คนทำงานการเมืองที่ผมแอบใส่คะแนนไว้ในใจ และตั้งไว้ในฐานะ “กัลยาณมิตร” มีอยู่ไม่กี่คน คนหนึ่งนั้นเห็นหน้าทางทีวี ตอนเดินไปหา นายกฯประยุทธ์ เมื่อวานซืน คุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์โจทย์ที่พอรู้ๆ เมื่อเลือกตั้งไปแล้ว ได้นักการเมืองร้อยพ่อพันแม่ มาเป็นกำลังสำคัญในการตั้งรัฐบาลแล้วเก้าอี้รัฐมนตรีที่เคยมีพอ ขนาดให้ลาออกไปเป็น ส.ว.กันนับสิบคนแล้ว ก็ยังไม่พอปากหอยปากปู เจ๊าะแจ๊ะกันว่า ก็เก้าอี้รัฐมนตรีเศรษฐกิจ ที่รองนายกฯสมคิด นั่งคุมมาห้าปี นั่นแลงานเศรษฐกิจในร่มเงารัฐบาลทหาร นักข่าวแก่ๆอย่างผมมองโดยไม่มีมายาคติ คนกระเป๋าแฟบหรือกระเป๋าตุง ก็ยังเห็นเป็นธรรมดา เศรษฐกิจโลกยอบแยบอย่างนี้ สหรัฐฯเล่นสงครามการค้ากับจีนอย่างนี้ ใครมาเป็นรัฐบาลยืนหยัดอยู่ได้ระดับนี้ ก็นับว่าดีนักหนาข้อดีพิเศษที่ต้องเชิดชูกัน ก็คือ คุณสมคิดนั่งอยู่กับสารพัดอภิมหาโครงการ เป็นตัวเลขหมื่นล้านแสนล้าน...มีคนแอบนินทา เอียงข้างเข้าหาคนรวยคือนายทุนอยู่บ้างแต่ไม่มีข้อครหาคอร์รัปชันมาเข้าหูยิ่งเมื่อย้อนไป สมัยคุณสมคิดนั่งเก้าอี้คลัง รัฐบาลทักษิณ มีเรื่องขี้ฉ้อคอร์รัปชันเกิดขึ้นหลายเรื่อง ใครต่อใครเดินแถวเข้าคุกไปหลายต่อหลายคน แต่คุณสมคิดก็รอดมาได้ ไม่มีเรื่องไม่ดีแผ้วพานถ้าเปรียบเป็นพระระดับสมภาร...สมภารองค์นี้บริหารจัดการวัดใหญ่ บริหารผลประโยชน์ซับซ้อน แต่หลวงพ่อสมคิด ก็บริหารจัดการได้ราบรื่น ไม่เจอข้อหาปาราชิก ไม่ว่าจะเรื่องเงินทอง หรือเรื่องสีกาเจอหน้าก็กราบไหว้ ได้สนิทใจผมเชื่อว่าปัญหาที่เจอตรงหน้า...คุณสมคิด คงมีประเด็นคิดอยู่มาก งานด้านเศรษฐกิจเป็นงานใหญ่ ถ้าปล่อยให้เสือสิงห์กระทิงแรดเข้ามาวุ่น นอกจากบ้านเมืองไม่เดินหน้า...ในภาวะรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ โอกาสคว่ำก็ยิ่งง่ายแต่ถ้าไม่ยอมให้เสือสิงห์เข้ามา โอกาสตั้งไข่รัฐบาลก็ยากขึ้นเป็นกัลยาณมิตรกันทั้งที เมื่อเจอหน้า ก็คงงัดเอาเรื่องธรรมะ ขึ้นมาคุยหนังสือตูน “ปรัชญาพุทธ” ไช่จื้อจง เขียน ยุทธชัย อนันตศักกรานนท์ แปล สำนักพิมพ์พิมพ์ดี อยู่ใกล้มือ ผมเลือกเปิดอ่านหัวข้อ “มรรคา ดุจดั่งเล่นพิณ”สายพิณที่ตึงหรือหย่อนเกินไป จะไม่สามารถบรรเลงให้เกิดเสียงที่ดีได้ มีเพียงความตึงและหย่อนที่พอดี จึงสร้างเสียงอันไพเราะได้ทางในการแสวงหาความรู้แจ้ง ก็เหมือนการเล่นพิณ เกียจคร้านหย่อนยาน ย่อมไม่อาจบรรลุ จดจ่อจนตึงเกินไป ก็ไม่อาจสำเร็จดังนั้นการบำเพ็ญธรรม จะต้องรักษาให้พอเหมาะ ไม่ตึงและไม่หย่อนจนเกินไปผู้บำเพ็ญควรมีชีวิตที่ไม่อยู่ในสองสุดโต่ง เปิดใจบำเพ็ญปัญญา และเดินไปบนหนทางแห่งความรู้แจ้งแล้วชีวิตแห่งทางสายกลางนั้นคืออะไรก็คือ ความเห็นชอบ ดำริชอบ วาจาชอบ ประพฤติชอบ เลี้ยงชีวิตชอบ ความเพียรชอบ ระลึกชอบ ตั้งใจมั่นชอบคนที่ลุ่มหลงจะยึดติดอยู่กับความมี ไม่ก็ยึดติดอยู่กับความไร้แต่คนที่มีปัญญาแท้จริง จะรู้ว่าความจริงแห่งจักรวาลนั้น พ้นจากคำว่ามี หรือไร้ เช่นนี้จึงเป็นการเห็นทางสายกลางอย่างถูกต้องอ่านธรรมะ ข้อมรรคา ดุจดั่งเล่นพิณจบ...ผมก็สบายใจ เพราะเชื่อตลอดมาว่า คนชื่อสมคิดนั้น...มีวิธีคิดชัดแจ้งเจนใจ เรื่องทางสายกลาง พ้นจากคำว่ามีหรือไร้...มาเนิ่นนานเต็มทีแล้ว.กิเลน ประลองเชิง