วันนี้...กระแส “คนไทย” เที่ยวในประเทศก้าวขยับได้ดีไปแล้วระดับหนึ่ง จากกระแสกระตุ้นภาครัฐทุ่มงบพ่วงด้วยวันหยุดยาวต่อเนื่อง คาดหวังกันว่าจะเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจให้สูบฉีดฟิตปั๋งความท้าทายสำคัญมีว่าเนื่องจากสภาพโลกศตวรรษ 21 ถูกนำขึ้นปกคู่กับสถานการณ์ไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 ที่คุกคามประชากรโลกไปแล้วเกิน 70 ล้านคน จากจำนวน 7,500 ล้านคน...เสียชีวิตกว่า 1.6 ล้านคนเหลียวมอง “ประเทศไทย” ฉมังนัก “การ์ดไม่ตก” จนได้รับการยกย่องขึ้นชั้นท็อปวัน ในการควบคุมป้องกันโรคที่ป่วยแค่หลักพันต้นๆ...แล้วก็ให้เร่งที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ กับเตรียมกดสวิตช์รับต่างชาติมาเที่ยว ซึ่งอาจจะมีบ้างที่ทำให้หลายคนหายใจไม่ทั่วท้อง ในเมื่อเรายังไม่มีวัคซีนคุ้มกัน...จนกว่าจะได้จากอังกฤษกลางปี 2564และเราเองก็ยังผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายระลอก นับจากกรณีปล่อยให้ทหารตุรกีเอาเชื้อมาป่วนเมืองระยอง ตามด้วยทัพเพื่อนบ้านหนีภัยโควิดแหกรั้วชายแดนเข้ามา ล่าสุด...เกิดทัวร์ลงเชียงใหม่ เชียงราย ที่กำลังฮอตฮิตคนไทยแห่จองห้องพักรับหมอกหนาวเพียบ...ทว่ากลับต้องกระทบหนักเสมือนล้มครืนทั้งยืนไปในทันทีเมื่อสาวเอนเตอร์เทนไทยกว่าร้อยที่ออกไปทำงานในสถานบันเทิง “วันจีวัน” ฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก เมียนมา แปลงเป็นอีแอบพกเชื้อกลับไทยมาถึงเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา พิจิตร สิงห์บุรี กรุงเทพฯ ราชบุรี...โกลาหลจนกระแส “ไทยเที่ยวเหนือ” พลอยกระทบชิ่งตั้งรับแทบไม่ทันเพราะช่วงเวลานั้นเป็นมหกรรมหยุดยาว เริ่มจากต้นเดือน กลางเดือน ถึงปลายปีส่งท้ายปีเก่ารับปีใหม่...นับว่าเป็นอีกหนึ่งทุกขลาภที่รุนแรง แต่โชคดีไม่ถึงขั้นต้องล็อกดาวน์ปิดเมืองเป็นคำรบที่สอง อย่างไรก็ตาม...ระหว่างสถานการณ์ท่องเที่ยวภายในประเทศ กระเพื่อมแบบกระท่อนกระแท่น กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวฯ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้สรุปข้อมูลให้รู้กันว่า...คนไทยเดินทางท่องเที่ยวช่วง 10 เดือนแรก คือมกราคมถึงตุลาคม 19.90 ล้านคน เกิดรายได้ 9.38 หมื่นล้านบาทถ้าโฟกัสให้ชัด...จ.ชลบุรี ติดอันดับท็อปไฟว์ ในกลุ่มกรุงเทพฯ เชียงใหม่ นครราชสีมา กาญจนบุรี โดยช่วงเดียวกันกระทรวงการท่องเที่ยวฯ นับจำนวนได้ 615,982 คน เนื่องจากรัศมีใกล้เมืองหลวงไม่เกิน 150 กม.เหมาะที่จะใช้ระยะเวลาสั้นๆ 2 วัน 1 คืน หรือไม่เกิน 3 วัน 2 คืนอีกทั้งประหยัดค่าเดินทาง ขณะเศรษฐกิจย่อแย่โควิดยังแพร่ไม่หยุดนิ่ง แต่ดี...ที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลให้เลือกตั้งแต่บางแสนศรีราชา นาจอมเทียน บางเสร่ สัตหีบ โดยมีพัทยา “ฮับ” ท่องเที่ยวโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นแม่เหล็กสำคัญนอกจากนี้...มีแหล่งท่องเที่ยวแมนเมดกว่า 50 แห่ง...เพียงแต่หลายแห่งต้องปิดตัวเองชั่วคราวกับถาวร ส่วนที่เห็นเปิดกัน...ก็เพื่อเลี้ยงพนักงานลูกจ้างแบบลดเบี้ยค่าจ้างให้พออยู่กันไปได้บวกกับลดรอบบริการที่เคยเฟี้ยว แสดงวันละ 5-6 รอบ เหลือแค่สัปดาห์ละ 1 รอบไม่เกินไปจากนี้...เพราะไม่มีทัวริสต์มากพอให้มาเป็นตัวหารงบลงทุนจิ๊กซอว์ชิ้นอื่นในส่วนของโรงแรม จังหวัดชลบุรีดูจะหนักสุด...มีขึ้นทะเบียนไว้ 80,000 ห้อง จากเลขจำบัง 200,000 ห้องดั่งค่ายกล ส่วนใหญ่อยู่เมืองพัทยา ซึ่งกำลังย่ำแย่กับสภาพโอเว่อร์ซัพพลาย ห้องล้นเกินคนเข้าพัก มรสุมรุมเร้าทั้งหมดเหล่านี้เป็นปัญหาที่ ขจรเดช อภิชาติตรากุล ผอ.ททท.พัทยา กำลังคิดแก้สมการเพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว และแก้ลำสวนกระแสคำพยากรณ์องค์กรบางสำนัก ที่ว่า...“สถานการณ์ท่องเที่ยวจะฟื้นได้อย่างเร็ว...ราวๆกลางปี 2564”ขณะสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (ไอเอทีเอ) คาดการเดินทางจะฟื้นตัวได้ก็ปี 2566...การเดินทางทั่วโลกจะเป็นซอมบี้คืนฟื้นอีกทีในปี 2567...ขจรเดชจึงไม่คิดปล่อยวางเวลาให้เวิ้งว้าง ปล่อยเกียร์ว่างเป็นสุญญากาศฆาตกรรมเศรษฐกิจเมืองพัทยา และ จ.ชลบุรี ให้ยับเยินกว่านี้“ททท.พัทยา เคยทำโครงการทูเบลเซอร์เมื่อปี 2562 ดึงนักท่องเที่ยวมาพักค้างคืนตั้งแต่ 1 คืนขึ้นไป แล้วเที่ยววิถีชุมชนบ้านจีนโบราณชากแง้ว บ้านตะเคียนเตี้ย และบางเสร่ กับทำจิตอาสาสร้างปะการังเทียม ซึ่งผ่านการประเมินค่าเคพีไอได้แพ็กคนมาเที่ยวคุ้มงบประมาณที่ใช้”ขจรเดช บอกอีกว่า...พอปี 2562 ได้ทำโครงการต่อยอดเป็นโมเบลเซอร์ ชวนคนมาเที่ยวกึ่งทำงาน ภายในโค สเปซ เวิร์กกิ้ง หรือห้องทำงานแห่งที่ 2 ที่กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มคนญี่ปุ่นรุ่นใหม่ขณะนั้น...และได้รับการขานรับตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แต่แรกปี 2563 โชคร้าย...ไปไม่ถึงฝั่งเพราะพิษโควิด...กระทั่งเริ่มปี งบประมาณ 2564 เมื่อ 1 ตุลาคม 2563 รัฐบาลได้กำหนดนโยบายให้องค์กรรัฐและเอกชนนำพนักงานไปจัดประชุมสัมมนายังพื้นที่อันเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่กำลังประสบปัญหาททท.พัทยาจึงพัฒนา โครงการทู เบลเซอร์ และ โม เบลเซอร์ ขึ้นชั้นเป็น “เวิร์คเคชั่น” ให้สอดรับนโยบายรัฐ ด้วย “เวิร์กกิ้ง” คือทำงาน และ “เวเคชั่น” พักผ่อนยังเมืองพัทยา ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวก สามารถสร้างสีสันบรรยากาศท่องเที่ยวพัทยาได้ วัชรพล สารสอน รอง ผอ.ททท.พัทยา เสริมว่า การดำเนินงานเราจะเริ่มจากกำหนดเซ็กเมนต์องค์กรรัฐ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา คอร์ปอเรตขนาดใหญ่ที่มีบุคลากรจำนวนมากอาทิ ห้างสรรพสินค้า ธุรกิจอุตสาหกรรม โรงงานอุตสาหกรรม นำพนักงานลูกจ้าง หรือให้บำเหน็จรางวัลตัวแทนจำหน่ายที่ทำยอดขายได้ตามเป้า มาอบรมประชุมสัมมนาพร้อมจัดเลี้ยงก่อนเดินทางท่องเที่ยวโดย ททท.พัทยาจะสนับสนุนอาหารร้านดังให้ 1 มื้อ“การทำตลาด...เราใช้ช่องทางผ่านเอชอาร์หรือฝ่ายทรัพยากรบุคคล ของแต่ละองค์กรในพื้นที่ เช่น นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด สมุทรปราการ พระนครศรีอยุธยา กบินทร์บุรี และพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศซึ่งได้ผลตอบรับน่าพอใจ มีผู้ร่วมโครงการเป็นหมู่คณะ 40-200 คน ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาแล้วหลายพันคน ต้นปีมกราคมมาเพิ่มอีกคณะใหญ่ 827 คน”นอกจากนี้ได้ย้ำตลาดต่อยอดกลุ่มคนวัยทำงานสตาร์ตอัพ และดิจิทัลนอร์เมด ที่นิยมเดินทางพร้อมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เพื่อมองหาห้องทำงานแห่งที่ 2 ซึ่งพัทยามีโค สเปซ เวิร์กกิ้ง อยู่ตามคาเฟ่ เทรนด์ใหม่ และร้านเบเกอรีนิวลุคให้เลือกจำนวนมากองค์กรใดสนใจ “เวิร์คเคชั่น”...ประสานความร่วมมือ ททท.พัทยา ได้ที่โทร. 0-3842-8750, 0-3842-7667 หรือเว็บไซต์ www.tourismthailand.org/chonburi เพื่อช่วยฟูมฟักผู้ประกอบการให้อยู่รอด รักษาเมืองท่องเที่ยวให้อยู่ได้ ภายใต้ปุจฉา...ไทยไม่ช่วยไทยยามนี้ แล้วจะช่วยกันยามไหน?“โรคระบาดปี 2564”...สงครามระหว่าง “มนุษย์” และ “เชื้อโรค” และการแพร่ระบาดของไวรัสร้าย “โควิด-19” ยังจะร้ายต่อเนื่องหรือลดความรุนแรงลง เป็นเรื่องของอนาคตที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ วันนี้ “คนไทย” ทุกคนต้องสู้ ร่วมมือ ร่วมใจกันฝ่าวิกฤตินี้ไปให้ได้ โดยเฉพาะปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจที่สาละวันเตี้ยลงวิถี “นิวนอร์มอล”...ต้องคิดนอกกรอบ ทำใหม่ เชื่อมโยงทุกระบบที่มีให้เกิดผลที่ดีในทางปฏิบัติ พุ่งพลังทางบวกมั่นใจว่าทุกคนต้องทำได้...เราทุกคนต้องรอดชีวิตผ่านมรสุมใหญ่นี้ไปให้ได้.