ในที่สุดมหากาพย์ “โฮปเวลล์” ที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 30 ปี ก็มาถึงตอนจบเมื่อศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้กระทรวงคมนาคมโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จ่ายค่าชดเชยให้บริษัทโฮปเวลล์ จากการยกเลิกสัญญาเป็นเงิน 11,888 ล้านบาทโดยยังไม่รวมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี รัฐบาลยืนยันว่าจะต้องเจรจากับบริษัท ซึ่งจะต้องใช้เวลา มหากาพย์จึงยังไม่จบคดีที่รัฐบาลอาจต้องเสียค่าโง่เป็นเงินมหาศาลนี้ เริ่มต้นด้วยการทำสัญญาสัมปทาน 30 ปี ในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ที่มีนายมนตรี พงษ์พานิช เป็นรัฐมนตรีคมนาคม โดยให้โฮปเวลล์เป็นผู้ลงทุนในโครงการก่อสร้างทางรถไฟยกระดับ และ ทางด่วน 2 ชั้น ระยะทาง 60 กม. มูลค่า 8 หมื่นล้านบาท แลกกับการได้สิทธิจัดหาประโยชน์จากที่ดิน รฟท.ในทำเลทองเกือบ 250 ไร่แต่การก่อสร้างเป็นไปด้วยความล่าช้า และมีการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย จนถึงรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ครม.มีมติให้ยกเลิกสัญญาเมื่อปี 2540 แต่ยกเลิกจริงในรัฐบาลชวน หลีกภัย เมื่อปี 2541 โดยอ้างความล่าช้าของการก่อสร้าง และความไม่โปร่งใส โฮปเวลล์จึงฟ้องคณะอนุญาโต- ตุลาการ มีมติให้ รฟท.จ่ายเงินชดเชยให้โฮปเวลล์ 11,888 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยต่อมาศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการคดีจึงถึงศาลปกครองสูงสุด คดีนี้เกิดขึ้นในยุคที่รัฐบาลถูกขนานนาม “บุฟเฟต์-คาบิเนต” ช่วงที่ “ธุรกิจการเมือง” กำลังเฟื่องฟู เกิดขึ้นก่อนรัฐธรรมนูญ 2540 จึงไม่มีองค์กรตรวจสอบที่เข้มแข็ง รัฐธรรมนูญไม่มีบทบัญญัติเรื่อง “การขัดกันแห่งผลประโยชน์” หรือผลประโยชน์ทับซ้อนรัฐธรรมนูญบางฉบับอาจมีบท บัญญัติให้นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อประธานรัฐสภา (เพราะยังไม่มี ป.ป.ช.) ไม่มีกลไกตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ เป็นเพียงพิธีกรรมการเมือง ไม่มีกลไกถอดถอนนักการเมืองผู้ร่ำรวยผิดปกติ คนไทยจึงได้แต่มองเสาตอม่อโครงการโฮปเวลล์เรียงรายข้างถนนวิภาวดีฯ เป็นอนุสาวรีย์แห่งความอะไรดีการที่ภาครัฐต้องเสียค่าโง่ให้บริษัทเอกชน อันเนื่องมาจากการยกเลิกสัญญา ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับการเมืองไทย แต่กลายเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาในวงการเมืองและข้าราชการโด่งดังมากที่สุดคดีหนึ่งคือ โครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ที่มีการทุจริตกันอย่างมโหฬาร และมีนักธุรกิจการเมืองหลายฝ่ายร่วมมหกรรมฉ้อราษฎร์ บังหลวงกรณีค่าโง่คดีโฮปเวลล์ มีบางฝ่ายเสนอว่า รัฐบาล คสช.น่าจะต่อสู้ด้วยการแสดงต่อศาลว่ามีความไม่โปร่งใสในการดำเนินโครงการตั้งแต่เริ่มต้น และมีการทุจริต รัฐบาลจึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญา เพราะการทุจริตไม่ได้เกิดจากภาครัฐฝ่ายเดียว แต่ภาคเอกชนก็ต้องสมคบคิดด้วย แต่บางคนท้วงติงว่าสัญญาโฮปเวลล์ห้ามรัฐบาลยกเลิก สัญญาผูกมัดฝ่ายเดียวแบบนี้ทำกันได้อย่างไร.