สถานการณ์มหาอุทกภัยนํ้าท่วม 2564 ช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา...“พายุเตี้ยนหมู่” เกิดฝนตกหนักถล่ม 40 จังหวัด ทั่วประเทศ ทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนจำนวนมาก แต่ยังมีพื้นที่ที่สามารถรอดพ้นจากภัยวิกฤติเตี้ยนหมู่ในครั้งนี้ได้ ด้วยการบริหารจัดการพื้นที่ “โคก หนอง นา” โดย...“โคก” สามารถป้องกันน้ำจากภายนอกที่จะเข้ามาท่วมในพื้นที่ได้...“หนอง” ทำหน้าที่กักเก็บน้ำไว้ใช้ได้อย่างเพียงพอตลอดปี...“นา” สามารถเป็นพื้นที่ในการรองรับน้ำได้ เนื่องจากมีคันนาสูงเปรียบเสมือนเขื่อนกักเก็บน้ำ และเป็นพื้นที่สร้างความมั่นคงด้านอาหารได้อย่างดี จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส “โควิด-19” ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง...เป็นวงกว้างต่อทั้งการแพทย์ การท่องเที่ยว การบริการ การผลิตอุตสาหกรรมการค้า ไม่พ้นแม้แต่ภาคการเกษตร ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศไทยทั้งทางตรง...ทางอ้อมที่ผ่านมา...ประชาชนส่วนหนึ่งตัดสินใจเดินทางกลับภูมิลำเนา ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจที่ผู้คนพากันกักตุนอาหาร จนอาจนำไปสู่ภาวะขาดแคลนอาหารขึ้นได้...ภาค “เกษตรกรรม” ต้นสายแห่งการผลิต “อาหาร” ปัจจัยพื้นฐาน ของมนุษย์จึงกลายเป็นหนทางรอดที่สำคัญยิ่ง ที่จะช่วยให้ผ่านพ้นสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้ไปได้ภัยธรรมชาติ...ต่อเนื่องซ้ำกระหน่ำด้วยภัยเศรษฐกิจ ภัยการแพร่ระบาดโรคร้าย สำราญ สาราบรรณ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บอกว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดทำโครงการ “1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่” โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ มาเป็นแนวทางในการดำเนินงานโครงการเพื่อช่วยเหลือ “เกษตรกร” ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 บรรเทาปัญหาการว่างงาน ลดปัญหาการเคลื่อนย้ายแรงงานภาคเกษตรกรรมไปสู่ภาคอื่นๆ และสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนในท้องถิ่นให้มีความมั่นคงในการเป็นแหล่งผลิตอาหารให้...มีทางเลือก มีอาหาร มีอาชีพ มีความอุดมสมบูรณ์ มีความอบอุ่นจากครอบครัวแล้วความสุขตามวิถีชีวิตพอเพียงก็จะเกิดขึ้นกับชุมชน ซึ่งเป็นศาสตร์ที่เป็นทางรอดของเกษตรกรไทยเพื่อมุ่งสู่...ระบบ “เกษตรกรรมยั่งยืน”ข้อมูล ณ วันที่ 6 ตุลาคม 2564 ผลจากการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2564 เกษตรกรได้รับการพัฒนาให้มีความมั่นคงในอาชีพทำเกษตรกรรมยั่งยืนและมีแปลงต้นแบบเพื่อการเรียนรู้ด้านเกษตรทฤษฎีใหม่ ในพื้นที่ 2,159 ตำบล 508 อำเภอ 70 จังหวัดทั่วประเทศ“เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการมีพื้นที่กักเก็บน้ำเพิ่มขึ้น มีอาชีพ มีรายได้ มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น สร้างความพึงพอใจให้กับอาชีพเกษตรกร และ ส่งเสริมการผลิตภาคการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ประเด็นสำคัญก็คือ...เกษตรกรมีความรู้ ความเข้าใจ เรียนรู้แนวคิด หลักการ รูปแบบของ “เกษตรทฤษฎีใหม่” ในการบริหารจัดการน้ำ เรียนรู้การจัดทำแผนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยคำนึงถึงการทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ที่สามารถสร้างแหล่งอาหารของครัวเรือนต่อเนื่องไปถึง “ผลผลิต” ที่สามารถจำหน่ายสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ลดการใช้สารเคมีทางการเกษตร ...พึ่งตนเองด้านปัจจัยการผลิตให้มากที่สุดขณะนี้โครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ได้ดำเนินงานรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว และปรากฏผลเป็นรูปธรรมในพื้นที่เกษตรกรรมหลายแห่งทั่วประเทศ โดยกระทรวงจะดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือนธันวาคม 2564 ซึ่งจะสรุปผลสำเร็จและประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการในภาพรวมอีกครั้งสำราญ ย้ำว่า ในการดำเนินโครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ระดมพลังทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น ...กรมพัฒนาที่ดิน กรมส่งเสริมการเกษตร กรมปศุสัตว์ กรมประมง เพื่อทำงานประสานสอดคล้องกันให้มีประสิทธิภาพที่สุดในการสนับสนุนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการในทุกๆด้าน เริ่มตั้งแต่...การอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรในด้าน “เกษตรทฤษฎีใหม่” ที่มีการอบรมเกษตรกรทั้งในรูปแบบปกติและการอบรมแบบออนไลน์ ซึ่งแบ่งการอบรมเป็น 4 เวที...เวทีที่ 1 นั้นได้มีการอบรมไปเสร็จสิ้นแล้วทั้งหมด ส่วน เวทีที่ 2 และ 3 ได้อบรมไปแล้วกว่าร้อยละ 90 และ เวทีที่ 4 ได้อบรมไปกว่าร้อยละ 80 ทั่วประเทศตอกย้ำกุญแจสำคัญ...หลักปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” และ “เกษตรทฤษฎีใหม่” ศาสตร์ที่เป็นทางรอดของเกษตรกรไทย เพื่อมุ่งสู่ระบบเกษตร กรรมยั่งยืน นอกจากจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะสั้นแล้ว ยังช่วยสร้างความ แข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจไทยในระยะยาวโดยมีรากฐานที่เข้มแข็ง คือ “เกษตรกร” สามารถเลี้ยงตนเองและสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้อย่างพอเพียงและยั่งยืน ถัดมา...ในด้านการสนับสนุนปัจจัยการผลิตก็ได้มีการสนับสนุนวัสดุปรับปรุงบำรุงดินแก่เกษตรกร เช่น น้ำหมักชีวภาพ พืชปุ๋ยสด ฯลฯ สนับสนุนพันธุ์ปลา...อาหารสัตว์น้ำ สนับสนุนพันธุ์พืช ทั้งไม้ผล เมล็ดพันธุ์ผัก สมุนไพร ฯลฯ...สนับสนุนพันธุ์สัตว์ เช่น ไก่ไข่ ไก่พื้นเมือง รวมทั้ง...ปัจจัยการผลิตเพื่อทำอาหารสัตว์ต่อเนื่องควบคู่กันไปด้วยการให้ความรู้แก่เกษตรกรอย่างต่อเนื่องผ่านสื่อต่างๆ ทั้งในรูปแบบภาพยนตร์สั้น การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อวิทยุ บทความทางหนังสือพิมพ์รวมไปถึงการจัดทำสื่อออนไลน์ เช่น Youtube Channel, Twitter Account และ Facebook Fanpage...“กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” ยังได้เปิดช่องทางในการสื่อสารกับประชาชนในเรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่ตามช่องทางต่างๆ เช่น คอลเซ็นเตอร์, เฟซบุ๊ก, ไลน์, เว็บไซต์ที่ต้องบอกให้รู้...เป็นช่องทางโซเชียลมีเดีย สนับสนุน ส่งเสริม ติดอาวุธให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ เกษตรกรคนรุ่นใหม่ รวมทั้งบุคคลทั่วไปให้เข้ามาศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม...สามารถสอบถามข้อมูล แจ้งปัญหา อุปสรรค ตลอดจนข้อเสนอแนะในการดำเนินโครงการ เพื่อให้แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว การติดต่อสื่อสารประสานงานกันได้อย่างสะดวกจะสร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนได้อย่างดี ซึ่งผลการสำรวจการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่มีต่อประเด็นสื่อสารสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 พบว่า “โครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่” มีการรับรู้ถึงร้อยละ 91.8“เราได้มีการติดตามและประเมินผลในทุกขั้นตอนการปฏิบัติงาน เพื่อติดตามความสำเร็จของงาน...หาโอกาสในการปรับปรุง เพื่อให้การปฏิบัติ งานของโครงการดีขึ้นกระทรวงเกษตรฯมั่นใจว่าโครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ นอกจากจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะสั้นแล้ว ยังช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว เกษตรกรสามารถเลี้ยงตนเองและสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้อย่างพอเพียงและยั่งยืนอีกด้วย” สำราญ สาราบรรณ์ กล่าวทิ้งท้ายภาคการเกษตร...เป็นกุญแจสำคัญ เป็นภาคการผลิตที่ผลิต “อาหาร” เพื่อการบริโภคภายในและส่งออกไปต่างประเทศ ยุทธศาสตร์ “ครัวไทยสู่ครัวโลก” ยังเป็นเป้าหมายที่ใหญ่ยิ่ง.