เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวกลางเมืองชเวโก๊กโก่ เมื่อเที่ยงครึ่งของวันที่ 3 ธันวาคม 2568 ไม่ได้เป็นเพียงภาพตึกสูง 12 ชั้นที่ถล่มลงมากองกับพื้น หากแต่เป็นสัญลักษณ์ของ “เกมการเมืองใหญ่” ที่รัฐบาลทหารพม่ากำลังส่งสารไปให้ทั่วโลกได้รับรู้โดยเฉพาะถึงผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดอย่าง “จีน” ว่าครั้งนี้พม่าลุกขึ้นมา “จัดหนัก” กับเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติแล้วจริงๆภายใต้ม่านควันนั้นคือปฏิบัติการกดดันให้กองกำลังกะเหรี่ยงพิทักษ์ชายแดน BGF ระเบิดอาคารของตัวเอง...ต่อเนื่องจากเดือนก่อนกับเหตุการณ์ระเบิดกว่า “ร้อยตึก” ในเคเค ปาร์คสถานการณ์การสู้รบและปัญหาสแกมเมอร์ในพื้นที่ริมแม่น้ำเมย เมืองเมียวดีถูกนำมาพัวพันและต่อรองเพื่อฉกชิงความได้เปรียบท่ามกลางกระแสโลกที่กำลังรุมกระหน่ำขบวนการสแกมเมอร์ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับนานาประเทศทั้งหมดย้ำชัดว่ากองทัพพม่าต้องการโชว์พลังและแทงลึกเข้าไปในพื้นที่ของกองกำลังกะเหรี่ยงทั้ง KNU, BGF และ DKBA จุดหมายสำคัญคือ “ยึดคืนแนวแถบชายแดนติดไทย” ที่ถูกกะเหรี่ยงยึดครองในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา...แต่เบื้องหลังการทำลายล้างกลับเป็นความจริงอันน่าขนลุก...แหล่งสแกม...ไม่ได้หายไปไหน?ข่าวว่า...ก่อนหน้านี้ทั้ง BGF และ DKBA ได้ก่อสร้างเมืองสแกมแห่งใหม่ไว้รองรับในพื้นที่ลึกเข้าไปจากชายแดน มาเฟียจีนระดับบอสออกจากพื้นที่หมดแล้ว...บางส่วนกระจายตัวกันไปแถวเมืองพะอัน มัณฑะเลย์ ย่างกุ้ง อีกจำนวนไม่น้อยข้ามแม่น้ำเมยมายังฝั่งไทย และหลบไปกบดานในเชียงใหม่...เชียงรายอีกทั้งบางส่วนก็ข้ามแม่น้ำโขงไปหาลูกพี่ใหญ่ในอาณาจักรคิงส์โรมันฝั่งประเทศลาวเอาว่าทุกอย่างเพียง “ย้ายที่ตั้ง” ไม่ต่างจากการย้ายบ้านของเครือข่ายมาเฟียจีนระดับบิ๊กที่ขนตัวเองออกไปก่อนล่วงหน้า...น่าสนใจว่าขบวนการเหล่านี้เคลื่อนย้ายได้ง่ายราวกับไร้พรมแดนนั่นเพราะมีเครื่องมือสำคัญคือ “เงินส่วย” หรือไม่...ที่ไหลทะลุทะลวงด่านความมั่นคงไทยแบบไม่สะดุด แม้ตลอดเส้นทางแม่สอด...ตากจะมีถึง 3 ด่านใหญ่ แต่ก็เป็นที่รับรู้กันในพื้นที่ว่าทุกอย่างผ่านได้ถ้าเงินถึงจริงอย่างที่เขาว่ากันใช่หรือเปล่า?...เป็นอีกคำถามสำคัญที่หลายๆฝ่ายที่จับจ้องในเรื่องนี้ต้องการคำตอบ“ส่วย” สแกมเมอร์ กับความ “กลวง” ของรัฐบาลไทย? ภาสกร จำลองราช “สำนักข่าวชายขอบ” เว็บไซต์ www. transbordernews.in.th เปิดประเด็นตั้งคำถามในเรื่องนี้ไว้น่าสนใจใคร่ติดตามภาสกร บอกว่า ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา แก๊งค้ามนุษย์สามารถนำพาเหยื่อมนุษย์นับหมื่นคน จากสุวรรณภูมิขึ้นไปถึงแม่สอด ก่อนข้ามลำน้ำเมยไปยังเมียวดีได้อย่างสะดวกโยธิน รอยต่อระหว่างไทย...พม่ากลายเป็นเพียงพื้นที่เดินข้าม ไม่ใช่พรมแดนประเทศ ยิ่งไปกว่านั้น เงินส่วยจากฝั่งเมียวดีไหลเข้ามาในอ.แม่สอด แบบเป็นระบบ ต่อยอดไปถึงส่วนกลาง ผ่านธุรกิจบังหน้า มูลนิธิ และโรงเรียนสอนภาษาของนักการเมืองพรรคดังที่เปิดทางให้คนจีนเลี่ยงกฎหมายด้วยวีซ่านักเรียน?คำถามใหญ่ที่รัฐบาลไทยไม่เคยตอบคือ...ชาวต่างชาติหลายหมื่นคนผ่าน “รั้วของชาติ” ไปยังพื้นที่สแกมเมอร์ได้อย่างไร? มาเฟียจีนกว่าหมื่นชีวิตข้ามไป...มา เหมือนแม่สอดกับเมียวดีเป็นผืนเดียวกันได้อย่างไร? เพราะคำตอบนั้นเกี่ยวพันกับ “ส่วย” เต็มระบบที่ไม่มีใครกล้าสะกิดหรือเปล่า?ในทางกลับกัน ขณะที่จีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ อินเดีย ส่งคนเข้ามาดูแลพลเมืองตนเองที่ถูกหลอกไปทำงานในแหล่งสแกมอย่างจริงจัง รัฐบาลไทยกลับเลือก “ประวิงเวลา” หรือไม่...อย่างไร?บางหน่วยงานถึงขั้นบอกเหยื่อให้รีบกลับประเทศ ไม่ให้ข้อมูลไปถึงขั้นตอนขยายผลจับผู้กระทำผิด? ...เหยื่อจำนวนมากให้ปากคำละเอียดตั้งแต่ก้าวลงจากสุวรรณภูมิ จนถึงถูกส่งข้ามน้ำไปเมียวดี แต่เอกสารเหล่านั้นถูก “กดทับ” เอาไว้โดยอำนาจบางกลุ่มที่สังคมเดาไม่ยากว่าเป็นใคร?แม้กระทั่งเหยื่อที่ถูก KNU ช่วยออกมาจากค่ายของ DKBA จนต้องนอนตากลมตากฝนริมแม่น้ำเมย เพราะประเทศไทย“ไม่อนุญาตให้ขึ้นฝั่ง” ภาพนี้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก...สะท้อนชัดหรือไม่ว่าไทยยังไม่มีนโยบายมนุษยธรรมที่เป็นรูปธรรมเลยแม้แต่น้อย?ท่ามกลางเหตุการณ์นี้ กระทรวงการต่างประเทศของไทยยังยึดแน่นอยู่กับจุดยืนเดิมคือประสานงานผ่านเนปิดอว์ ทำให้การช่วยเหลือในพื้นที่จริงติดขัด และเป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาในระยะยาว...ในขณะที่พม่ายังเดินเกมรุก รัฐบาลไทยกลับเดินเกมการเมืองภายในนายกรัฐมนตรีประกาศตัวเป็น “หัวหอกปราบสแกมเมอร์” เตรียมเป็นเจ้าภาพประชุมใหญ่ แต่เมื่อดูภาคปฏิบัติจริงกลับพบว่า...รัฐบาลไม่เคยวางแผนจัดการเครือข่ายผู้สมรู้ร่วมคิดในไทยเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามหลายคนในรัฐบาลถูกตั้งคำถามว่ามีความใกล้ชิดกับแก๊งข้ามชาติบางกลุ่มเสียด้วยซ้ำความ “กลวง” ของรัฐไทยกำลังเผยออกมาทีละชั้น? ชวนให้ติดตามจับตาไม่ว่าจะเป็นด้านความมั่นคง ความเชื่อถือ การบังคับใช้กฎหมาย และระบบราชการที่ปฏิเสธความจริงอยู่เรื่อยไปหากวันหนึ่งหลักฐานทั้งหมดที่ “ผู้ร้าย” และ “เหยื่อ” ได้ให้ปากคำไว้กับประเทศต้นทางถูกเผยแพร่สู่สากล...หากเส้นทางเงินส่วยในแม่สอดถูกเปิดโปงอย่างเป็นทางการ...หากภาพความล้มเหลวในการปกป้องชายแดนถูกยืนยันโดยหลายประเทศพร้อมกัน...?กังวลว่า วันนั้นความน่าเชื่อถือของไทยอาจพังทลายไม่ต่างจากตึก 12 ชั้นในชเวโก๊กโก่และอาจถูกตราหน้าว่าเป็น “ผู้สมรู้ร่วมคิดกับขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ” ที่โลกจดจำ.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม