ตอกลิ่มรอยแยก ฟ้องด้วยภาพ “ประเทศไทยแตกเละไม่มีชิ้นดี” บันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยฉากม็อบชนม็อบ “คนไทยแบ่งข้าง” ยึดสมรภูมิหน้าอาคาร “สัปปายะสภาสถาน” ลุยกันเลือดสาด เสียงปืนแตก ใช้อาวุธประหัตประหาร มุ่งหมายเอาชีวิตคนคิดต่างรัฐสภา ศูนย์กลางอำนาจนิติบัญญัติ กลายเป็นแดนมิคสัญญีฝั่งหนึ่งกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา มวลชนคนรุ่นใหม่นามกลุ่ม “ราษฎร” รุกประชิดกดดันการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะฉบับประชาชน ของ “ไอลอว์”ปฏิบัติการ “ล่อเป้า” ล้ำเขตแดนอันตรายอีกฝ่ายหนึ่งกลุ่มเสื้อเหลือง แนวร่วมอนุรักษนิยม ถือธงพิทักษ์สถาบัน ระดมคนสูงอายุ ชาวบ้านฐานเสียงนักการเมืองในปีกรัฐบาล ยกพลมาปักหลักท้าชน เสียงแข็งห้ามรื้อรัฐธรรมนูญถือสิทธิ์ “อาบน้ำร้อนก่อน” ขู่ห้ามแตะต้องของสูงเด็กกับคนแก่ สุดโต่งไปกันคนละทาง ยั่วกันไปยั่วกันมา และจุดปะทะแตกหักก็เกิดจากปฏิบัติการสลายวง “หมูกระทะ” เมื่อตำรวจชุดควบคุมฝูงชนเล่นแรงกับม็อบราษฎรตั้งแต่หัววันฉีดน้ำผสมสารเคมีและแก๊สน้ำตาไล่เด็กกระเจิงสุมเพลิงอารมณ์เคียดแค้นชิงชัง ทั้งๆที่นักเรียน นิสิต นักศึกษา มองว่าพวกตัวเองมามือเปล่า มีแค่เรือยางเป็ดประกอบฉากการเคลื่อนเชิงสัญลักษณ์ แต่ถูกสกัดด้วยเครื่องมือหนัก ต่างกับมวลชนเสื้อเหลือง ฝ่ายเชียร์รัฐบาล ที่เปิดพื้นที่ให้เข้าได้แบบสบายๆ มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันนั่นไม่เท่ากับการปล่อยให้ยั่วยุกันในระยะประชิด ขณะดีกรีเดือดพลุ่งพล่าน การ์ดของมวลชนราษฎรตอบโต้เจ้าหน้าที่ โดยมีทีมฮาร์ดคอร์ของกลุ่มเสื้อเหลืองตะโกนเชียร์แถมร่วมวงสกรัม สถานการณ์มันจึงยิ่งกว่างูเห่าเจอกับพังพอน ก้อนอิฐ ขวดน้ำ ปลิวว่อน แลกหมัด แลกเท้า ไล่ทุบ รุมกระทืบฟันน้ำนมร่วง ฟันปลอมกระเด็นม็อบตีกันเละ โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำได้แค่ยืนมองโดยเงื่อนไขสถานการณ์มันจึงยิ่งถลำลึกกว่าเดิม จากรูปเกมที่เจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งจากฝ่ายคุมเกมอำนาจให้ปกป้อง “ไข่ในหิน” อารักขาท่านผู้ทรงเกียรติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกับสมาชิกวุฒิสภาภารกิจลากเกมแก้ไขรัฐธรรมนูญฝ่าดงม็อบซึ่งผลออกมาไม่ผิดคาด พรรคร่วมรัฐบาลกับ “ส.ว.ลากตั้ง” โชว์พลังหักดิบ ล็อกเสียงรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแค่ 2 ฉบับ ให้ผ่านเฉพาะพิมพ์เขียวของรัฐบาลกับสูตรของฝ่ายค้านปลดกลอนมาตรา 256 ผุดสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)ต่างกันตรงที่มาของ 200 อรหันต์ ร่างของฝ่าย ค้านให้เลือกตั้ง ส.ส.ร.ทั้งหมด แต่ฝั่งรัฐบาลซ่อนไพ่ให้เลือกตั้ง ส.ส.ร. 150 คน ส่วนอีก 50 คน ให้มาจาก “ลากตั้ง”นอกนั้นโดนตีตกหมด โดยเฉพาะร่างของไอลอว์ฉบับประชาชนแทบจะได้คะแนนโหวตลำดับบ๊วย แถมโดน ส.ส.ค่ายพลังประชารัฐ กับตัวจี๊ด “ส.ว.ลากตั้ง” เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ “ไอลอว์” รับเงินต่างชาติมาบ่อนทำลายความมั่นคงของไทยไม่สนเสียงเรียกร้องมวลชนรุ่นใหม่ แถมหักหน้าดิสเครดิตขุมอำนาจ คสช. ทีมทหารเฒ่า 3 ป. เลือก “หักดิบ” นักเรียน นิสิต นักศึกษาภารกิจถอนฟืนออกจากกองไฟกลับยิ่งโหมชนวนเพลิงสภาเป็นทางออก กลายเป็นลากเข้าทางตันและก็เลิกคุยเหมือนกัน อารมณ์เด็กโดน “แกง” ถูกหลอกซ้ำ สภาไม่ทำตามข้อเรียกร้อง แถมยังโดนล่อเป้า ตำรวจเล่นของหนัก ฉีดน้ำไล่ส่ง ถล่มด้วยแก๊สน้ำตาแบบไม่ปรานีปราศรัย โดนผู้ใหญ่ลงมือลงไม้ก่อน มวลชนราษฎรจึงสวนหมัด ยกระดับตอบโต้ทันควัน เอาคืนกันแค่ข้ามวัน นัดม็อบเบิ้มๆยึดแยกราชประสงค์ ละเลงสี ถล่มป้ายหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เละเทะสิ้นสุดระยะการเจรจา สุดเขต “ไม่ประนีประนอม”มวลชนรุ่นใหม่ไม่ยอมลดระดับธง 3 ข้อเรียกร้องฝ่ายคุมเกมอำนาจไม่ตอบสนอง ตามเงื่อนไขสถานการณ์บีบเข้าโซนปะทะแรงขึ้นตามช็อตมโนล่วงหน้าได้ นั่นทำให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ต้องกระชับกระบองในมือ ขู่เล่นแรงร่อนแถลงการณ์บังคับใช้กฎหมายเข้มข้นกับผู้ชุมนุมส่งซิกฝ่ายความมั่นคงพร้อมอัดทุกมาตราที่มีอยู่ ดำเนินการต่อผู้ชุมนุมที่กระทำความผิดฝ่าฝืนกฎหมาย เพิกเฉยต่อการเคารพสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น โดยจะดำเนินคดีต่างๆ ให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ที่สอดคล้องกับหลักการสากลผู้นำเทกแอ็กชัน ไม่ทนต่อม็อบเด็กเล่นเลยเถิดไม่หยุดล้อกับเสียงแห่ของทีม “เชียร์ลีดเดอร์” พะยี่ห้อกองหนุนทีม 3 ป. ทั้ง “ท่านใหม่” พล.ต.หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล ราชสกุลคนดัง นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีต “พุทธะอิสระ” แกนนำม็อบ กปปส. นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.ตัวจี๊ดค่ายพลังประชารัฐ ดาหน้ายุส่งให้ใช้ไม้แข็งกำราบนักเรียน นิสิต นักศึกษาและที่มาแรงแซงโค้งก็คือ “เสี่ยดี้” นายนิติพงษ์ ห่อนาค นักแต่งเพลงชื่อดัง ที่กำลังอยู่ในอาการอึดอัดหายใจไม่ออก กระตุกสัญญาณ “นำร่อง” งัดดาบมาตรา 112 มาใช้งานไล่เลี่ยกับตำรวจจ่อแจ้งข้อหาจาบจ้วงสถาบันกับแกนนำม็อบเด็ก งัดหมายเรียกนักเรียนมัธยมขัด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯแต่ในอารมณ์ที่เลยจุดแหยงเกม “เช็กบิล” ไปแล้ว ตามแนวโน้มแบบที่นายอานนท์ นำภา แกนนำมวลชนราษฎร แสดงปฏิกิริยาตอบกลับทันควัน ส่งสัญญาณปลุกมวลชนเข้าประจำที่พร้อมรับมือ“ประยุทธ์ ประกาศรบกับประชาชน”โดยมีแนวร่วมโหนขบวนนักเรียน นิสิต นักศึกษา พรรคก้าวไกล เพื่อไทย ขู่การใช้ ม.112 ระวังดาบสองคม ดาหน้าถล่มไม่ยั้ง แถลงการณ์นายกฯ ผลักประชาชนเป็นศัตรูยิ่งขู่เหมือนยิ่งยั่ว แทบไม่มีผลกับเด็กรุ่นใหม่ไม่ใช่แค่ไม่กลัว แต่แกนนำม็อบราษฎรยังเดินหน้าท้าทาย จุดหมายนัดม็อบเบิ้มๆรุกคืบแดนอันตราย บุกถึงหน้าสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ดีเดย์วันที่ 25 พฤศจิกายน 2563หลังจากนั้นจะจัดกิจกรรมชุมนุมต่อเนื่องทุกวัน เพื่อให้บรรลุข้อเรียกร้องของกลุ่มราษฎรไล่ต้อน พล.อ.ประยุทธ์ ไขก๊อกลาออกให้ได้แนวรบด้านม็อบราษฎรขึงพืด ฉากการเมืองย้อนกลับสู่วิกฤติแตกแยกเต็มรูปแบบ ในภาวะที่ “บิ๊กตู่” และขุมอำนาจ 3 ป. ทำได้แค่ประคองเกม ดึงจังหวะเอาล่อเอาเถิด ประเมินศักยภาพม็อบมุ้งมิ้งปัญญาชนรุ่นใหม่ ไม่ดุดันอันตรายเท่าม็อบแฝงการเมืองถ้าไม่ใส่ใจกับระดับ “ความชอบธรรม” ผู้นำก็ยังตื้อ ลากยื้อไปได้แบบวันต่อวัน เดือนต่อเดือนถ้าไม่บังเอิญมีเงื่อนปมทางเศรษฐกิจจ่อ “แทรกซ้อน”สะท้อนจากอาการที่นายกฯและรัฐบาลต้องเร่งอัดฉีดมาตรการลด แลก แจก แถม โหมโรงโครงการ “คนละครึ่ง” เปิดโปรโมชันเพิ่มรอบกัน 2–3 ช็อตด้านหนึ่งคือโชว์ความฮอตผลงานโบแดงแต่อีกทางหนึ่งมันก็แสดงถึงไฟต์บังคับ จุดอับทางเศรษฐกิจที่เข้าโหมดฝืดเคืองเต็มที ต้องเร่งอัดฉีดน้ำเลี้ยงภายใน อาศัยอัฐยายซื้อขนมยาย แก้อาการโคม่าเฉพาะหน้าปัญหาคือรัฐบาลต้องกู้มาโปะโครงการลด แลก แจก แถม วันหนึ่งก็ต้องถึงจุดหมดรอบรายได้หลักจากการท่องเที่ยวและการส่งออกยังไม่ฟื้นจากมหาวิกฤติโควิด โดยไม่ต้องพูดถึงสภาพการลงทุนภายในประเทศที่เงียบราวกับป่าช้า ท่ามกลางฉากม็อบไล่ผู้นำรัฐบาล สถานการณ์วิกฤติการเมืองโดนลากเข้าทางตัน หาทางออกไม่เจอครั้นจะเหมาโบ้ยว่า เป็นวิกฤตการณ์ทั้งโลกก็อ้างได้ไม่เต็มปากเพราะอีกทางก็มีข้อมูลจากสื่อต่างประเทศสะท้อนเศรษฐกิจประเทศเวียดนามกำลังพุ่งทะยาน เป็นฐานรองรับนักลงทุนในภูมิภาคอาเซียน แซงปาดหน้าไทยไม่เห็นฝุ่นเศรษฐกิจล้อมทางออก ม็อบรุ่นใหม่ต้อนเข้ามุมวิกฤติรุมเร้า ผู้นำต้องบอกปัดข่าวไขก๊อกลาออกถี่ๆ พูดเป็นนัย “ทำจนกว่าจะไม่ได้ทำ”ส่อถอดใจ ถ้าเป็นมวยก็ได้ลุ้นน็อกยกคู่ ยกคี่.“ทีมการเมือง”