เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ซึ่งตรงกับวันเปิดประเทศเรา เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวนี่แหละครับ มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ของสหรัฐอเมริกา ที่ติดตามตัวเลขการระบาดของไวรัสมหาภัยโควิด-19 มาอย่างละเอียดยิบจากทุกประเทศทั่วโลก...แถลงว่า ผู้เสียชีวิตทั้งสิ้นจากไวรัสสายพันธุ์นี้ทะลุ 5 ล้านรายไปแล้วโดยใช้เวลา 1 ปีกับ 7 เดือน โดยประมาณ นับตั้งแต่วันที่องค์การ อนามัยโลกหรือ WHO ประกาศให้วันที่ 11 มีนาคม ค.ศ.2020 เป็นวันเริ่มระบาดสู่โลกกว้าง หลังจากที่มีข่าวระบาดที่เมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐ ประชาชนจีน ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2019 เป็นต้นมา1 ปี 7 เดือน หรือ 19 เดือน ทำให้มนุษย์ต้องล้มหายตายจากไปถึงกว่า 5 ล้านชีวิต...นับเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่อย่างสุดประมาณได้ของโลกอีกครั้งหนึ่งแต่ผู้เชี่ยวชาญของหลายๆประเทศ รวมทั้งของ WHO เองเชื่อว่ายอดผู้เสียชีวิตจริงๆอาจจะมากกว่านี้ 2 ถึง 3 เท่าด้วยซ้ำ เพราะในช่วงระบาดหนักๆนั้น หลายๆประเทศบันทึกตัวเลขไว้ต่ำกว่าเป็นจริงนิตยสาร ดิ อีโคโนมิสต์ คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลกตามความเป็นจริงน่าจะอยู่ที่ 16.7 ล้านคน มากกว่าตัวเลขของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ แถลงไว้ถึงกว่า 3 เท่าตัวจากตัวเลขล่าสุดประจำวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ผมเขียนต้นฉบับวันนี้ มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานว่า ยอดรวมของผู้เสียชีวิตรวมกันทั้งสิ้น 5,020,470 หรือ 5 ล้าน 2 หมื่นรายเศษโดยมี สหรัฐฯ เสียชีวิตสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลก ด้วยตัวเลข 767,436 ราย หรือ 7 แสน 6 หมื่นกว่าราย มากกว่าทหารอเมริกัน ที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 รวม 405,399 ราย ถึงเกือบเท่าตัวอันดับ 2 ได้แก่ บราซิล 607,954 ราย, อันดับ 3 อินเดีย 458,470 ราย, อันดับ 4 เม็กซิโก 288,365 ราย, อันดับ 5 รัสเซีย 239,693 รายอันดับ 6 เปรู 200,270 ราย, อันดับ 7 อินโดนีเซีย 143,423 ราย, อันดับ 8 สหราชอาณาจักร 140,072 ราย, อันดับ 9 อิตาลี 132,120 ราย และอันดับ 10 โคลอมเบีย 127,311 รายสำหรับกลุ่ม อาเซียน ของเรานั้น อันดับ 1 ก็คือ อินโดนีเซีย 143,423 ราย ซึ่งเป็นอันดับ 7 ของโลกด้วยดังได้กล่าวไว้แล้วตามมาด้วย ฟิลิปปินส์ 43,276 (อันดับ 21 ของโลก), มาเลเซีย 28,975 ราย (อันดับ 27 โลก), เวียดนาม 22,131 ราย (อันดับ 34 โลก), ไทย 19,260 ราย (อันดับ 35 โลก)อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของมหาวิทยาลัย จอห์น ฮอปกินส์ ในวันเดียวกันนี้ ชี้ให้เห็นว่ายังมีผู้เสียชีวิตทั่วโลกในแต่ละวันอยู่ที่ประมาณ 5,000 คน และสื่อต่างประเทศหลายสำนักต่างก็คาดว่า น่าจะอยู่ในตัวเลขนี้คือวันละ 5,000 คน บวกบ้างลบบ้างไปอีกนานเนื่องเพราะยังมีประชากรของโลกอีกมหาศาลที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนตัวเลขของมหาวิทยาลัย ออกซ์ฟอร์ด ชี้ให้เห็นว่า แม้จะมีการฉีดวัคซีนไปทั่วโลกแล้วกว่า 7 พันล้านโดส แต่ “ช่องว่าง” ของการได้รับวัคซีนก็เป็นไปอย่างน่ากังวลใจอย่างยิ่งโดยเฉพาะในประเทศยากจน ที่มีรายได้ต่อหัวเฉลี่ยค่อนข้างน้อย และไม่มีเงินพอที่จะซื้อวัคซีนได้นั้น ประชากรในประเทศที่ว่านี้ได้รับการฉีดวัคซีนเพียงแค่ 3.6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเองประเด็นนี้เองที่ทำให้นักวิเคราะห์จำนวนมาก ยังตักเตือนว่าจะต้องระมัดระวังต่อไปอีก เพราะหากการระบาดยังไม่หยุดยั้งในประเทศรายได้ตํ่าด้วยเหตุผลเรื่องไม่มีวัคซีนฉีด ก็อาจเป็นไปได้ที่เชื้อโรคอาจจะหวน กลับไประบาดต่อในประเทศที่แม้จะฉีดวัคซีนครอบคลุมอย่างทั่วถึงอีกหนนักวิเคราะห์รายงานด้วยว่า ขณะนี้หลายๆประเทศทั่วโลกเริ่มตัดสินใจเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวกันแล้ว (รวมทั้งประเทศเราด้วย) ซึ่งก็เป็นความจำเป็นของประเทศนั้นๆทางด้านเศรษฐกิจแต่สื่อระดับโลกทุกสำนักก็มักจะทิ้งท้ายว่า ประเทศที่เปิดนั้น จำเป็นจะต้องระมัดระวังอย่างเข้มงวดไปด้วย...และจะประมาทมิได้เลยยังไม่รู้ว่ายอดการเสียชีวิตจากโควิด-19 ของชาวโลก จะไปจบที่กี่ล้าน? แต่ ณ นาทีนี้เรารู้แล้วว่า ไวรัสร้ายสายพันธุ์นี้ ทำลายชีวิตชาวโลกไปถึง 5 ล้านคน เพียงแค่ 19 เดือนเท่านั้นเองไม่ใช้คำว่า “อำมหิต” ก็ไม่รู้ว่าจะใช้ถ้อยคำไหนมาบรรยายความร้ายกาจของโควิด-19...ได้อีกละครับ.“ซูม”