วันเสาร์สบายๆวันนี้ไม่มีแก่ใจไปคุยเรื่องสบายๆ สงครามไทย–กัมพูชายังรบกันดุเดือดเลือดพล่าน เรื่องที่น่าตกใจก็คือ กองทัพภาคที่ 2 ตรวจพบว่า โดรนเขมรติดลูกระเบิด ค.82 ที่บินเข้ามาโจมตีช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี คาดว่ามี “ต่างชาติรับจ้างมาบินโดรน” โดยมีทหารกัมพูชาคอยชี้เป้า เล็งบังเกอร์ทหารไทย แนะนำให้กำลังพลของไทย ถ้าเจอโดรนแบบนี้ให้หลบในที่กำบังทันทีเพจ “กองทัพภาคที่ 1” ได้โพสต์เมื่อ 11 ธ.ค.ว่า “ชะแหละแผนโดรนพลีชีพเขมร งามไส้! กองทัพภาคที่ 2 พบคนบังคับไม่ใช่ทหารกัมพูชา” โดยมีรายละเอียดดังนี้“ยุทธวิธีโดรนที่กัมพูชาใช้ในพื้นที่ช่องอานม้า ลักษณะโดรนที่ใช้จะเป็น FPV ติดลูก ค.82 มม. และใช้สายไฟเบอร์ออปติกในการบังคับ จะมีโดรนชี้เป้าหมายจำนวน 1 ตัว บินคอยดูสังเกตและแจ้งที่หมาย จากการฟังเสียงจะไม่มีรวดเร็วและบินได้นาน โดรนพลีชีพ (โดรนกามิกาเซ่) จะทิ้งทำลายบริเวณช่องด้านหน้าหรือด้านหลังบังเกอร์ หวังให้สะเก็ดกระเด็นเข้าด้านใน บางจังหวะมีลงจอดที่พื้น เพื่อประหยัดและรอเป้าหมายสังเกตลักษณะการบิน จะไม่ผ่านจุดที่มีสิ่งกีดขวางเยอะ และบินเลือกเป้ากลับไปมา (ทำให้คาดว่าใช้สายไฟเบอร์ออปติก)จากการสอบถามเพื่อน ชุดโดรนที่ใช้ FPV จะสามารถควบคุมได้ 2 ลักษณะ 1.บินตาม GPS ขึ้นได้ทีละหลายลำ แต่จะบินมั่วชนกิ่งไม้หรือตาข่ายได้ง่าย 2.ใช้คนบังคับทีละลำ ลักษณะจะบินหาที่มุดเข้าบังเกอร์ (อานม้าเจอลักษณะนี้) ข้อสังเกต : คนบังคับน่าจะไม่ใช่ทหารกัมพูชา เนื่องจากมีสัญญาณเข้ามาวิทยุทางทหารโหมด CRL คำภาษาอังกฤษประโยคท้ายว่า finished ประกอบกับจุดตรวจการณ์ ตรวจพบจักรยานยนต์ขับลงไป หลังจากที่โดรนพลีชีพเงียบไป (ทั้ง 2 วันที่อานม้าโดน)คำแนะนำ : ตาข่ายและการปิดหลัง รวมถึงช่องยิงช่วยป้องกัน/การยิงปืนทำลายได้ยาก เนื่องจากบินเร็วมาก/ปืนแอนตี้โดรนยิงไม่ตก (อยู่ในบังเกอร์ก้มตัวตํ่าครับ)ผมขออธิบายเรื่อง โดรน FPV เพื่อให้ท่านผู้อ่านเข้าใจสักนิด โดรน FPV (First-Person View) คือโดรนที่ติดกล้องและส่งภาพแบบเรียลไทม์กลับไปยังผู้ควบคุมโดรน ทำให้บังคับทิ้งระเบิดได้แม่นยํา เป็นโดรนที่มีราคาถูก ประกอบได้ง่าย สามารถบินเลียนแบบภูมิประเทศได้ ยากต่อการตรวจจับ ติดวัตถุระเบิด โจมตีแบบบินเข้าใส่ ไม่กลับฐาน การบินโดรนแบบนี้ต้องใช้ทักษะนักแข่งโดรน สามารถเข้าจู่โจมช่องเล็กๆระดับหน้าต่างรถถังได้ เป็นเขี้ยวเล็บใหม่กัมพูชาที่เป็นอันตรายต่อทหารไทยอย่างยิ่งนักขับโดรนกามิกาเซ่ มีข่าวว่าเป็น ทหารรับจ้างต่างชาติที่เขมรจ้างมา ที่เจ็บปวดใจที่สุดก็คือ ทหารรับจ้างต่างชาติเหล่านี้ล้วนเป็นนักรบรับจ้างชาติมหาอำนาจที่กำลังพักรบ แล้วบินมาพักผ่อนในเมืองไทย แล้วไปรับจ๊อบกัมพูชาขับโดรนมาถล่มไทย ก็ไม่รู้ ตำรวจสันติบาล หน่วยข่าวกรองกองทัพไทย และ หน่วยสืบราชการลับ ไปทำอะไรกันอยู่ผมเพิ่มฟัง ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างประเทศจากจุฬา พูดในรายการหนึ่งว่า ต่างชาติที่ควบคุมโดรนพลีชีพให้กัมพูชามาโจมตีกองทัพไทย เป็นนักรบรับจ้างจากสหรัฐฯที่ไปรับจ้างรบในอิสราเอล พอพักรบก็มาพักผ่อนในเมืองไทยแล้วไปรับจ๊อบเขมร รวมทั้ง ทหารอิสราเอลที่มาพักอยู่เต็มเมืองไทย จัดปาร์ตี้ตามเกาะ และมหาอำนาจที่กำลังรบในยูเครน ซึ่งน่าจะหมายถึง รัสเซีย พร้อมกับแนะนำว่า กระทรวงการต่างประเทศ จะต้องไปเจรจากับประเทศเหล่านี้ เพราะถ้ารัฐบาลเขาไม่ไฟเขียว ทหารรับจ้างเหล่านี้ก็ไปรับจ๊อบกัมพูชามาถล่มไทยไม่ได้ศึกครั้งนี้จึงถือว่า มีความซับซ้อนมากขึ้น เมื่อมีชาติมหาอำนาจโลกเข้ามายุ่งเกี่ยว ไม่ใช่การรบชิงดินแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาเสียแล้ว เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้อง “ยกระดับ” การต่อสู้ ไม่ใช่สู้ที่สนามรบอย่างเดียวแล้ว แต่ต้องรบในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ ด้วยบทบาท “ผู้นำไทย” จึงสำคัญที่สุด เก่งพอที่จะรับมือหรือไม่ ยังโชคดีที่ตั้ง คุณสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ถ้ามีแต่รัฐมนตรีสีเทารัฐมนตรีลูกบ้านใหญ่ที่ทำงานไม่เป็น อนาคตประเทศไทยจะเละยิ่งกว่านี้ แค่สู้กับเขมรก็เหนื่อยแล้ว."ลม เปลี่ยนทิศ"คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม