ในภาวะที่ประเทศยังเหนื่อยกระอักกับภาวะไวรัสโควิด–19 ระบาด ขณะที่ในภาคการเมืองก็อยู่ในห้วง “อมโรค” กันระนาว แทบจะทุกป้อมค่ายปั่นป่วนกันไปหมดโฟกัสวันนี้น่าจะอยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ นอกจากแต้มหายไป 1 “เทพไท เสนพงศ์” กลายเป็นอดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งพ้นเก้าอี้ ขาดสมาชิกภาพเพราะต้องคำพิพากษาศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ลงโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอการลงโทษและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 10 ปีจากกรรมเก่ากรณีร่วมกระทำผิดทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ปี 2557รอลุ้นศาลฎีกามีคำพิพากษาอีกรอบ จะกลับมาคึกคักได้หรือไม่ล่าสุด ปชป.ก็ดันมาเสียสมาชิกระดับอดีตแม่ทัพอีสานอีกราย “วิฑูรย์ นามบุตร” อดีตรองหัวหน้าพรรคภาคอีสาน และอดีต รมว.การพัฒนาสังคมฯ ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคด้วยเหตุผล โดนค่ายหั่นราคา ไม่มีที่อยู่ที่ยืน“วันนี้จะไปอยู่พรรคใดก็เชื่อว่าประชาชนคนอุบลฯยังจะให้โอกาส และยังจะเป็นนักการเมืองต่อไป โดยไปสังกัดพรรคอื่นที่เขาให้เกียรติและให้โอกาสทำงานการเมืองต่อไป”ระเบิดอีกลูก บอมบ์สะเทือนประชาธิปัตย์ในยุคที่ “เลือดสีฟ้า” ไหลกระฉอก ขุนพล คีย์แมน สมาชิกเก่าทยอยบ๊ายบายเป็นระลอก และถูกจับตาถึงวันเปิดสนามเลือกตั้งอีกรอบ จะเหลือหร็อมแหร็มแค่ไหนนอกจากพรรคพลังประชารัฐ มีโอกาสสูงจะเป็นสถานีต่อไปของ “วิฑูรย์” แล้ว ก็ยังมีขุนพลสายลุงกำนัน “กปปส.คลับ” ทั้งอดีต ส.ส. นักการเมืองทุนหนา ไปจนกระทั่งรัฐมนตรีหลายรายรอจังหวะเผ่นหนี เมื่อจังหวะมีมาโดนจับตา ส่วนใหญ่จะไหลไปตามแรงดูดขั้วอำนาจ เข้าสู่ “สวนกล้วย” ของชาวคณะลุงๆ 3 ป. รอเวลคัม โดยเฉพาะ “ลุงพี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และในฐานะที่อาสา “แบ็กอัพ” ให้ “ลุงน้องเล็ก” อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ในงานหลังบ้านค่ายพลังประชารัฐถูกจับตาบทผู้จัดการรัฐบาล บริหารจัดการการเมือง ต้นขั้วแม่เหล็กแรงดูดล้อไปกับสถานการณ์ที่คนการเมืองเริ่มขยับ วิ่งจับขั้ว ไม่ว่าจะพรรคในรัฐบาลกันเอง หรือแม้แต่ขั้วตรงข้าม ลูกทัพหลายพรรคฝ่ายค้านเริ่มเตรียมยี่ห้อใหม่ แปะหน้าอกเสื้อมีข่าวหลายราย หาจังหวะชิ่งนายใหญ่–แกะสติกเกอร์สีส้มทิ้งจึงไม่แปลกที่โปรแกรมอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ จึงโดนจับตาจะเป็น “มวยล้ม” เวทีซ้ำรวมทั้งประเภทหาลำไพ่พิเศษ ขึงขังแสบซ่าในป่ากล้วยแต่นั่นก็เป็นการบริหารจัดการภายนอก สำหรับในค่าย มีหลายเรื่องที่ “ลุงพี่ใหญ่” ต้องคอยเคลียร์ทั้งข่าวกลุ่มก๊วนก๊ก ต้องคอยตบให้เข้ารูปเข้ารอย อย่างปีก กปปส.ในพรรค มีข่าวเตรียมแยกวงไปเปิดหัวใหม่ ชื่อค่ายในแบรนด์แนวๆ “สร้างชาติ” เป็นกองกำลังส่วนตัว “ลุงน้องเล็ก”ต้องคอยปรับจูน หรือถ้าที่สุดแยกแตกกอจริง ก็ต้องให้เป็นสหพันธมิตร เอ็มโอยูมัดข้าวต้มหลวมๆปั้นขั้ว “อัมโน” แบบไทยๆ ไม่ให้พลาดอำนาจหลุดมือยิ่งปัญหาเฉพาะหน้าพลังประชารัฐก็ต้องเคลียร์ภายในอีกหลายยก กับศึกช่วงชิงโควตาแข่งขันในสนามผู้ว่าฯ กทม. หลังก๊กกปปส.ในพลังประชารัฐ อาศัยปึ้กผู้นำ ดื้อสวนลุงพี่ใหญ่ ที่หนุน “อดีตบิ๊กสีกากี”เอาเข้าจริงเป็นเรื่องภายใน ครั้งนี้ของพี่กับน้องต้องเจรจาในจังหวะทรงตัวบนคานอำนาจประคองบ้านเมือง ระวังหลังให้น้องรักทำงานเต็มเหนี่ยว ประเภทอยู่บ้านเดียวกัน กินข้าวหม้อเดียวกันมาก่อน ไม่มีทิ้งกัน แม้อีกทางรับกระสุนถล่มจนเริ่มล้าแต่เพราะเจอมามากเจ็บมาเยอะ ศึกซักฟอกข้อหาฉกรรจ์ก็ยังมั่นใจรับไหว “เอาอยู่”ตั้งหลักฮึดกลับมา เอ่ยปากชิลๆจึงเป็นสถานการณ์ของคณะลุงๆที่เข้ามาคอนโทรลอำนาจคุมบ้านเมืองที่เห็นชัด กับจังหวะของประเทศไทยที่น่าจะต้องอยู่กับคณะลุงๆไปอีกพักใหญ่เว้นแต่เจอ “หลักสูตรขั้นสูง” บ้านเมืองจะถึงเวลาเปลี่ยนแปลง.ทีมข่าวการเมือง