ทันทีที่เปิดสมัยประชุมรัฐสภา ฝ่ายค้านก็โหมโรงเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ประกาศจะซักฟอกประเด็นการทุจริตคอร์รัปชันและความไร้ฝีมือในการบริหารประเทศ โดยมีข่าวเล็ดลอดออกมาว่าหนึ่งในโครงการที่จะถูกอภิปรายคือโครงการกำจัดขยะมูลฝอยด้วยระบบเตาเผาของ กทม. ที่หนองแขม มูลค่า 5,657 ล้านบาท และที่อ่อนนุช มูลค่า 5,759 ล้านบาทโครงการนี้คาราคาซังมาตั้งแต่ปลายสมัยรัฐบาล คสช. ทำเอา คุณจักกพันธุ์ ผิวงาม และ คุณทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ ต้องโดดหนี ลาออกจากรองผู้ว่าฯกทม. เพราะ ไม่กล้าลงนามประกาศผลการประกวดราคา ต่อมา พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. แต่งตั้งคุณศักดิ์ชัย บุญมา และ พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ มาดำรงตำแหน่งแทน ซึ่ง พล.ต.ท.โสภณได้ลงนามประกาศแจ้งผลการประกวดราคาผู้ชนะการประมูลโรงกำจัดขยะทั้งสองแห่งไปเมื่อวันที่ 29 ส.ค.62 และตอนนี้เรื่องยังค้างเติ่งอยู่ที่กระทรวงมหาดไทยว่ากันว่าโครงการโรงขยะทั้งสองแห่งนี้ ราคาแพงหูฉี่ และมี ข้อพิรุธ มากมาย เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนก็ลองเปรียบเทียบกับ โครงการระบบกำจัดขยะมูลฝอยของ อบจ.นนทบุรี มูลค่า 4,142 ล้านบาท ซึ่ง ครม.เพิ่งมีมติเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 62โครงการกำจัดขยะของ อบจ.นนทบุรี มีระยะเวลาสัญญา 22 ปี อบจ.นนทบุรี ต้องจ่ายค่ากำจัดขยะให้เอกชนในอัตรา 300 บาท/ตัน/วัน แต่ละวันมีขยะ 1,000 ตัน แต่เมื่อผลิตไฟฟ้าได้แล้ว เอกชนต้องจ่ายค่าตอบแทนเป็นรายได้จากการขายไฟฟ้าให้ อบจ.นนทบุรี ปีละ 30 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญาเท่ากับ 600 ล้านบาท (ไม่คิดช่วงเวลาก่อสร้าง 2 ปี) และ จ่ายค่าเช่าที่ดินบริเวณก่อสร้างโรงกำจัดขยะอีกไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาท หักลบแล้ว อบจ. นนทบุรี จ่ายเงินเพื่อสัญญากำจัดขยะ 4,142-600-5=3,537 ล้านบาทเทียบตัวเลขแล้วโรงกำจัดขยะที่หนองแขมและอ่อนนุชแพงกว่าโรงกำจัดขยะของ อบจ.นนทบุรี ถึง 2 พันล้านบาท ทั้งที่ใช้การกำจัดขยะด้วยระบบเตาเผาเช่นเดียวกัน หนำซ้ำของ อบจ.นนทบุรี ใช้ระบบ ไพโรไลซิส และ แก๊สซิฟิเคชั่น มีค่าใช้จ่ายในการเดินระบบแพงกว่าระบบ ตะกรับที่ กทม.เลือกใช้ ส่วนกำลังผลิตไฟฟ้ามีขนาดไม่แตกต่างกันมากนัก กทม. อยู่ที่ 20 เมกะวัตต์ อบจ.นนทบุรี 21 เมกะวัตต์สำหรับราคาคำนวณที่เป็นฐานตั้งต้นในการคิดค่ากำจัดขยะนั้น ของ กทม.ต้องจ่าย 900 บาท/ตัน/วัน ในขณะที่ อบจ.นนทบุรี และท้องถิ่นทั่วประเทศจ่ายประมาณ 300-500 บาท/ตัน/วัน ขึ้นอยู่กับประเภทและปริมาณขยะในแต่ละพื้นที่ ซึ่งในทางกายภาพของพื้นที่ กทม.กับนนทบุรีถือว่าใกล้เคียงกันมาก มีขยะสดทั้งเปียกทั้งแห้งพอๆกันก่อนหน้านี้ คุณศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้ยื่นหนังสือถึง ป.ป.ช. และ สตง. ให้ตรวจสอบโครงการกำจัดขยะของ กทม. โดยระบุว่า มูลค่าโครงการอาจเข้าข่ายสูงกว่าความเป็นจริง เมื่อเปรียบเทียบกับหน่วยราชการอื่นที่ดำเนินโครงการลักษณะเดียวกัน และ อาจเข้าข่ายเอื้อประโยชน์ให้เอกชน เพราะนอกจาก กทม.จะต้องจ่ายค่าจ้างกำจัดขยะให้เอกชน 1.14 หมื่นล้านบาทตลอดสัมปทานแล้ว เอกชนยังมีรายได้จากการขายกระแสไฟฟ้ารวม 2 โครงการไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยที่ไม่ต้องนำส่งรายได้ให้ กทม.แต่อย่างใดคุณศรีสุวรรณระบุด้วยว่า เอกชนที่ชนะประมูลทั้งหนองแขมและอ่อนนุช มีความเกี่ยวข้องกันโดยตรงและโดยอ้อม เพราะมีกรรมการบริษัทบางคนมีชื่อไขว้กันอยู่ นอกจากนี้ การทำประชาพิจารณ์โครงการก็ไร้มาตรฐานโครงการหมื่นกว่าล้านบาททำประชาพิจารณ์แค่ 4 วัน ขณะที่ โครงการจ้างเอกชนกำจัดมูลฝอย และบริหารจัดการศูนย์เรียนรู้การจัดการขยะและของเสียชุมชน ของ กทม. มูลค่า 1,423 ล้านบาท ช่วงเวลาประมูลไล่เลี่ยกัน แต่ทำประชาพิจารณ์ถึง 21 วันเพื่อความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมถ้าฝ่ายค้านเจาะลึกข้อมูลและเชื่อมโยงตัวละครเห็นภาพชัดเจน งานนี้บิ๊กเนมมีสิทธิโดนชำแหละเละ.ลมกรด