คลองบางเรือหัก ฝั่งตะวันตกแม่น้ำแม่กลอง บ้านเกิดผม ฝั่งตรงข้ามวัดประทุมฯเป็นศาลอาม้า ย่านคนจีนสำคัญ มีคลองขุดเล็กๆ ชื่อ “คลองพักเจ๊ก” เป็นเส้นแบ่งไปถึงบ้านคนมอญหน้าบ้านผม มีศาลเจ้าใหญ่สองศาล ลึกเข้าไปมีศาลากลางบ้าน ถึงเทศกาลเขาทำอะไรกัน คนฝั่งเราได้ยินผมคุ้นเคยกับมอญ มีเพื่อนเรียนร่วมชั้นหลายคน พระอาวุโสในวัดประทุมฯ หลวงตาหาญ ท่านอ้วนใหญ่ สวดมอญ เทศน์มอญก็ได้เสียงดังฟังชัด งานศพคนไทย ถ้ามีปี่พาทย์มอญ ถือเป็นงานใหญ่ส่วนงานศพพิธีแบบมอญเคยเห็นบ้าง แต่ก็ไม่ใหญ่โตสะดุดใจอะไรนักเปิดหนังสือ “สำนวนไทย”เจอสำนวน “แย่งกันเป็นศพมอญ” ไม่ได้ยินมาก่อน จึงตั้งใจอ่าน“กาญจนาคพันธุ์” อธิบาย สำนวนนี้หมายความว่า แย่งชิงสิ่งของกันเป็นชุลมุนวุ่นวาย ที่มาสำนวน มาจากประเพณีทำศพมอญ ที่ปรากฏในเรื่อง “ราชาธิราช” ว่า พระเจ้าหงสาวดีมหาปิฎก ทำศพพระราชมารดาเลี้ยงให้ตั้งขบวนแห่อัญเชิญพระศพสมเด็จตะละนางพระยาท้าว ลงสู่บุษบกบัลลังก์เหนือหลังเหรา แล้วตรัสสั่งเสนาบดีให้แยกกันออกเป็นสองพวก จะได้แย่งชิงพระศพเป็นผลานิสงส์เสนาบดีทั้งปวงก็แบ่งกันออกเป็นสองแผนกโดยพระราชบัญชาพระเจ้าหงสาวดีจึงเสด็จดำเนินด้วยพระบาท ทรงจับเชือกแล้วตั้งสัตยาธิษฐานว่า “ข้าพเจ้ามีความกตัญญูรู้พระคุณสมเด็จพระราช มารดาเลี้ยง จึงคิดทำการให้ถือปรากฏในทุกพระนครขอคุณพระรัตนตรัยจงเป็นที่พึ่ง ถ้าบุญข้าพเจ้าจะวัฒนาการสืบไปแล้ว ขอให้เชิญพระศพสมเด็จพระราชมารดา จงได้มาดังใจคิดเถิด”ครั้นตั้งพระสัตยาธิษฐานแล้ว จึงตรัสสั่งให้จับเชือกพร้อมกัน ขณะนั้นเป็นการโกลาหลสนุกยิ่งนัก เสนาบดีแลไพร่พลทั้งปวงก็เข้าแย่งชิงชักเชือกเป็นอลหม่านพระศพนั้น ก็บันดาลให้มาเข้าข้างพระเจ้าหงสาวดี จึงได้เป็นประเพณีฝ่ายรามัญสืบกันมาหนังสือโบราณคดีมอญ กล่าวไว้ตอนหนึ่ง “อนึ่งศพพระสงฆ์หรือสมภาร มักจะนิยมเผาบนปราสาท เขาทำปราสาทขึ้นยอดหนึ่ง หรือห้ายอดก็มี เมื่อศพไปสู่ปราสาทนั้น แลคนหลายหมู่บ้านเขามาหามศพพร้อมกันมากมายข้างหนึ่งแย่งไป ข้างหนึ่งแย่งมาบางศพทำตะเฆ่ใส่ล้อ ตั้งปราสาทบนตะเฆ่ มีเชือกลากสองสาย สายใดคนมากลากหนักเข้า ตะเฆ่ปราสาทก็เหไปเหมาคล้ายว่าแย่งกันประเพณีงานศพ ที่มีฉากหน้าแย่งชิงชุลมุนวุ่นวาย ซ่อนฉากหลังความนับถือศรัทธา เมื่อมีการแจกของให้ขอทาน ตลอดไปถึงการฟ้องร้องแย่งชิงมรดก จึงพูดกันเป็นสำนวน “แย่งกันเป็นศพมอญ”ผมนึกถึง ความสับสนวุ่นวายในสองพรรคการเมืองใหญ่ พรรคฝ่ายค้าน เสียอีก พอคุณทักษิณ แปะป้าย อุ๊งอิ๊งลูกสาว เป็นคำประกาศว่า “ผมมาแน่” ถอดรหัสการเมือง ก็ว่า “เงินมาแน่”ทัพของคุณทักษิณก็ดูจะเป็นหนึ่งเดียว แน่นปึ้กขึ้นมาทันทีขณะที่พรรครัฐบาล โหมโรงกันว่า “ธรรมนัส” ไปแน่ ถึงเวลา คุณประวิตรก็แบไต๋ หนีบธรรมนัสไว้แน่นเหมือนเดิม ภาพของนายกฯประยุทธ์ก็เปลี่ยนไป จากฝ่ายคุณต่อกลายเป็นท่านรองถึงขั้นพูดกันว่า ถึงเวลา เขาจะเสนอชื่อเป็นนายกฯเบอร์หนึ่งหรือไม่ ก็ไม่รู้ความชุลมุนวุ่นวายที่เคยมี ก็มีต่อไป แต่ความชุลมุนที่ว่า ไม่ได้แฝงไว้ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา เหมือนการแย่งศพมอญ แต่แฝงไว้ด้วยรังสีอำมหิตของการโค่นล้มทางการเมือง ซึ่งไม่แน่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ผมไม่กล้าคิดถึง...สโลแกนคุณทักษิณ ต้องชนะแบบแลนด์สไลด์ อย่าลืม ธรรมนัสเคยอยู่กับทักษิณมา วัวเคยขาม้าเคยขี่ หากการเมืองพลิกผัน ธรรมนัสย้ายข้าง การแลนด์สไลด์ก็อาจเกิดได้จริงๆ.กิเลน ประลองเชิง