ทหารไทยพลีชีพเพิ่มอีก 3 นาย เจ็บ 58 จากเหตุปะทะหนักหน่วงตลอดวันที่สองของการสู้รบปกป้องอธิปไตยไทยจากกองทัพกัมพูชาบาดเจ็บอีกนับสิบราย หลังมีการเปิดแนวรบเพิ่มที่ จ.ตราด ด้านกองทัพแจงยิบลุยยึดทุกที่หมาย แม้กัมพูชาโต้หนาแน่นด้วย BM21-ปืนใหญ่-โดรนพลีชีพแบบไม่เลือกหน้า หวังยึด “ตาเมือนธม-ภูมะเขือ” ใช้ปืนรถถังยิงกาสิโน “ตาพระยา-บ้านชำราก” ที่ตั้งฐานปืน-คลังอาวุธรวมถึงถล่มจุดรวมพลกองกำลัง BHQ ตายหมู่ 46 ศพ ระบุยึดหนองหญ้าแก้วเบ็ดเสร็จ ทำให้เจออีกทั้งทุ่นระเบิดสังหาร-จรวดอาร์พีจี คาดเตรียมไว้ถล่มทหารฝั่งไทยสถานการณ์การสู้รบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่จากวันแรก เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. มีแนวรบอยู่ใน 5 จังหวัด คือ อุบลราชธานี สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และสระแก้ว ล่าสุดได้ขยายวงเพิ่มอีก 1 จังหวัดคือ ตราด หลังพบทหารกัมพูชาเสริมกำลังและอาวุธมาประชิดชายแดนด้าน ต.ชำราก อ.เมืองตราดตราดตูมสนั่น–เสียงปืนรัวผู้สื่อข่าวรายงานการสู้รบฝั่ง จ.ตราด เปิดฉากตั้งแต่เวลาประมาณ 05.00 น. วันที่ 9 ธ.ค. หลังฝ่ายไทยพบโดรนกัมพูชาบินลาดตระเวนรุกล้ำเข้ามา หลังจากนั้นไม่นานเสียงระเบิดก็ดังอย่างต่อเนื่องตลอดแนวชายแดนตั้งแต่จุดฐานบ้านชำรากไปจนถึงจุดบ้านสามหลัง โดยทัพเรือยิงกระสุนส่องสว่างเปิดทางให้ ฉก.นย.ตราด บุกเข้าพื้นที่ โดยมีเสียงปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง จุดสำคัญที่เป็นแนวปะทะคือ ฐานสังเกตการณ์ของจุดฐานบ้านชำราก ฐานปีกกา และบ้านสามหลัง จนรุ่งสาง ยังมีเสียงปืนดังอยู่เป็นระยะ ทั้งนี้ นายสมชาย ชัยเวช ชาวบ้านและ ชรบ.หมู่ 5 ต.ชำราก เปิดเผยนาทีระทึกว่า ขณะนอนพักผ่อนช่วงตี 5 ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น 1 ครั้ง ตามด้วยเสียงรัวอีก 2-3 ครั้ง และต่อเนื่องรวมกว่า 10 นัด ถือว่ามีความถี่และรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาฉก.นย.ถล่มเสาแอนตี้โดรนราบด้าน หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด เปิดเผยสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หลังช่วงเช้ามืดที่ผ่านมากำลังพลของ ฉก.นย.ตราด ได้เข้าปฏิบัติการทวงคืนพื้นที่บ้านสามหลัง ขณะที่ทางฝั่งทหารไทยไม่สามารถนำโดรนขึ้นตอบโต้ได้ เนื่องจากถูกอุปกรณ์รบกวนสัญญาณ หรือระบบแอนตี้โดรน (Jammer) จากฝั่งกัมพูชา หลังหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ (นสร.) เข้าตรวจสอบ ก่อนจะพบเสาส่งสัญญาณรบกวนจำนวน 2 ต้น ตั้งอยู่บนดาดฟ้าบ่อนกาสิโน 1 ต้น และพื้นที่ตรงข้ามบ้านชำรากอีก 1 ต้น หน่วยปฏิบัติได้ใช้โดรนกามิกาเซ่เข้าทำลายเสาสัญญาณทั้งสองต้นจนสามารถหยุดการรบกวนสัญญาณได้สำเร็จ ขณะนี้ ฉก.นย.ตราด ยังคงระดมกำลังยิงปืนใหญ่ขนาด 105 และ 155 มม. เข้าพื้นที่ทมอดาเพื่อเคลียร์พื้นที่อย่างต่อเนื่องทร.ชี้กัมพูชารุกล้ำไทยชัดเจนต่อมาเวลา 06.00 น. พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ กล่าวชี้แจงว่า สถานการณ์บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณบ้านหนองรี ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด ปรากฏชัดเจนจากภาพถ่ายทางอากาศล่าสุดว่า มีกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ในเขตอธิปไตยของไทยอีกภายหลังที่บ้าน 3 หลัง ซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างถาวรและฐานที่มั่นของฝ่ายทหารกัมพูชาได้ถูกรื้อทำลาย รวมทั้งทหารกัมพูชาได้ถอนกำลังไปแล้ว อย่างไรก็ตาม กองกำลังทหารกัมพูชาได้ย้อนกลับมารุกล้ำอธิปไตยอีก มีการเพิ่มเติมกำลังในพื้นที่ กรณีนี้ฝ่ายไทยได้ดำเนินการตามขั้นตอนตามหลักสากลจากเบาไปหาหนัก เพื่อให้กัมพูชาถอนกำลังออกจากพื้นที่ของฝ่ายไทยโดยเร็ว แม้ฝ่ายไทยจะใช้ความอดกลั้นและดำเนินการเจรจามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากกำลังทหารกัมพูชาจะไม่ถอนกำลังออกจากดินแดนของไทยแล้ว ยังมีการเสริมกำลังเพิ่มเติม เช่น ชุดรบพิเศษ พลซุ่มยิง จรวดหลายลำกล้อง รวมถึงปรับปรุงฐานที่มั่นสิ่งอำนวยความสะดวกทางยุทธวิธีในลักษณะที่กระทบต่ออธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน เช่น การขุดคูเลต การติดตั้งอาวุธหนัก และการใช้อากาศยานไร้คนขับเข้ามาลาดตระเวนในพื้นที่และที่ตั้งทางทหารของฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง ทางกองทัพเรือพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นท่าทีที่แสดงถึงการคุกคามต่ออธิปไตยของไทยอย่างชัดเจนยังยึดบ้าน 3 หลัง ไม่เบ็ดเสร็จเวลาประมาณ 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีเสียงปืนใหญ่จากฝ่ายไทยดังขึ้น 1 นัด ก่อนที่เสียงจะเงียบหายไป และยังไม่มีเสียงปืนดังขึ้นอีกเลย โดยสถานการณ์ ณ เวลาดังกล่าว มีการยืนยันว่า นาวิกโยธินยังไม่สามารถยึดบ้าน 3 หลังได้เต็มร้อย ซึ่งช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. มีเสียงปืนใหญ่ดังจากกัมพูชา ดังขึ้นประมาณ 3 ครั้งติดต่อกัน ช่วงเวลาประมาณ 16.07 น.เสียงปืนใหญ่กลับมาดังอีกครั้ง และดังต่อเนื่องกันหลายนัด ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้น ทราบว่าเป็นการทำลายคลังน้ำมัน ซึ่งอยู่ใกล้บริเวณบ้าน 3 หลัง โดย นย.ระดมยิงปืนใหญ่ไปยังบริเวณจุดดังกล่าว จนมีควันสีดำลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าจำนวนมากหลายพื้นที่ปะทะเดือดก่อนรุ่งสาง ส่วนสถานการณ์จากการสู้รบในหลายจังหวัดอีสานใต้ พื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 วันที่สอง มีรายงานการปะทะของทหารไทยกับกัมพูชาในหลายพื้นที่แต่ก่อนฟ้าสาง เวลา 04.50 น.โดยทั้งหมดอยู่ในดินแดนไทย ได้แก่ พระวิหาร (จ.สุรินทร์) ภูมะเขือ เนิน 600 บ้านภูมิซรอล ม.12 ซำแต ภูผี ช่องตาเฒ่า (จ.ศรีสะเกษ) ช่องอานม้า ช่องบก (อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี) ปราสาทตาควาย (อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์) ส่วนใหญ่จะถูกฝ่ายกัมพูชายิงจรวด BM-21 และอาวุธ ค. และการสู้รบเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 06.00-06.50 น. โดยเฉพาะที่ใต้ปราสาทตาควาย มีการปะทะหนาแน่น กระทั่งช่วง 07.00-09.21 น.มีการพบโดรนทิ้งระเบิด ก่อนที่พื้นที่บ่อดิน ถูกโจมตีด้วยโดรนพลีชีพ 1 นัด พื้นที่หน้าพระวิหาร-ต้นไทร-ประตูเหล็ก ปะทะหนัก กำลังพลไทยบาดเจ็บ 2 นาย ต่อมาพบผู้บาดเจ็บเพิ่มเติม 3 นาย จากอาวุธปืนใหญ่และ ปืน ค.และฝ่ายกัมพูชายิงจากเนิน 500 มุ่งเนิน 527 ต่อมามีรายงานพื้นที่หาญศึก กำลังพลไทยถูกยิง 1 นาย (จ.ส.อ.นาวิน) และไทยสามารถยึดปราสาทคนา ได้แล้ว 2 เป้าหมาย คงเหลือเป้าหมายที่ 3 และ 4เขมรถล่มช่องอานม้าไทยตาย 1ทั้งนี้ ที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังมีการปะทะต่อเนื่องเป็นวันที่สอง มีเสียงปืนใหญ่ทั้งจากฝั่งกัมพูชา และฝั่งไทยสลับกันเป็นระยะ โดยมีรายงานว่า ทหารกัมพูชายิงจรวด BM-21 เข้ามายังฝั่งไทยถึง 4 ชุด โดยเวลา 11.30 น. ยิงมาสองชุดบริเวณเนิน 677 เวลา 13.49 น. อีก 1 ชุด เวลา 14.43 น. ยิงเข้ามาในพื้นที่ช่องอานม้าอีก 1 ชุด ซึ่งต่อมามีรายงานว่ากำลังพลได้รับบาดเจ็บสาหัสหมดสติ เพราะถูกสะเก็ด ปรส. บริเวณแผ่นหลัง จ.ส.ท.จิระวัฒน์ มุ่งกลาง สังกัด ช.พัน.1 รอ.ประจำการที่ฐานฯแดนไกล ช่องอานม้า แพทย์เสนารักษ์พยายามยื้อชีวิตแต่ จ.ส.ท.จิระวัฒน์ เสียเลือดมาก เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาลBM-21 ตก อ.กันทรลักษ์อื้อส่วนสถานการณ์การสู้รบด้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วันที่สอง ที่มีการปะทะกันดุเดือดไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าที่ช่องอานม้า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 05.30 น. ทหารกัมพูชาระดมยิงกระสุนปืนใหญ่ BM-21 เข้ามาตกในพื้นที่ ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จำนวนหลายลูก ทางทหารไทยจึงยิงตอบโต้ตามยุทธวิธี ต่อมาจากการตรวจสอบกับฝ่ายปกครอง และผู้นำชุมชน พบลูกกระสุนปืนใหญ่ BM-21 จำนวน 27 นัด ตกในพื้นที่ ต.เสาธงชัย เบื้องต้น ชรบ. อยู่ในหลุมหลบภัย ที่แข็งแรง ปลอดภัย ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บพลีชีพอีก 1 สมรภูมิตาควายขณะที่เกิดการปะทะเดือดที่พื้นที่ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค. จนถึงเช้าวันที่ 9 ธ.ค. หน่วย พัน.ร.27 (ร.31 พัน.3 รอ.) ฉก.2 รายงาน กำลังพลได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการปะทะ ดังนี้ เสียชีวิต 1 ราย ได้แก่ 1.พลฯวายุ ขวัญเสือ พัน.ร.27 ร้อย.ร.3 (ร.31 พัน.3 รอ.) โดนสะเก็ดระเบิดแขนขวาขาด และขาขวารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพนมดงรัก ก่อนทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในช่วงเช้าที่ผ่านมา 2.ส.ต.ณัฐวุฒิ สังฆมณี พัน.ร.27 ร้อย.ร.สสก.(ร.31 พัน.3 รอ.) บาดเจ็บ โดนแรงระเบิด แน่นหน้าอก รักษาตัวอยู่ที่ รพ.พนมดงรัก ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าในช่วงบ่าย ชาวบ้านใน อ.พนมดังรัก ได้ยินเสียงจรวด BM-21 จำนวนหลายลูก ยิงเข้าลงที่บริเวณปราสาทตาควายด้วยเขมรยิงจรวดตกข้างศูนย์เด็กเล็กนอกจากนี้ มีรายงานว่าทหารกัมพูชายิงจรวด BM-21 จำนวน 2 ลูก เข้ามาใส่บ้านเรือนประชาชนในหมู่บ้านสกล ต.ตะเคียน อ.กาบเชิง ทำให้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 2 หลัง และอีกจุด ตกบริเวณข้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.ตะเคียนฯ โดยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใดไทยตอบโต้ถล่มคลังแสงเขมรกระทั่งช่วงบ่ายผู้สื่อข่าวรายงานว่ายังเกิดเสียงยิงปะทะกันที่บริเวณชายแดนช่องจอม ใกล้กับบ่อนกาสิโน ชุมชนโอรเสม็ด อ.กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย เป็นระยะสลับเสียงปืนใหญ่จากพื้นที่ชายแดนช่องระยี บ.สกล ต.ตะเคียน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ที่มีการยิงปะทะกันอย่างหนักหน่วง โดยพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ที่เขมรปลูกสวนมะม่วงรุกล้ำเข้ามาในดินแดนไทยกว่าครึ่งกิโลเมตร พบว่าทหารกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ทหารไทยตลอดแนวชายแดน ทั้งที่ปราสาทคนา ต.แนงมุด อ.กาบเชิง,ปราสาทตาควาย ช่องกร่าง และปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก แต่ทหารไทยยิงทำลายรถยิงจรวด BM-21 และคลังอาวุธของทหารกัมพูชาที่ตั้งอยู่กลางชุมชน อ.กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย ตรงข้ามชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง พังเสียหายF-16 ทิ้งบอมบ์ถล่มคลัง BM–21ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 2 เผยแพร่ภาพ เครื่องบินรบ F-16 ของกองทัพอากาศไทย เปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ทิ้งระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์แบบ GBU-12 Paveway II ต่อเป้าหมายคลังเก็บจรวด BM-21 และอาวุธหนักของกองทัพกัมพูชา จนเกิดการระเบิดดังต่อเนื่องอย่างรุนแรง กลางกรุงสำโรง จังหวัดอุดรมีชัยด้วยระเบิดเขมรตกใส่บ้านพังส่วน จ.สระแก้ว นายสุนทร มูเนาวาเราะ นายอำเภอตาพระยา พร้อมด้วยนายสืบพงษ์ คำสุขสวัสดิ์ กำนันตำบลทัพเสด็จ ลงพื้นที่บ้านโคกทหาร ม.5 ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา หลังทราบว่ามีลูกปืนใหญ่ตกมาในบ้านราษฎรได้รับความเสียหาย 2 หลังคาเรือน ได้แก่ บ้านของนายโสภี กันเข็ม บ้านเลขที่ 20 ม.5 ต.ทัพเสด็จ พังทั้งหลัง และบ้านของนายวิชา ฉ่ำดำ บ้านเลขที่ 170 ม.5 ต.ทัพเสด็จ ถูกสะเก็ดระเบิดเสียหายเล็กน้อย ซึ่งต่อมากองกำลังบูรพารายงานต่อกองทัพบกถึงเหตุดังกล่าว แม้ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายและสร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณชายแดนอย่างหนัก การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย กระทบต่อความมั่นคง และขัดต่อหลักมนุษยธรรมอย่างชัดเจน ซึ่งผลจากการปะทะในครั้งนี้ ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ อ.ตาพระยา ทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย เร่งขนย้ายทรัพย์สินขึ้นรถไปอาศัยที่พักพิงชั่วคราวในพื้นที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี กันจ้าละหวั่น และต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องการให้การสู้รบครั้งนี้จบโดยเร็วไทยยิงจรวด SR–4 โต้กลับเขมรต่อมามีรายงานเข้ามาในช่วงเย็นว่า ทหารไทย เปิดฉากตอบโต้กลับกองทัพกัมพูชาด้วยการระดมยิง จรวดหลายลำกล้องแบบ SR-4 ขนาด 122 mm. 40 ท่อยิงเข้าโจมตีต่อเป้าหมายทางทหารของกัมพูชาอย่างหนัก โดยไม่มีการบอกพิกัดใดๆ หลังจากที่ตลอดวันที่ 9 ธ.ค. กัมพูชายิงจรวด BM-21 ปืนใหญ่ ปืน ค. โดรน ทิ้งระเบิด ใส่ทหารฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง และทำให้ทหารเสียชีวิตเพิ่มอีก 3 นาย และทหาร รวมถึง ตชด. บาดเจ็บรวมนับสิบนายกระสุนตกกลางถนนบ้านโนนหมากมุ่นขณะที่บรรยากาศที่บ้านโนนหมากมุ่น บ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เต็มไปด้วยความตึงเครียด หลังกล้องวงจรปิดบันทึกภาพวินาทีที่เสียงปืนดังสนั่น ใกล้จุดชุมชนอย่างชัดเจน เสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง ตกใจสุดขีด จนเกิดความโกลาหลและเสียงตะโกนเตือนกันให้รีบเข้าไปในบังเกอร์ นอกจากนี้ ยังพบหลุมขนาดใหญ่บริเวณเส้นทางบ้านโนนหมากมุ่น-อ่างศิลา อ.โคกสูง ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนที่ประชาชนจำนวนมากใช้สัญจร คาดว่าหลุมขนาดใหญ่นั้นมีผลมาจากรูปกระสุนปืนจากฝั่งกัมพูชาตกใส่ ลักษณะเป็นวงกว้างและลึก ทำให้หลายครอบครัวต้องอพยพออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย และอยู่ในภาวะเฝ้าระวังขั้นสูงสุดเจอทุ่นระเบิดใหม่อีก 2 ทุ่นนอกจากนี้ หลังจากที่ฝ่ายไทยสามารถเข้าควบคุมพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาเมื่อเวลา 07.45 น. วันที่ 9 ธ.ค.หน่วยชุดปฏิบัติการพื้นที่หนองหญ้าแก้ว (ร้อย.ช.ช.พัน.2) ได้เข้าดำเนินการพิสูจน์ทราบพื้นที่อย่างละเอียดภายหลังการปะทะและการเคลื่อนกำลังของทั้งสองฝ่าย ระหว่างการตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบ ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 2 ทุ่น อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ได้เร่งดำเนินการเก็บกู้และทำลายอันตรายดังกล่าวทันที ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยยืนยันว่า การตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในจุดดังกล่าว เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชามีการเตรียมการใช้ทุ่นระเบิดเพื่อสกัดกั้นการเคลื่อนที่ของทหารไทยในพื้นที่ชายแดน ถือเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงและละเมิดหลักมนุษยธรรมสากลอย่างชัดเจน กองกำลังไทยยังคงปฏิบัติการตรวจสอบและกวาดล้างพื้นที่ต่อเนื่อง เพื่อป้องกันผลกระทบต่อชุมชนและลดความเสี่ยงจากทุ่นระเบิดแฝงที่อาจยังคงหลงเหลืออยู่ทบ.ย้ำกัมพูชาเป็นภัยความมั่นคงจากนั้นตลอดวัน กองทัพบกออกมาแถลงถึงสถานการณ์การปะทะในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยทีมโฆษกของเหล่าทัพ อาทิ พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม และ พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ร่วมกันแถลงข่าว โดย พ.อ.ริชฌาแถลงว่า ตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา การปะทะครอบคลุมขยายวง ครอบคลุมในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และ จ.สระแก้ว ซึ่งกัมพูชาใช้อาวุธทุกประเภทเข้าโจมตี ทั้งอาวุธกล อาวุธยิงสนับสนุน ปืนใหญ่จรวดหลายลำกล้อง โดรนทิ้งระเบิด กองทัพบกใช้แผนเผชิญเหตุ มีความมุ่งหมายป้องกันตัวเอง ควบคู่การผลักดันพื้นที่ที่เราถูกรุกล้ำอธิปไตย และที่สำคัญเราต้องทำลายศักยภาพการโจมตีของทหารกัมพูชา เพื่อไม่ให้สามารถกลับมาเป็นภัยคุกคามต่อประเทศไทยได้อีกสนามทุ่นระเบิดอุปสรรคใหญ่พ.อ.ริชฌากล่าวว่า ผลการปฏิบัติที่สำคัญที่ผ่านมา ในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 วันนี้ได้ทำลายตึกกาสิโนร้าง ซึ่งเป็นเครือข่ายสแกมเมอร์ ที่เราพบว่าใช้เป็นที่ตั้งทางทหาร จุดปล่อยโดรน รวมถึงอาวุธสนับสนุนต่างๆ ในพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี รวมถึงได้ตัดกำลังทำลายเสาสัญญาณแอนตี้โดรน ในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนพื้นที่กวาดล้างที่ถูกรุกล้ำ ช่องระยี ที่อยู่ทางทิศตะวันออกของช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ อยู่ระหว่างปฏิบัติการ รวมถึงเราได้ผลักดันทหารกัมพูชา ที่ปราสาทคนา อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ โดยปัจจุบันยังไม่สามารถเข้าควบคุมพื้นที่ได้อย่างเบ็ดเสร็จ เนื่องจากพบว่าฝ่ายกัมพูชาใช้สนามทุ่นระเบิดจำนวนมากในบริเวณดังกล่าว ส่วนพื้นที่ปราสาทตาควาย ได้ทำลายกระเช้าที่ใช้ในการส่งเสบียง บริเวณเนิน 350 เป็นที่สำเร็จยึดหนองหญ้าแก้วได้เรียบร้อยพ.อ.ริชฌากล่าวว่า ส่วนพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. เราได้เปิดปฏิบัติการผลักดัน เพื่อควบคุมแนวเส้นปฏิบัติการใน 3 พื้นที่ ทั้งบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง และบ้านคลองแผง อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว สามารถทำลายที่มั่นดัดแปลงของฝ่ายกัมพูชาได้บางส่วน และที่น่ายินดีคือเมื่อ 17.00 น. วันที่ 8 ธ.ค. สามารถยึดและควบคุมพื้นที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้วได้เรียบร้อยแล้ว และมีรายงานช่วงกวาดล้างยังเจอทุ่นสังหารบุคคลเพิ่มด้วยหยุดปักหมุดชั่วคราวจนกว่าสงบด้าน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าในที่ประชุมนายกฯ กำชับให้ทุกคนเพิ่มความระมัดระวัง และสั่งการให้กระทรวงมหาดไทยเตรียมการเรื่องงบประมาณที่จะใช้ดูแลประชาขน ส่วนปักหมุดชั่วคราวที่บ้านหนองจาน และหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว หยุดไว้ก่อนจนกว่าเหตุการณ์จบ ค่อยว่ากันใหม่“สีหศักดิ์” แจงเวทีโลกไทยไม่ได้ยิงก่อนส่วนนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศให้สัมภาษณ์ ที่รัฐสภา ว่าเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ได้ชี้แจงกับคณะทูตานุทูต สื่อมวลชนไทยและต่างประเทศเพื่อชี้ให้เห็นว่าเหตุการณ์นี้ ไทยไม่ได้เป็นผู้ก่อ และมีความจำเป็นต้องปกป้องอธิปไตยไทย ทำทุกทางที่จะยุติภัยคุกคามจากกัมพูชา และพยายามให้เห็นว่าวิธีการของกัมพูชาตลอดมาคือปฏิเสธ เบี่ยงเบน พยายามสร้างเรื่องราวต่างๆ ขึ้นมาโดยไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งคิดว่าประชาคม โลกคงเห็นแล้วว่าวิธีการของกัมพูชา โดยเฉพาะที่ตนไปประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ที่เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เกี่ยวกับการห้ามใช้ทุ่นระเบิด ประเทศไทยนำหลักฐานไปแสดงรวมถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่มีทหารไทยทั้งเสียชีวิตและบาดเจ็บ เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ ไม่ใช่หลักฐานของไทยเพียงฝ่ายเดียว มีการยืนยันจากคณะผู้สังเกตการณ์จากกลุ่มอาเซียนด้วย เมื่อเรานำคลิปไปแสดง กัมพูชาคงเดือดร้อน เพราะสิ่งที่ฝ่ายไทยพูดมีหลักฐานชัดเจนรอเขมรพร้อมถึงจะเจรจานายสีหศักดิ์กล่าวอีกว่า เมื่อได้สื่อสารให้ประชาคมโลกรับทราบแล้ว อีกส่วนหนึ่งฝ่ายไทยต้องทำหนังสือออกไป เชื่อว่าต่างชาติน่าจะเข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไทยไม่ได้เป็นฝ่ายก่อ แต่ถึงอย่างไรต่างชาติคงอยากให้ไทยกับกัมพูชาพูดคุยกัน แต่สำหรับประเทศไทยประตูเจรจายังไม่พร้อม เพราะไทยไม่ได้เป็นผู้เริ่มต้น กัมพูชาจะต้องเป็นฝ่ายรู้สึกว่าอยากเป็นฝ่ายเจรจา ส่วนที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรียกร้องให้สองประเทศเจรจาให้ชัดเจน ปัญหาคือจะเจรจาเรื่องอะไร ถ้ากัมพูชายังไม่พร้อมที่จะเจรจา จะกลับไปสู่เรื่องเดิมอีก คือตกลงกันแล้ว ไม่ปฏิบัติตามที่ตกลง ดังนั้นขอให้ฝ่ายกัมพูชาพร้อมจริงๆ ขณะนี้เราก็ต้องดำเนินการทางการทหารไปก่อนจนถึงจุดที่เขาพร้อมจริงๆ“อนุทิน” เสียงเครือทหารไทยสละชีวิตผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังประชุม ครม.นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีทหารเสียชีวิตจากการปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เราต้องดูแลเพราะถือว่าเป็นวีรชน วีรบุรุษที่ปกป้องประเทศ เอาชีวิตเข้าปกป้อง ประเทศ ต้องยกย่องสรรเสริญ ดูแลครอบครัวของเขาให้ดีที่สุด และย้ำว่าจะดูแลคนไทยอย่างเต็มที่ และปกป้องอธิปไตยของไทยอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทินนิ่งไปสักพัก แล้วพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า การสูญเสียทหาร สูญเสียคนไทย ในช่วงที่พวกเขาต้องทำหน้าที่ปกป้องประเทศ ถือเป็นต้นทุน ที่ต้องมีการชดใช้ และรับผิดชอบโพสต์ธงชาติไทยสดุดี 3 ทหารกล้าจากนั้น เวลา 15.58 น. นายอนุทินโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงทหารที่เสียชีวิตจากการทําหน้าที่ปกป้องอธิปไตยไทยทั้ง 3 นาย ว่า “ขอกราบคารวะวีรบุรุษผู้กล้าทั้งสามท่าน ที่สละชีวิตเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติไทย ผมขอส่งกำลังใจให้แก่ครอบครัวของท่านและให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้การดูแลสมาชิกในครอบครัวทุกคนอย่างดีที่สุดและการเสียสละของท่านจะไม่เป็นสิ่งที่สูญเปล่าอย่างแน่นอน” พร้อมภาพธงชาติไทย ที่มีข้อความว่า “เกิดมาได้เป็นไทย ใช่ทาสเขา ชีพคนเราต้องแตกดับอย่างมั่นแม่นหากต้องตาย ตายอย่างไรไม่เหมือนแม้น ตายเพื่อแผ่นพสุธามาตุภูมิ”ส่งร่าง “จ่าเพียว” กลับบ้านเกิดช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่พุทธสถานมณฑลทหารบกที่ 22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี มีการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล จ.ส.อ.ศตวรรษ สุจริต ทหารสังกัดกองร้อยทหารม้าลาดตระเวนที่ 6 ซึ่งได้เสียชีวิตจากเครื่องยิงลูกระเบิดที่ทหารฝ่ายกัมพูชายิงถล่มฐานปฏิบัติการอนุพงศ์ ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. วันที่ 8 ธันวาคม ทำให้ จ.ส.อ.ศตวรรษได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งในเหตุการณ์เดียวกันยังมีเพื่อนทหารได้รับบาดเจ็บอีก 3 คน โดยหลังการประกอบพิธีก็ได้ส่งศพกลับไปให้ญาติพี่น้องที่รอรับอยู่ที่บ้านที่อำเภอหนองพอก จ.ร้อยเอ็ด บำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไปจัดกองเกียรติยศรับศพทหารกล้าจากนั้นเวลา 16.00 น. พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาค 2 นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมพิธีรับศพ จ.ส.อ.ศตวรรษ สุจริต ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะปฏิบัติหน้าที่ โดยมีนายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานในพิธี พร้อมครอบครัวญาติของผู้วายชนม์ มีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และพิธีวางพวงมาลาพระราชทานจากพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ วางที่หน้าหีบศพ ในการนี้ มทบ.27 ได้จัดกองทหารเกียรติยศรับศพ จ.ส.อ.ศตวรรษ สุจริต อย่างสมเกียรติ รวมถึงจัดกองทหารเกียรติยศ และยามเกียรติยศเฝ้าศพ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้วายชนม์และครอบครัว พร้อมสนับสนุนกำลังพล ในการจัดพิธีบำเพ็ญกุศล พร้อมเตรียมการในพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ ณ วัดพรหม พิทักษ์วนาราม ต.หนองพอก อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ดผบ.ตร.เยี่ยมให้กำลังใจ ตชด.เจ็บขณะเดียวกัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ตชด.22 ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดขณะปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา จากเหตุปะทะบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านหน้าปราสาทพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ แล้วถูกส่งตัวมารับการรักษาตัวที่ รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จำนวน 3 ราย ประกอบด้วยว่าที่ ร.ต.ต.ศุภชัย เนียมเที่ยง รอง สวป.กก.ตชด.22 จ.ส.ต.รุจธร ดานนธิสรน์ และ จ.ส.ต.พลางกูร หมอกเจริญ โดย ผบ.ตร.ได้พูดคุยสอบถามอาการและให้ขวัญกำลังใจ ก่อนมอบกระเช้าและเงินช่วยเหลือเบื้องต้น นอกจากนี้ยังเยี่ยมสอบถามอาการเจ้าหน้าที่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะ นอนพักรักษาตัวอยู่ด้วยกันพร้อมฝากเงินช่วยเหลืออีกกว่า 20 นายทหารสละชีพแล้ว 4 นาย เจ็บ 58ต่อมาในช่วงเย็นถึงค่ำ กองทัพบกได้สรุปยอดกำลังพลเสียชีวิตและบาดเจ็บ จากเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทย และทหารกัมพูชา ที่บริเวณชายแดน ตั้งแต่วันที่ 8-9 ธ.ค.2568 โดยผู้เสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บ 58 นาย โดยวันที่ 8 ธ.ค. เสียชีวิต 1 นาย ได้แก่ 1. จ.ส.อ.ศตวรรษ สุจริต สังกัด กองร้อยทหารม้าลาดตระเวนที่ 6 โดนสะเก็ดระเบิด พื้นที่ฐานป้องไพร ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี วันที่ 9 ธ.ค. เสียชีวิต 3 นาย ได้แก่ 1.พลทหาร วายุ ขวัญเสือ สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ โดนสะเก็ดระเบิดอาวุธวิถีโค้งที่แขนขวา และขาขวา พื้นที่ฐานปฏิบัติการ 225 จ.สุรินทร์ ส่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพนมดงรัก ก่อนทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในช่วงเช้าที่ผ่านมา 2.ส.อ.ชวกร เดชขุนทด สังกัดกองพันทหารม้าที่ 11 กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ ได้รับบาดเจ็บจากเครื่องยิงลูกระเบิด พื้นที่พระวิหาร และ 3.จ่าสิบโท จิระวัฒน์ มุ่งกลาง สังกัด กองพันทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ (ช.พัน.1 รอ.) เสียชีวิตจากการถูกทหารกัมพูชายิงด้วยปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง (ปรส.) จากบริเวณเนิน 677 ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานีทำลายที่มั่น กพช.ฝั่งตราดกว่า 80%จากนั้นช่วงเย็น พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยความคืบหน้าปฏิบัติการทางทหาร พื้นที่ชายแดน บ.หนองรี ต.ชำราก อ.เมือง ตราด บริเวณบ้าน 3 หลัง ว่าจากการประเมินความเสียหายฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่ พบว่าฐานที่มั่นกว่าร้อยละ 80 ซึ่งเป็นอาคารหลักโดยแทบทั้งหมดถูกทำลายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงตัวบังเกอร์ที่คาดว่าจะใช้ในการเก็บยุทโธปกรณ์และอมภัณฑ์ต่างๆ ถูกทำลายไปแล้วด้วยเช่นกัน ส่วนพื้นที่บ้านท่าเส้น ต.แหลมกลัด อ.เมืองตราด ที่ตั้งอาคารกาสิโนของฝ่ายกัมพูชาที่ล้ำเขตแดนไทย ด้านบนของอาคาร ฝ่ายไทยทำลายสายอากาศก่อกวนโดรนเป็นที่เรียบร้อยด้วยอากาศยานไร้คนขับโจมตีตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งอาคารหลังดังกล่าวได้ชื่อว่าเป็นกาสิโน และจากการข่าวพบว่าเป็นแหล่งกบดานของสแกมเมอร์อยู่ด้วยทภ.1 พบวัตถุระเบิดเพียบสำหรับพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 รับผิดชอบโดยกองกำลังบูรพา ประกอบไปด้วย 2 พื้นที่ ได้แก่ บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ที่เข้าเคลียร์พื้นที่ ได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN2 จำนวน 2 ทุ่น พร้อมใช้งาน นอกจากนั้นยังพบระเบิดแสวงเครื่องอีก 2 ชุด ชุดที่หนึ่งประกอบจากกระสุนอาร์พีจี 3 นัด และ ค.60 จำนวน 1 นัด ชุดที่ 2 ประกอบไปด้วยกระสุน ปรส.แบบ 82 และระเบิดไดนาไมต์ ซึ่งได้ ทำการเก็บกู้เรียบร้อยแล้วทำลายกาสิโนเขมรฝั่งตาพระยาโฆษก ทบ.กล่าวว่า พื้นที่ 2 บริเวณบ้านคลองแผง อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว หน่วยเฉพาะกิจ 11 ได้ใช้ปืนใหญ่ รถถังยิงทำลายกาสิโนทมอดาซิตี้ของกัมพูชา ซึ่งตั้งอยู่ติดแนวชายแดน โดยสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่ตั้งของอาวุธยิงสนับสนุน และป้อมปืนกล รวมถึงเป็นคลังอาวุธของทหารกัมพูชา เพื่อที่จะใช้โจมตีฝ่ายไทยบริเวณจุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา โดยปัจจุบันกองกำลังบูรพากำลังปฏิบัติการโจมตีต่อเป้าหมาย โจมตีของฝ่ายกัมพูชาที่ยังเข้าขัดขวางด้วยจรวด BM-21 ตามปืนใหญ่ ปืน ค.อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน พบบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย โดยพบร่องรอยลูกจรวด BM-21 พื้นที่โศกขามป้อม ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ บ้านเรือนได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนั้น ยังพบกระสุนปืนใหญ่ตกใส่บ้านเรือนประชาชน ที่บ้านโคกทหาร หมู่ 5 ต.ทับเสด็จ อ.ตาพระยา โดยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ส่วนของบ้านหนองจานและหนองหญ้าแก้วยังมีการใช้อาวุธใน 2 พื้นที่อย่างต่อเนื่องเพจทหารโชว์ภาพถล่ม บก.BHQ ดับ 46ขณะที่ เพจ Army Military Force โพสต์ภาพซากอาคารกองบัญชาการกองพันสนับสนุนที่ 9 สังกัดกองบัญชาการกองพลที่ 3 ของกัมพูชาที่ถูกทหารไทยยิงปืนใหญ่เข้าใส่ พร้อมระบุข้อความว่า “ด่วน!!!! 9 ธ.ค.-ทหารไทยได้ใช้ปืนใหญ่ระดมยิงเข้าใส่กองบัญชาการกองพันสนับสนุนที่ 9 สังกัดกองบัญชาการกองพลที่ 3 ของกัมพูชา ซึ่งเป็นจุดรวมพลของกองกำลัง BHQ ล่าสุดมีข้อมูลจากทหารกัมพูชาเองที่ถูกเผยแพร่ในกลุ่มเทเลแกรม (Telegram) ของทหารกัมพูชา ระบุว่า มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตแล้ว 46 ราย มีนายพลเสียชีวิต 2 นาย ก่อนที่ภาพและข้อมูลดังกล่าวจะถูกลบออกไปในเวลาเพียง 5 นาทีต่อมา”ศธ.สั่งปิดโรงเรียนเพิ่มขณะเดียวกัน มีรายงานเพิ่มเติมถึงการปิดสถานศึกษาในพื้นที่เสี่ยงการปะทะ โดย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญ สินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีสถานศึกษาที่สั่งปิดเรียนชั่วคราวแล้วทั้งสิ้น 990 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สระแก้ว อุบลราชธานี และตราด ขณะเดียวกันได้สั่งการให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ในจังหวัดต่างๆ เปิดโรงเรียนเป็นศูนย์พักพิงให้แก่บุคลากรทางการศึกษา รวมถึงเด็กนักเรียนและประชาชน ในพื้นที่แล้วรวม 22 แห่ง สามารถรองรับประชาชนได้สูงสุด 14,280 คน ทุกศูนย์มีการเตรียมพร้อมเครื่องนอน อาหาร น้ำดื่ม ระบบไฟฟ้า ห้องสุขา และ พื้นที่ดูแลเด็กเล็กอย่างเต็มที่ และให้หน่วยงานในพื้นที่บูรณาการร่วมกับฝ่ายความมั่นคง อปท. และภาคีเครือข่ายในทุกระดับ เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพนักเรียนและครูอย่างใกล้ชิดเลื่อนสอบ ทปอ. 7 จว.ชายแดนขณะที่ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศเลื่อนการสอบ TCAS ในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา 7 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ตราด สระแก้ว และจันทบุรี เนื่องจากประเมินสถานการณ์แล้วอาจมีความรุนแรงยิ่งขึ้นและมีระดับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ โรงเรียนในฐานะสนามสอบที่บางแห่งถูกปิด หรือถูกจัดเตรียมเป็นศูนย์อพยพ หากการเดินหน้าจัดสอบอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อชีวิตและสวัสดิภาพของผู้เข้าสอบกว่า 26,980 คน ทปอ.จึงมีมติให้เลื่อนการสอบ TGAT/TPAT2-5 ในสนามสอบทุกแห่งที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงทั้ง 7 จังหวัด จากเดิมสอบวันที่ 13-15 ธ.ค.2568 เป็นวันที่ 17-19 ม.ค.2569ปิด 8 รพ. 167 รพ.สต.ส่วนกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา โฆษก สธ.แถลงผลการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มี นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัด สธ.เป็นประธาน ว่าสถานพยาบาลในพื้นที่ชายแดนจำนวน 19 แห่ง ต้องปิดบริการ 8 แห่ง ได้แก่ จ.อุบลราชธานี 3 แห่ง ได้แก่ รพ.น้ำยืน รพ.น้ำขุ่น รพ.นาจะหลวย จ.ศรีสะเกษ ปิด 2 แห่ง ได้แก่ รพ.กันทรลักษ์ และ รพ.ภูสิงห์ จ.สุรินทร์ ปิด 2 แห่ง ได้แก่ รพ.กาบเชิง และ รพ.พนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.สระแก้ว ปิด 1 แห่ง คือ รพ.ตาพระยา ส่วนอีก 11 แห่ง ปิดบริการบางส่วน สำหรับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในพื้นที่เสี่ยง 174 แห่ง ปิดบริการ 167 แห่ง อีก 7 แห่งปิดบริการบางส่วน ได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 534 ราย ไปยัง รพ.ในพื้นที่ปลอดภัย หากสถานการณ์รุนแรงได้เตรียมพร้อม รพ.รับส่งต่อ มีเตียงผู้ป่วยวิกฤติ (ICU) 368 เตียง และเตียงผู้ป่วยทั่วไป 4,323 เตียงอพยพเข้าศูนย์ฯ 1.47 แสนคนสำหรับศูนย์พักพิงมี 619 แห่ง มีประชาชนเข้าพักรวม 147,000 คน มีกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ผู้พิการ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยฟอกไต หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังรวม 20,920 คน สธ.ได้จัดเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 2,500 คน ดูแล 24 ชั่วโมง มีการประเมินภาวะสุขภาพจิตในพื้นที่ พบว่า 1.2 หมื่นราย มีความเครียดสูง และเสี่ยงทำร้ายตัวเอง 23 คน มีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่“ฮุน เซน” ลั่นหมดความอดทนแล้ววันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชา โพสต์ เฟซบุ๊กส่วนตัวบอกว่า หลังจากอดทนมากว่า 24 ชั่วโมง กองทัพกัมพูชาตัดสินใจยิงตอบโต้การรุกรานของไทยตั้งแต่คืนวันที่ 8 ธ.ค. จนถึงช่วงเช้าของวันที่ 9 ธ.ค. กัมพูชาต้องการสันติภาพ แต่ก็พร้อมจะปกป้องอธิปไตย ของตนเอง ส่วนกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ของไทย ประกาศจะใช้กำลังเข้ายึดพื้นที่ 11 จุดนั้น กัมพูชายังไม่ทราบแน่ชัดว่า 11 จุดนั้นอยู่ที่ไหนบ้าง ดังนั้น กองทัพกัมพูชาจะยิงโจมตีทุกตำแหน่งจากที่ศัตรูยิงโจมตีเข้ามา และแนวตั้งรับของกัมพูชามีความแข็งแกร่ง และกองทัพไทยไม่สามารถตีฝ่าแนวป้องกันของกัมพูชาได้ กัมพูชาจะไม่ยอมอยู่เฉยๆ และปล่อยให้ไทยทำลายกัมพูชาแน่นอนนานาชาติวิตกเหตุปะทะไทย–กัมพูชาขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คาดหวังว่าไทยและกัมพูชาจะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเต็มที่ หลังเกิดการปะทะกันรุนแรงครั้งใหม่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เช่นเดียวกับ นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ได้แสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และขอให้ทั้งไทยและกัมพูชาอดทนอดกลั้น เพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย รวมถึงสำนักงานด้านกิจการภายนอกของสหภาพยุโรป นายฟรังค์ ฮาร์ทมันน์ เลขาธิการสำนักงานกิจการต่างประเทศด้านเอเชีย-แปซิฟิก ของเยอรมนี และกระทรวงกิจการต่างประเทศ และยุโรปของฝรั่งเศส ที่ต่างออกแถลงการณ์แสดงความ เป็นห่วงต่อเหตุการณ์สู้รบระหว่างไทยและกัมพูชารอบใหม่ และเรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายใช้กระบวนการเจรจาสันติภาพเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งครั้งนี้อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่