ปกติในช่วง เทศกาลสงกรานต์ รัฐบาลจะประกาศ เป็นโซน 7 วันอันตรายจากอุบัติเหตุบนท้องถนน นับตั้งแต่ก่อนช่วงเทศกาลไปจนถึงหลังเทศกาลซึ่งจะมีคนใช้รถใช้ถนนเป็นจำนวนมาก และมีสถิติคนเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุเป็นจำนวนมากตามมาด้วย ส่วนใหญ่จะเกิดจากสาเหตุ เมาแล้วขับ รถจักรยานยนต์ เสียชีวิตมากที่สุดไม่สวมหมวกกันน็อก ขับเร็ว ประมาท มึนเมา แต่เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ เป็นช่วงการแพร่ระบาดของ ไวรัสโควิด-19 ยังอยู่ในช่วง เคอร์ฟิว อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ห้ามจำหน่ายสุรา (แต่ไม่ห้ามดื่ม) ทั้ง 77 จังหวัด เคยคาดกันว่า อุบัติเหตุในช่วง 7 วันอันตรายปีนี้ จะลดลงไปกว่าร้อยละ 80 อุบัติเหตุจะลดลงคนเสียชีวิตก็ลดลงอย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าเป็นช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อ แล้วไม่ต่ำกว่า 1.8 ล้านคน เสียชีวิต กว่า 1 แสนราย ประเทศสหรัฐฯ มีทั้งผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเป็นอันดับ 1 ของโลก คือ ติดเชื้อ มากกว่า 5.5 แสนคน เสียชีวิต มากกว่า 2.2 หมื่นคน รองลงมาเป็น สเปน ที่แซงหน้า อิตาลี มาเป็นอัน 2 ติดเชื้อ มากว่า 1.6 แสนคน เสียชีวิตมากกว่า 1.7 หมื่นคน อิตาลี มีผู้ติดเชื้อ มากกว่า 1.5 แสนคน มี ผู้เสียชีวิต มากกว่า 1.9 หมื่นราย นอกจากนี้ ฝรั่งเศส เยอรมนี มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 1 แสนรายขึ้นไป ขณะที่ จีน ซึ่งเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของโรคนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อยังทรงตัวที่ 8 หมื่นกว่ารายและเสียชีวิต 3 พันกว่าราย พบจำนวนผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตลดลงมากประเทศอังกฤษ ได้รับความสนใจตรงที่นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ บอริส จอห์นสัน ติดเชื้อกับเขาด้วยถึงขั้นต้องหามเข้าห้อง ไอซียู สาเหตุเพราะดอดไปซื้อสินค้าในซุปเปอร์มาร์เกตแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน และติดเชื้อโควิด-19 ทันที ขณะนี้ อังกฤษ มีผู้ติดเชื้อ 8.4 หมื่นราย และเสียชีวิตหมื่นกว่าราย มากกว่า จีน ไปแล้วระยะนี้เป็นระยะที่ในทางการแพทย์เชื่อว่า จะเป็นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีความรุนแรงไปจนถึงเดือน พ.ค. จากนั้นก็จะบรรเทาการแพร่ระบาดลงมา โดยมีการเฝ้าสังเกตคนที่รักษาหายจากไวรัสโควิด-19 แล้ว พบว่ามีบางราย กลับมาเป็นอีก ซึ่งต้องหาสาเหตุกันต่อไป ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงและลักษณะอาการของโรคแต่ละคนด้วย อย่างไรก็ตาม พอจะสรุปได้ว่า ไวรัสโควิด-19 ยังไม่รักษาหายขาดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เรื่องนี้ ความเห็นของ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค วิเคราะห์สถานการณ์ โควิด-19 เอาไว้ว่า ถือว่าการควบคุมโรคในไทยดีในระดับหนึ่ง แต่ประมาทไม่ได้ เพราะผู้ป่วยใหม่ อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ได้รับเชื้อจากผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยัน ว่า เป็นปกติ ดังนั้น การป้องกันเมื่อพบผู้ที่อาการคล้ายไข้หวัด ไอแห้ง มีน้ำมูก จาม ต้องรีบเว้นระยะห่างทันที สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ กันไว้ดีกว่าแก้และจากการวิจัยของหลายสถาบันวิจัย พบว่า สายพันธุ์โควิด-19 ที่ระบาดในไทยมีหลายสายพันธุ์ คล้ายกับในต่างประเทศ ไม่ว่าจีนหรืออเมริกา แต่ไม่มีข้อมูลว่าระดับความรุนแรงต่างกันรัฐบาลจึงใช้โอกาสที่เราจะประมาทไม่ได้ ประกาศเป็น 7 วันอันตรายเสียเลย เป้าหมายคือลดจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตลงให้มากที่สุด ถ้าเราผ่านจุดนี้ไปได้น่าจะเป็นข่าวดี ความมีระเบียบวินัยของคนในชาติ จะป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้ชะงักที่สุด เทียบง่ายๆ สหรัฐฯกับจีน เห็นภาพชัดเจนที่สุด เห็นประโยชน์ของเผด็จการก็คราวนี้.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th