เริ่มต้นฤดูร้อนแล้งร่วมคณะไปกับ ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ รองอธิบดีกรมชลประทาน ไปดูแนวทางหาน้ำให้กับเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทยแม้จะเป็นเกาะเล็กๆ อยู่ในเขตฝนชุก มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยปีละ 1,919 มม. มากกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศไทยประมาณ 22% แต่เกาะพะงันกลับมีปัญหาเรื่องน้ำไม่ต่างจากแผ่นดินใหญ่ปริมาณน้ำท่าของลำน้ำที่มีทั้งหมด 16 สายบนเกาะ เฉลี่ยปีละ 53 ล้านคิว แต่มีฝาย 15 แห่ง เก็บกักน้ำได้เพียง 2.4 แสนคิว หรือเก็บได้แค่ 0.45% เท่านั้นเอง ที่เหลือกว่า 99% ไหลทิ้งลงทะเลหมดสิ้นน้ำจำนวนนี้อย่าว่าจะนำไปเลี้ยงประชากรในพื้นที่ 16,000 คนให้เพียงพอเลย เพราะถ้านำเกณฑ์การใช้น้ำวันละ 200 ลิตร มาคำนวณแล้ว ต้องมีน้ำไม่น้อยกว่า 1.16 ล้านคิว นี่ยังไม่นำรวมประชากรแฝง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่หมุน เวียนกันมาใช้น้ำอีกปีละ 1.7 ล้านคนฉะนั้นไม่ใช่ เรื่องแปลก การหาน้ำให้เกาะพะงัน จึงเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน และถูกบรรจุให้เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์บริหารจัดการน้ำ“วันนี้ภารกิจของกรมชลประทานไม่ได้หาน้ำเพื่อการเกษตรอย่างเดียวเท่านั้น เพราะน้ำคือชีวิต ทุกอาชีพ ทุกชีวิต ล้วนต้องพึ่งพาน้ำทั้งสิ้น อุตสาหกรรมท่องเที่ยวหารายได้เข้าประเทศได้ดีที่สุด น้ำจึงมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมนี้มาก ถ้าไม่มีน้ำ ใครจะมาเที่ยว ใครจะเอาเงินมาให้คนไทยได้ใช้จ่ายกัน”ดร.สมเกียรติ เผยถึงผลจากการศึกษาความเหมาะสมของโครงการสร้างเขื่อนกั้นคลองธารประเวศ ในพื้นที่หมู่ 5 ต.บ้านใต้ อ.เกาะพะงัน เพื่อเก็บกักน้ำ 1.3 ล้านคิว ได้ลดพื้นที่น้ำท่วมป่าโซนซี เหลือไม่เกิน 50 ไร่ จากเดิมที่กำหนดไว้มากถึง 150 ไร่ เพื่อจะได้ไม่มีความล่าช้าในเรื่องการศึกษา IEE และขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าไม้ทั้งนี้ เพื่อให้โครงการหาน้ำให้เกาะพะงันเกิดได้เร็ว ทันการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว...แต่กระนั้นคาดว่า โครงการอ่างเก็บน้ำธารประเวศน่าจะเริ่มลงมือก่อสร้างได้ในปี 2562.สะ–เล–เต