คํ่าวันจันทร์ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยว่า วันอังคารเขาจะไปหารือกับ วุฒิสภา และ ส.ส.พรรครีพับลิกัน ถึง มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจครั้งใหญ่ หลังจากที่ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ร่วงแรงกว่า 2,003 จุด 7.79% ในวันจันทร์ จากความวิตกถึงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนหลายรัฐต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน ผู้นำสหรัฐฯเสนอให้ ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครั้งใหญ่ที่สุด เหมือนกับที่ผมเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย ไปหลายครั้ง แต่ พล.อ.ประยุทธ์ใจไม่ถึง คิดได้แค่แจกเงิน จนถูกด่ากันทั้งประเทศ จนต้องประกาศเลิกแจกเงิน 2,000 บาทไปเมื่อวันจันทร์การลดภาษีแบบถ้วนหน้าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นมาตรการที่ใช้ได้ผลที่สุด จีนทำสำเร็จมาแล้ว ไม่ใช่คิดสั้นๆแค่แจกเงินคนจน ซึ่งไม่ก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่อย่างใด เหมือนเอาเงินไปโปรยทิ้งนํ้า เงินก็จมนํ้าหายไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้นประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวกับสื่อว่า เขาจะไปประชุมกับ ส.ส.พรรครีพับลิกัน เพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ในการ “ลดภาษีเงินเดือน” (payroll tax cut) ซึ่งถือเป็น มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุด เขาจะขอให้สภาคองเกรสผ่าน “ร่างกฎหมายปรับลดภาษีเงินเดือน” และมาตรการเร่งด่วนด้านอื่นๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 It’s a big number มันเป็นตัวเลขที่ใหญ่มาก รวมทั้งการลดภาษี ผู้ที่ได้รับค่าจ้างรายชั่วโมง เพื่อช่วยเหลือให้พวกเขายังได้รับการจ้างงานต่อไปแม้ผมจะเขียนโจมตี ประธานาธิบดีทรัมป์ หลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา แต่มาตรการลดภาษีมนุษย์เงินเดือนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ของประธานาธิบดีทรัมป์ ในครั้งนี้ ผมขอแสดงความชื่นชม เพราะ ผู้นำสหรัฐฯคิดถึงประโยชน์ของชาวอเมริกันถ้วนหน้า ตั้งแต่ มนุษย์เงินเดือน ลงไปจนถึง แรงงานที่รับค่าจ้างรายชั่วโมง ไม่ใช่เลือกเฉพาะคนจนที่ขึ้นทะเบียนหรือคนมีพร้อมเพย์อย่างที่ นายกรัฐมนตรีไทยคิดแจกเงิน 2,000 บาท แบบไม่ถ้วนหน้าซึ่งเป็นการ คิดแบบสั้นๆ ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แม้จะเสียเงินเป็นแสนล้านบาทก็ตามประธานาธิบดีทรัมป์ ยังไม่ได้บอกว่า จะลดภาษีมนุษย์เงินเดือนเท่าไหร่ เพียงแต่บอกว่า It’s a big number มันเป็นตัวเลขที่ใหญ่มากผมไปค้นดู ภาษีเงินได้จากเงินเดือน ของ กรมสรรพากรสหรัฐฯ ก็พบว่า ปี 2019 สรรพากรสหรัฐฯเก็บภาษีจากมนุษย์เงินเดือน 3.46 ล้านล้านดอลลาร์ 108.99 ล้านล้านบาท และ ปี 2020 คาดว่าจะเก็บได้ 3.71 ล้านล้านดอลลาร์ 116.86 ล้านล้านบาท มากกว่าจีดีพีประเทศไทย 7 เท่า ภาษี payroll tax ของสหรัฐฯ อยู่ที่ 12.4% นายจ้างจ่าย 6.2% ลูกจ้างจ่าย 6.2% จ่ายกันคนละครึ่ง และยังมี ภาษีประกันสุขภาพอีก 2.9% นายจ้างจ่าย 1.45% ลูกจ้างจ่าย 1.45% จ่ายกันคนละครึ่งเหมือนกันถือว่าแฟร์ดีการลดภาษีเงินได้ของมนุษย์เงินเดือน ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจจะช่วยให้มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นทันที เพราะ มนุษย์เงินเดือนมีรายได้แน่นอน และ เป็นกำลังซื้อหลักของสินค้าทุกประเภทอยู่แล้ว ผมพยายามขายความคิดนี้ให้กับ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แต่ไม่สำเร็จ ทั้งที่ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่รัฐบาลกลับเลือกแจกเงินเฉพาะกลุ่ม เช่น แจกเงินชิมช้อปใช้เป็นหมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่มีแต่เด็กเล่นเกมได้ไป เพราะเปิดให้จองสิทธิหลังเที่ยงคืนแม้ในวันนี้ ผมก็คิดว่ายังไม่สายเกินไป ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะนำมาตรการที่ผมเสนอไปใช้ “ลดภาษีแบบถ้วนหน้า” ทั้ง “ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” และ “ภาษีมูลค่าเพิ่ม” ให้คนไทยทุกคนได้ประโยชน์เท่าเทียมกัน ที่ผมเสนอให้ ลดภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย เพราะ มีคนไทยที่เสียภาษีเงินได้แค่ 4 ล้านคนเท่านั้นเอง เทียบไม่ได้กับ สหรัฐฯ และ จีน ผมก็หวังว่า ท่านนายกฯจะมองแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์นะครับ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ.“ลม เปลี่ยนทิศ”