พายุ “คัลแมกี” จ่อเข้าอุบลฯ เป็นพื้นที่แรกกระทบภาคอีสาน ตะวันออก กลางและเหนือตามลำดับ เขื่อนภูมิพลใกล้เต็มความจุเร่งระบายน้ำเพิ่ม สุโขทัยอ่วมน้ำท่วมถึงหน้าอก พื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาวิกฤติชาวบ้านโกลาหล โรงเรียนสั่งปิดกะทันหัน ผู้ปกครองรีบไปรับลูกหลานกลับบ้าน ปทุมธานีน้ำกัดเซาะใต้ถนนเป็นรูโหว่ “บิ๊กแจ๊ด” สั่งการนำรถแบ็กโฮขนดินและแผ่นเหล็กปิดกั้นทางน้ำเตรียมรับมือพายุ “คัลแมกี” เคลื่อนเข้าไทย เปิดเผยเมื่อช่วงเย็นวันที่ 6 พ.ย. กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 7 เรื่อง พายุไต้ฝุ่น “คัลแมกี” (KALMAEGI) เข้าประเทศเวียดนาม หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนและพายุดีเปรสชันเคลื่อนผ่าน สปป.ลาว ในวันที่ 7 พ.ย. จะเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณ จ.อุบลราชธานี ก่อนจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงตามลำดับ จากอิทธิพลของพายุ “คัลแมกี” ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 7-9 พ.ย. ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ จะเริ่มจากบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือตามลำดับ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสมอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรสำหรับสถานการณ์น้ำเริ่มเต็มความจุที่เขื่อนภูมิพล จ.ตาก นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและการวางแผนการบริหารจัดการน้ำเขื่อนภูมิพล มีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้แก่ จังหวัดตาก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมชลประทาน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมประชาสัมพันธ์ และองค์การบริหารส่วนจังหวัดตาก เข้าร่วมประชุมนายไพฑูรย์กล่าวว่า สั่งการให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ “พายุคัลแมกี” พายุจะส่งผลให้ในช่วงวันที่ 7-9 พ.ย. ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ จะเริ่มจากบริเวณภาคตะวันออก เฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือ เขื่อนขนาดใหญ่อยู่ในแนวพื้นที่รับฝน ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนอุบลรัตน์ ที่ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในเขื่อนเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ต้องวางแผนพร่องระบายน้ำจากแต่ละเขื่อนอย่างรอบคอบรัดกุม พบว่าเขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนอุบลรัตน์ สถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วงและสามารถรองรับปริมาณฝนที่จะตกมาเพิ่มได้รองเลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพลวันนี้ มีปริมาณน้ำกักเก็บ 13,195 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็น 98.02 เปอร์เซ็นต์ของความจุเก็บกัก ที่ประชุมได้เห็นชอบให้ กฟผ.วางแผนปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันไดตั้งแต่วันนี้ในอัตรา 30.00 ล้าน ลบ.ม.ต่อวันสูงสุดไม่เกิน 60 ล้าน ลบ.ม./วัน มวลน้ำจากเขื่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำปิงผ่านจังหวัดตาก กำแพงเพชร และนครสวรรค์ จนถึงเขื่อนเจ้าพระยาใช้เวลาอีก 8-9 วัน จะไม่ส่งผลให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นที่ ต.บ้านไร่ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ระดับน้ำยังท่วมขังสูงหลายจุด เช่น โรงเรียนบ้านไร่พิทยาคม น้ำไหลบ่าจากทางอ่างเก็บน้ำแม่มอก อ.เถิน จ.ลำปาง ลงมาลำน้ำแม่มอก อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย ก่อนที่จะไหลบ่ามายัง ต. บ้านไร่ อ.ศรีสำโรง ผู้บริหารโรงเรียนสั่งปิดการสอนเพราะระดับน้ำสูงถึงหน้าอกส่วนที่ จ.กำแพงเพชร สถานการณ์ในแม่น้ำปิงมีระดับสูงขึ้นและไหลเชี่ยวกรากส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของสะพานคณฑี อยู่ระหว่าง ต.ธำมรงค์และ ต.คณฑี อ.เมืองกำแพงเพชร ระดับน้ำที่ไหลแรงกัดเซาะบริเวณคอสะพานอย่างรุนแรงเกิดเป็นโพรงขนาดใหญ่ นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เขต 1 พร้อมด้วยนายชัยสัมพันธ์ โพธิ์ศรี ผอ.แขวงทางหลวงชนบทกำแพงเพชร พร้อมด้วยผู้นำท้องถิ่นเข้าสำรวจพื้นที่ ห้ามรถบรรทุกขนาดใหญ่สัญจรผ่านเป็นการชั่วคราวทันที เพื่อป้องกันการทรุดตัวขณะที่เจ้าหน้าที่เทศบาลนครอุบลราชธานีและเทศบาลเมืองวารินชำราบ เร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่ชุมชนเพื่อเตรียมรับมือพายุไต้ฝุ่น “คัลแมกี” เพราะเป็นพื้นที่แรกจะต้องเผชิญกับฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่วนที่ จ.นครสวรรค์ ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักทั้งปิง น่าน และเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากเขื่อนตอนบนเร่งระบายน้ำส่งผลให้สถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลนครนครสวรรค์ 7 ชุมชน รวม 846 ครัวเรือน เจ้าหน้าที่ดำเนินการปิดท่อระบายน้ำในเขตเทศบาลนครนครสวรรค์อีกครั้งที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท กรมชลประทานแจ้งการปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเดิมในอัตรา 2,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 2,700 ลบ.ม./วินาที แจ้งเตือนพื้นที่ท้ายเขื่อนเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และยกของขึ้นที่สูงอพยพไปอยู่ที่ปลอดภัยโดยด่วนที่ อ.สว่างอารมณ์ จ.อุทัยธานี มวลน้ำป่าหลากท่วมย่านเศรษฐกิจ รวมถึงบริเวณทางเข้าและลานจอดรถ ของ สภ.สว่างอารมณ์ และวัดสว่างอารมณ์ ระดับน้ำสูงถึงหัวเข่า ถึงแม้พื้นที่ภายในวัดจะถูกน้ำท่วมขังและกระแสน้ำไหลเชี่ยว ชาวบ้านยังเดินลุยน้ำเข้าร่วมพิธีทอดกฐินสามัคคีประจำปี และช่วยกันกรอกกระสอบทรายเพื่อวางแนวกั้นน้ำ ด้านนายนำโชค ไม้สนธิ์ รักษาราชการแทนนายอำเภอสว่างอารมณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้พื้นที่ใน อ.สว่างอารมณ์ น้ำท่วม 5 ตำบล 65 หมู่บ้าน ได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง 3-4 วัน ระดมกำลังเจ้าหน้าที่และจิตอาสาเร่งกรอกกระสอบทรายทำแนวป้องกันน้ำที่ จ.อ่างทอง โรงเรียนอนุบาลวัดอ่างทอง ประกาศด่วนแจ้งให้ผู้ปกครองมารับลูกหลานในช่วงเที่ยง ภายหลังกรมชลประทานแจ้งเขื่อนเจ้าพระยาปล่อยน้ำมา 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่บริเวณแนวคลองโผงเผง สาขาแม่น้ำเจ้าพระยา ถูกแรงดันน้ำที่มีระดับเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนพังทลายลง กระแสน้ำไหลเชี่ยวกรากทะลักเข้าพื้นที่ หมู่ 5 ต.โผงเผง อ.ป่าโมก อย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลืออพยพขนย้ายสิ่งของขึ้นมาอยู่บนถนนสายโผงเผง-บางบาลกันอย่างโกลาหลขณะเดียวกันที่ถนนใกล้วัดเมตารางค์ หมู่ 3 ต.เชียงรากน้อย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี น้ำกัดเซาะลอดใต้ถนนกว้าง 4 เมตรจากฝั่งที่อยู่นอกคันกั้นน้ำติดแม่น้ำเจ้าพระยา มวลน้ำไหลทะลักเข้าโรงเรียนวัดเมตารางค์และบ้านเรือนประชาชนร่วม 20 หลัง ชาวบ้านเก็บข้าวของเครื่องใช้ไม่ทัน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี และ ร.ต.อ.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต ลงพื้นที่สั่งการให้นำรถแบ็กโฮดำเนินการขนดินและแผ่นเหล็กมาอุดจุดที่น้ำลอดใต้ถนนอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่