ไทยกำลังเนื้อหอม บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก Amazon, Google, Microsoft กำลังจะมาสร้าง Data Center ในประเทศไทย คุณนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการบีโอไอ คุยฟุ้ง 9 เดือนแรกปีนี้มี Data Center มาขอส่งเสริมการลงทุน 119 โครงการ มูลค่ากว่า 612,000 ล้านบาท ฟังดูเหมือนดี แต่สิ่งที่ประเทศไทยจะได้ คนไทยจะได้ และผลร้ายที่จะตามมาคืออะไร เลขาธิการบีโอไอไม่ได้บอก วันนี้ผมเก็บมาบอกเอง แน่นอนที่สุดค่าไฟฟ้าที่แพงอยู่แล้วจะแพงขึ้นอีกมหาศาล รัฐที่มีดาต้าเซ็นเตอร์จำนวนมากในสหรัฐฯ ค่าไฟปี 2568 พุ่งขึ้นถึง 267% เมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน เพราะ Data Center เหมือน “มะเร็ง” ที่หิวโหย ต้องการบริโภคไฟฟ้าจำนวนมหาศาล รวมทั้ง “น้ำสะอาด” ด้วยรัฐบาล และ บีโอไอ อยากให้ไทยเป็น Data Center Hub (ศูนย์ข้อมูลต่างชาติ) ได้คิดถึงผลกระทบอันรุนแรงเหล่านี้ต่อคนไทยในอนาคตหรือยัง?Data Center ก็คือ ศูนย์ข้อมูล เป็นอาคารขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเซิร์ฟเวอร์สำหรับฝึกและรันโมเดล AI แต่มีคนทำงานน้อยมากไม่กี่คนเท่านั้น เซิร์ฟเวอร์และคอมพิวเตอร์ในศูนย์ล้วนนำเข้าจากต่างประเทศ ไม่ได้ผลิตในไทย สิ่งที่ประเทศไทยจะได้จากการส่งเสริมการลงทุน ยกเว้นภาษีเงินได้ให้บริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ก็คือ ได้ชื่อว่าเป็นที่ตั้ง Data Center ของบริษัทยักษ์ใหญ่เท่านั้น แต่สิ่งที่คนไทยทุกคนต้องแบกภาระ คือ ค่าไฟฟ้าที่จะแพงขึ้นมหาศาล ค่าน้ำที่จะแพงขึ้นมหาศาล เพราะ Data Center แต่ละแห่งต้องใช้ไฟฟ้ามหาศาล เพื่อเดินเครื่องตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดปี 365 วัน ไม่มีวันหยุด ต้องใช้น้ำมหาศาลเพื่อช่วยระบายความร้อน ของเครื่องเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้หลายรัฐในสหรัฐฯจึงมีการ จำกัดการตั้ง Data Center ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ต้องไปตั้ง Data Center ในต่างประเทศ และไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมาย เพราะค่าไฟยังมีราคาถูกเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ แต่แพงมากสำหรับคนไทยสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ได้วิเคราะห์ “ค่าไฟฟ้าขายส่ง” ในพื้นที่ใกล้เคียงกับ Data Center ใน รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐฯ พบว่า แพงขึ้นถึง 267% เมื่อเทียบกับ 5 ปีที่แล้ว และยังส่งผลกระทบต่อพื้นที่ใกล้เคียงอย่าง เมืองบัลติมอร์ รัฐแมรีแลนด์ เควิน สแตนลีย์ ในเมืองบัลติมอร์บอกว่า เขาต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพงขึ้น 80% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แม้เขาจะเลี้ยงชีพด้วยเงินช่วยเหลือคนพิการก็ตาม ความต้องการพลังงานที่สูงลิ่วของศูนย์ข้อมูลกำลังสร้าง “ผลกระทบลูกโซ่ที่รุนแรง” ในสหรัฐฯ ค่าไฟที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ถูกส่งต่อไปยังครัวเรือนและธุรกิจ ทำให้ผู้บริโภคต้องแบกรับค่าใช้จ่ายต่างๆที่สูงขึ้น สุดท้ายสินค้าและบริการ ราคาอาหาร ที่อยู่อาศัย สิ่งจำเป็นต่างๆก็แพงขึ้นตามมารัฐเท็กซัส เป็นอีกรัฐที่กำลังดึงดูดศูนย์ข้อมูล OpenAI กำลังจะไปตั้งศูนย์ข้อมูลยักษ์ Stargate ในเมืองอาบีลีน ต้องการไฟฟ้าสูงถึง 1.2 กิกะวัตต์ เทียบเท่ากับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่หนึ่งโรงเลยทีเดียวสำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า รัฐเท็กซัสเคยมี “บทเรียนพายุฤดูหนาวยูริ” ในปี 2564 มาแล้ว เมื่อโครงข่ายไฟฟ้าเท็กซัสต้องสั่งดับไฟแบบหมุนเวียนรวม 20 กิกะวัตต์ เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบล่ม ส่งผลให้ชาวเท็กซัสกว่า 4.5 ล้านคนไม่มีไฟฟ้าใช้หลายวัน ท่ามกลางความหนาวเหน็บ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 210 คน จนถึงเดือน พ.ย.68 ปีนี้ รัฐเท็กซัสได้รับคำขอไฟฟ้าจากศูนย์ข้อมูลและโรงงานขุดคริปโตกว่า 220 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้น 170% จากเดือนมกราคม และ 73% มาจาก Data Center การใช้ไฟฟ้าของโครงการเหล่านี้ เทียบเท่ากับการใช้ไฟฟ้ารายปีของชาวเท็กซัสกว่า 154 ล้านหลังคาเรือน แต่รัฐเท็กซัสมีประชากรเพียง 30 ล้านคนเท่านั้นเห็นหรือยังครับ Data Center เป็นมะเร็งดูดไฟฟ้ามหาศาลขนาดไหน นี่ผมยังไม่พูดถึง การกินน้ำอย่างมหาศาลของ Data Center ที่จะสร้างความเดือดร้อนเพิ่มอีกนะครับล่าสุด การ์ทเนอร์ อิงค์ เปิดเผยว่า AI หรือ AI–Optimized Servers จะผลักดันการใช้ไฟฟ้าใน Data Center เพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่า จาก 93 เทราวัตต์ (93 ล้านกิกะวัตต์) ในปีนี้ เป็น 432 เทราวัตต์ (432 ล้านกิกะวัตต์) ในปี 2573 แต่บางข้อมูลระบุว่า ปีหน้า 2569 AI ทั่วโลกจะใช้ไฟสูงถึง 1,000 เทราวัตต์ (1,000 ล้านกิกะวัตต์) ค่าไฟจะแพงขึ้นอีกแน่นอน.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม