องศาฯขึ้นไป ต่ำกว่าค่าปกติ 35.4 องศาฯ แต่ก็สูงกว่าปี 2564 เล็กน้อย อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 34.8 องศาฯด้วยในช่วงนี้มวลอากาศเย็นจากจีนแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและมีคลื่นลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนมาปกคลุมภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานทั้งยังมีลมใต้ รวมถึงลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นอ่าวไทยเข้ามาปะทะอากาศร้อนจัด ลักษณะแบบนี้ทำให้อากาศแปรปรวนเกิดฝนฟ้าคะนอง และกระโชกแรงได้หนำซ้ำบางพื้นที่จะมีฝนตกหนักในภาคเหนือ ภาคอีสานตอนล่างและ ภาคตะวันออก ส่วนกรุงเทพฯและปริมณฑลฝนตกเฉลี่ยร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดฝนฟ้าคะนองอีกด้วย ดังนั้นปริมาณฝนทั้งประเทศกระจายดีแต่ยังมีไม่มากนัก ยกเว้นในภาคใต้ที่มีฝนตกต่อเนื่องอยู่ตลอดประเด็นมีอยู่ว่า “ในช่วงฤดูร้อน” สภาพอากาศมักร้อนจัดสูงสุด 40 องศาฯขึ้นไป ทำให้มวลอากาศยกตัว แล้วประกอบกับมวลอากาศเย็นจากจีนเคลื่อนลงมาปกคลุมตอนบนของประเทศเป็นระลอกๆ ผลตามมาคือ “มวลอากาศเย็นปะทะอากาศร้อน” ลักษณะนี้ทำให้มักมีโอกาสเกิดพายุฤดูร้อน รุนแรงขึ้นได้ด้วยซ้ำ แต่ก็ขอเตือนว่า “พายุฤดูร้อนเกิดขึ้นที่ใดมักรุนแรงอยู่ที่นั้น” สามารถสังเกตได้จาก “อากาศร้อนจัดมีความชื้นยกตัวขึ้นปะทะมวลอากาศเย็นเข้ามาปกคลุมอยู่นั้น” แล้วทำให้ก่อตัวเป็นเมฆฝน ยิ่งก่อตัวหลายก้อนซ้อนกันเยอะเท่าใด ย่อมทำให้ระดับของพายุมีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้นดังนั้น ถ้า “ประชาชนมองเห็นก้อนเมฆมารวมตัวกันดำทะมึนขนาดใหญ่” นั้นเป็นสัญญาณเตือนภัย “การเกิดพายุฤดูร้อนอันรุนแรง”มักมาพร้อมกับฝนฟ้าคะนองและกระแสลมกระโชกแรงระดับความเร็วมากกว่า 120 กม.ต่อ ชม. แล้วยิ่งถ้ามีเมฆหลายก้อนความเร็วลมอาจสูงถึง 200- 300 กม./ชม. เลยด้วยซ้ำจึงไม่ต้องแปลกใจ “พายุฤดูร้อน” ก่อให้อาคารบ้านเรือนสิ่งก่อสร้างเสียหายรุนแรงได้ มักมีเมฆหลายก้อนซ้อนกัน เช่น โกดังซื้อข้าวเปลือกร้อยเอ็ด ถูกพายุพัดหลังคาอาคารกำแพงพังถล่มลงมาเสียหายทั้งหลังฉะนั้น พื้นที่เสี่ยงภัย “เกิดพายุฤดูร้อนรุนแรงเน้นไปที่บริเวณประเทศไทยตอนบน” ตั้งแต่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคกลาง กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพราะเป็นพื้นที่ที่มีสภาพอากาศร้อนจัดที่มักมีหย่อมความกดอากาศต่ำเข้ามาปะทะอยู่บ่อยๆ ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองประจำแต่เกิดลมกระโชกแรงน้อยครั้ง“ช่วงนี้ประชาชนควรระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก โดยหลีกเลี่ยงอยู่ที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง ป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง พร้อมทั้งเพิ่มความระมัดระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองที่อาจเกิดอันตรายจากฟ้าผ่าได้” ว่าที่ร้อยตรีธนะสิทธิ์ว่า ประการถัดมาช่วงกลางเดือน พ.ค. บวกลบไม่เกิน 1 สัปดาห์เข้าสู่ฤดูฝน อันเป็นช่วงที่ “ปรากฏการณ์ลานีญาอ่อนกำลังลงมาตั้งอยู่ตรงค่ากลาง” ทำให้เดือน พ.ค.-ก.ค.จะเป็นช่วงที่น่ากังวลมากที่สุด เพราะ “ปริมาณฝนจะมีน้อยลง” โดยเฉพาะพื้นที่นอกเขตชลประทานที่ต้องอาศัยน้ำฝนเป็นหลักอาจเจอปัญหาน้ำไม่พอใช้ก็ได้ย้ำว่า “พื้นที่ที่เคยเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำ” ควรเตรียมกักเก็บน้ำสะอาด ในการบริโภคให้เพียงพอ “ด้วยการวางแผนใช้น้ำอย่างประหยัด” เพื่อให้มีน้ำใช้ได้ตลอดช่วงหน้าแล้งนี้ ทั้งปรับวิธีให้น้ำพืชผลทางการเกษตรลดอัตราระเหยสูญเสียน้ำ อันเป็นการเตรียมการรับมือไว้ล่วงหน้าให้เกษตรกรสามารถอยู่รอดปลอดภัยแม้ว่าตามผลการวิเคราะห์ “ปริมาณน้ำทั้งปีเกินค่าเฉลี่ย 5%” ก็ยังถือว่าน้อยถ้าเทียบกับปี 2564 ที่มีปริมาณน้ำทั้งปีมากกว่าเฉลี่ย 10% แล้วสิ่งสำคัญปีนี้ฝนก็อาจตกไม่สม่ำเสมอ “บางเดือนมีฝนมากและบางเดือนก็มีฝนน้อย” ดังนั้นอาจส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรบางพื้นที่ที่ควรระวังการใช้น้ำไว้ก่อนก็ดีเมื่อเข้าสู่ปลายฝนราวเดือน ก.ค.-ต.ค. ปริมาณฝนก็จะกลับมาเยอะมากขึ้นแล้วยังคาดการณ์กันต่อว่า “น่าจะมีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย หรือเคลื่อนเข้าใกล้ประมาณ 2 ลูก” กล่าวคือ ลูกแรกเคลื่อนเข้าบริเวณประเทศไทยตอนบน และอีกลูกอาจเคลื่อนผ่านบริเวณพื้นที่ภาคใต้ก็ได้ลักษณะคล้ายกับปีที่แล้ว “พายุเข้าไทย 2 ลูก” คือ เคลื่อนเข้าในไทย ตรงๆ 1 ลูก และเคลื่อนเข้าใกล้ 1 ลูก แม้มีพายุเข้าน้อยก็ตามแต่ฝนกลับตกลง แบบกระจายตลอด ทำให้มีปริมาณน้ำสะสมเป็นจำนวนมากในส่วน “ภาคใต้” เรื่องน้ำฝนยังมีแนวโน้มตกมากกว่าค่าปกติจนต้องระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ตั้งแต่ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส โดยเฉพาะพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ มีความจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมรับมือไว้ด้วยก็ดี สิ่งที่น่าสังเกตปีนี้ “ภาคใต้มีปริมาณฝนมากผิดปกติกว่าทุกครั้ง” ด้วยปัจจัยการเกิดหย่อมความกดอากาศต่ำที่ไม่เคยเกิดขึ้นกลับเคลื่อนมาปกคลุมเข้าปะทะลมทิศตะวันออกอันลักษณะเป็นสภาพอากาศเย็นปะปนกันบริเวณเหนือภูเขาส่งผลให้มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องกระจายทั่วทุกพื้นที่ด้วยซ้ำโดยเฉพาะ “ภาคใต้ตอนบนมีฝนชุกหนาแน่นมากกว่าทุกปี” แล้วภาคใต้ตอนล่างฝนก็เยอะต่อเนื่องตั้งแต่นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส จนเกิดน้ำท่วมหลายพื้นที่นี้ ทั้งที่จริง “ในช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว” มักเป็นเวลาที่ภาคใต้มีปริมาณฝนตกน้อย แต่ปีนี้กลับตกเยอะ ตลอดปีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนฉะนั้นแล้ว “บริเวณประเทศไทยตอนบน” สถานการณ์น้ำท่วมปีนี้ไม่น่าห่วงมากเท่ากับขาดแคลนน้ำไม่พอใช้อุปโภคบริโภค หรือใช้เพื่อการเกษตรในหลายพื้นที่แน่นอนสิ่งปรากฏอยู่นี้ส่วนหนึ่งมาจาก “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)” ก่อให้เกิดสมดุลความร้อนของโลกเปลี่ยนไปจาก “การใช้ทรัพยากรธรรมชาติเยอะเกินความพอดี” ไม่ว่าจะเป็นป่าถูกทำลายเปลี่ยนเป็นเมืองนำมาซึ่ง “อุตสาหกรรมก่อก๊าซเรือนกระจก” จนความสมดุลของธรรมชาติไม่อาจเกิดขึ้นได้ทำให้ปัจจุบันนี้ “อุณหภูมิโลกเฉลี่ยร้อยปีสูงขึ้น 0.5 องศาฯ” ผลตามมาเห็นชัดคือ “อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น” มีผลต่อการละลายน้ำแข็งขั้วโลก และสภาพอากาศแปรปรวนกระทบมาถึงประเทศไทยด้วยเช่นนี้ “พื้นที่น้ำท่วมอาจเจอภัยแล้ง...พื้นที่แล้งอาจน้ำท่วมได้” เพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกิดขึ้นมาต่อเนื่องนี้สุดท้าย “สถานการณ์ในฤดูหนาวปี 2565” คิดว่ายังเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์แม่นยำได้ ด้วยข้อมูลการพยากรณ์สภาพอากาศมักเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวันทุกเดือน แต่ก็สามารถบอกได้คร่าวๆ “อุณหภูมิอากาศหนาวเย็นไม่น่าแตกต่างจากปี 2564” อย่างไรก็ดีใกล้เข้าสู่ฤดูหนาวอาจต้องมีการอัปเดตข้อมูลกันอีกครั้งฝากไว้ว่า “ฤดูฝนปีนี้” แม้น้ำฝนจะตกในหลายพื้นที่ก็ตาม “แต่ยังคงมีปริมาณน้อย” ขอให้ประชาชนประหยัดใช้น้ำกันก่อน เพราะด้วยตอนนี้ตัวกลางที่จะก่อให้เกิดฝนเยอะนั้นยังไม่ปรากฏขึ้นชัดเจน.