คำถามที่ 41 ในหนังสือ 101 คำถามสามก๊ก (หลี่ฉวนจวินและคณะเขียน ถาวร สิกขโกศลแปล มติชนพิมพ์ พ.ศ.2556) “ทำไม? คนเรียกจิวยี่ว่า จิวหลาง”คำตอบ...ตั้งแต่ราชวงศ์ฮั่นและวุ่ยมา “หลาง” เป็นคำเรียกขานชายหนุ่มบุคลิกงามสง่า และปัญญาดีด้วยความรัก พงศาวดารสามก๊กจี่ บันทึกว่า เมื่อจิวยี่อายุ 24 ปี หลังชนะศึกเซ็กเพ็ก ผู้คนในแคว้นง่อต่างเรียกว่า “จิวหลาง”มีตัวอย่างจากหนังสือซัวซินอี่ว์ บรรพความงาม เล่าว่า ตอนซีไท่ฟู่ (ราชครูซี) อยู่ที่จิงโข่ว ใช้บ่าวนำจดหมายไปให้หวางเฉิงเซี่ยง (อัครมหาเสนาบดีหวาง) ขอลูกหลานท่านมาเป็นเขย หวางเฉิงเซี่ยงบอกให้ไปดูเองในห้องด้านข้างบ่าวผู้นั้นกลับไปรายงานซีไท่ฟู่ว่าบรรดา “หลาง” (คุณชาย) ลูกหลานหวางเฉิงซื่อล้วนน่ารักพอได้ยินว่ามีผู้มาเลือกเขย ต่างก็จงใจวางทีท่า มีคนเดียวถอดเสื้อนอนหลับสบายอยู่บนเตียงตะวันออก ราวกลับไม่รู้เรื่องเลือกเขย ซีไท่ฟู่กล่าวว่า “คนนี้แหละเหมาะสม” จึงส่งคนไปถามได้ความว่าชื่อ หวางซีจือ มีชื่อรอง “อี้เซ่า” จึงแต่งลูกสาวให้ หวางซีจือปัญญาโดดเด่น บุคลิกสุขุมเหนือคนทั้งหลาย จึงได้เป็นเขยศรีของอัครมหาเสนาบดี ส่วนจิวยี่ผู้บัญชาการรบในศึกเซ็กเพ็กโด่งดังแต่ยังหนุ่ม รูปงามสุขุม น่ารัก ผู้คนล้วนสรรเสริญเป็นเสียงเดียวกัน มีวิสัยทัศน์ทางการเมืองกว้างไกล ศิลปะการบัญชาการรบละเอียดรอบคอบ ความรู้ด้านบุ๋นเหนือคนทั้งหลาย เชี่ยวชาญการดนตรี แม้กำลังเมาดนตรีบรรเลงผิดพลาดนิดหน่อย ก็ยังออก หันไปมองจบคำอธิบายคำถามที่ 41 มีความรู้ต่อเนื่อง...เกณฑ์มาตรฐานวัดคุณสมบัติของคนในยุคปลายราชวงศ์ฮั่น เกิดกระแสวิจารณ์คุณสมบัติของคน ดังคำกล่าวของกู้เอี้ยนอู่่ ปราชญ์ยุคราชวงศ์ชิงว่า“ผู้มีชื่อเสียงขึ้นเมฆา ไร้ชื่อเสียงจมร่องน้ำ”ในการวิจารณ์คนมีเกณฑ์ค่อนข้างแปลกใหม่ ประกอบด้วยเรื่องต่อไปนี้1.ความรู้ ตามหลักของปรัชญาหญู (สำนักขงจื๊อ) ให้ความสำคัญแก่ธรรมจริยา ความประพฤติที่ถูกต้องตามคุณธรรมก่อน จนอาจกล่าวได้ว่าธรรมจริยาเป็นคุณสมบัติอันงามที่สังคมปรัมปราคติของจีนให้ความสำคัญสูงสุดในยุคราชวงศ์วุ่ยและราชวงศ์จิ้น ผู้คนก็ยังชื่นชมผู้คนผู้มีธรรมจริยาอันประเสริฐแต่ในยุคจลาจล การประเมินธรรมจริยาหาเกณฑ์มาตรฐานได้ยาก ประกอบกับโจโฉดำเนินตามนโยบาย “ขอให้มีความรู้เป็นใช้งาน” (แม้ความประพฤติไม่ค่อยดี)ดังนั้นแม้ผู้คนจะชื่นชมธรรมจริยา แต่ก็ให้ความสำคัญแก่ความรู้เฉพาะบุคคลไปด้วยค่านิยม “เน้นคุณธรรมให้ความสำคัญแก่ความรู้” ค่อยๆเปลี่ยนมาเป็น “เน้นความรู้”2.รูปลักษณ์ รูปร่างหน้าตาบุคลิกลักษณะของผู้คน ตั้งแต่ปลายราชวงศ์ฮั่น ผู้คนให้ความสำคัญกับรูปร่างและบุคลิกภายนอกมากขึ้น เกิดกระแสใฝ่หาความงามแห่งรูปลักษณ์อย่างร้อนแรงจนมีตำนาน “ตามดูจนเว่ยไก้ (รูปหล่อมาก) ตาย” โยนผลไม้ให้เต็มคันรถ (พานเยว์เป็นชายงาม สาวๆเห็นเป็นต้องโยนผลไม้ให้)เล่าขานกันสืบมา ซุนเซ็กก็ภูมิใจว่าตนเป็นชายหนุ่มรูปหล่อ สง่างาม กระทั่งโจโฉซึ่งเป็นยอดคนแห่งยุค แต่ร่างเล็กไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ตัวเอง เมื่อทูตซุงหนูมาพบจึงให้ซุยเอี่ยนหนุ่มรูปงามออกรับทูตแทนขอย้ำค่านิยมที่กล่าวมาเกิดในสมัยสามก๊กต่อสมัยวุ่ย...เมื่อราว 1,800 ปีที่แล้ว...นะครับคนละเรื่องสิ้นเชิงกับบางบ้านเมือง...สมัยนี้...เออ! ผมเองก็จำไม่ได้เอาเสียแล้ว บ้านเมืองไหน? ชาวบ้านเขาซุบซิบกันว่า หันไปไหนก็เจอแต่โจรกับโจรจะเริ่มตรงไหนดี พายเรือให้โจรนั่ง นั่งเรือที่โจรพาย...อีกไม่กี่วันข้างหน้า...เขาก็รู้กันว่าโจรกำลังจะปล้นโจร.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม