ท่ามกลางวิกฤติศรัทธาและความขัดแย้งทางการเมืองไทย หนึ่งในคำถามเชิงปรัชญาที่กำลังถูกนำมาวิเคราะห์อย่างเข้มข้นคือ “ถ้าผู้นำมีศีล 5 ประเทศไทยจะต่างจากวันนี้มากน้อยอย่างไร?” และจะใช้ “ธรรมะ” ขับเคลื่อนประเทศในทิศทางใด?ข้างต้นนี้ไม่ใช่เรื่องของความเชื่อทางศาสนา แต่คือการวิเคราะห์เชิงระบบว่าด้วย “จริยธรรม” และ “ความรับผิดชอบ” ที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองไทยไปอย่างสิ้นเชิงผู้นำมี “ศีล 5” การเมืองจะสะอาด “ไร้อำนาจตัณหา” เป็นมุมมองสำคัญที่ไม่ไกลเกินเอื้อมหรือไม่? วิษณุ กรองกันภัย ประธานมูลนิธิร่มบุญและอาจารย์สอนปฏิบัติธรรม “Dhamma Daily ธรรมะวันละนิด” บอกว่า ประเทศที่ดีไม่จำเป็นต้องโตเร็วที่สุด แต่อาจเป็นประเทศที่ “คนอยู่ได้อย่างมีความสุขที่สุด”คำตอบของสมการนี้อยู่ที่ “ธรรมะ” ซึ่งไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่คือเครื่องมือขับเคลื่อนประเทศชาติให้สงบ มั่นคง และเจริญอย่างแท้จริง“ผู้นำมีศีล 5 การเมืองจะสะอาด เศรษฐกิจจะมั่นคง ประชาชนจะมีศรัทธา...ธรรมะไม่แบ่งสี แต่จะอยู่ในใจของผู้นำที่มีธรรม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิรูปประเทศอย่างแท้จริง ผลลัพธ์ที่ตามมาคือความเปลี่ยนแปลงที่สัมผัสได้... บ้านเมืองจะมีพลังแห่งธรรมมากกว่าอำนาจแห่งตัณหา” หลักธรรมจึงเป็นเสาหลักที่ช่วยค้ำจุนไม่ให้ผู้บริหารประเทศตกอยู่ภายใต้แรงขับเคลื่อนของ โลภะ โทสะ และโมหะ ซึ่งเป็นบ่อเกิดของ ความเหลื่อมล้ำและการแก่งแย่งชิงดี ในสังคม หากผู้นำยึดมั่นในศีล โดยเฉพาะการไม่ลักทรัพย์...ทุจริต และการไม่โกหก...ส่อเสียด ย่อมเกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจนว่า “การเมืองจะสะอาด” และ “เศรษฐกิจจะมั่นคง” เพราะการคอร์รัปชันจะลดลง การใช้จ่ายงบประมาณจะเป็นไปอย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพไม่เกิดการผูกขาดผลประโยชน์อีกทั้งเมื่อผู้นำมีธรรมะปฏิบัติด้วยความเที่ยงตรง ปราศจากความโกรธ หลง ลำเอียง (อคติ 4)...ความขัดแย้งเชิงอคติทางการเมืองจะบรรเทาลง เพราะขาดเชื้อไฟจากความไม่ชอบมาพากลพุ่งเป้าไปที่การขับเคลื่อนด้วย “สติ สมาธิ ปัญญา”...การนำธรรมะมาขับเคลื่อนประเทศไม่ได้ หมายถึงการเข้าวัด แต่คือการนำหลักธรรมมาปรับใช้ในการบริหารจัดการ โดยเฉพาะการเปลี่ยนฐานคิดทางเศรษฐกิจ จากที่เคยขับเคลื่อนด้วย โลภะ โทสะ โมหะ...ที่นำไปสู่ความเหลื่อมล้ำ การแก่งแย่งชิง...มาสู่หลัก สติ สมาธิ ปัญญา ที่นำไปสู่ความพอดีและยั่งยืนหลายคนเข้าใจผิดว่าธรรมะสอนให้คนจน หรือต้องละทิ้งความเจริญ แต่แท้จริงแล้วธรรมะไม่ได้สอนให้จน แต่สอนให้รู้จัก “พอ” และ “แบ่งปัน”...ซึ่งเป็นรากฐานของเศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมธรรมาภิบาลหัวใจสำคัญที่ต้องเน้นย้ำ...หากเศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนด้วยหลัก สติ สมาธิ ปัญญา ประเทศจะก้าวไปสู่ความ พอดี และ ยั่งยืน ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากการขับเคลื่อนด้วยความโลภ ความโกรธ และความหลง ที่นำไปสู่การเติบโตแบบฉาบฉวยและไม่เป็นธรรม“ถ้าคนไทยทั้งประเทศมีธรรมะ สังคมจะสมดุล มีสติพอเพียง ปราศจากความรุนแรง เศรษฐกิจจะก้าวหน้าไปสู่ความรุ่งเรืองที่ยั่งยืน...ไร้คอร์รัปชัน คนไทยจะสามัคคี มีเมตตา ปราศจากความโกรธ หลง ลำเอียง”ประเทศต้องสร้าง “คนดี” ไม่ใช่แค่ “คนเก่ง” วิษณุ ย้ำว่า ธรรมะต้องถูกปลูกฝังในทุกระดับตั้งแต่รากฐานของสังคม “การศึกษา”...คือหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่สุด โดยการศึกษาที่มีธรรมะไม่ได้หมายถึงการสอนศาสนา แต่คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตทางจิตใจนับหนึ่งจาก...ครูมีเมตตาไม่ใช่แค่ถ่ายทอดความรู้ แต่สร้างแรงบันดาลใจ นับสอง...เด็กมีสติไม่ใช่แค่ท่องจำ แต่คิดรู้เท่าทันอารมณ์...ห้องเรียนสงบเป็นพื้นที่ให้ใจพัก บรรยากาศเรียนรู้ด้วยความเคารพ และนับสาม...ระบบประเมินที่มี “หัวใจ” เน้นการ “เติบโต” ไม่ใช่การแข่งขัน เป็น “ระบบการศึกษา” ที่สร้างรากฐานของ... “พลเมืองคุณภาพ”ขณะเดียวกัน “สื่อมวลชน” ก็ต้องมีธรรมะ เพื่อนำสังคมสู่ปัญญา หากสื่อไทยมีธรรมะ ข่าวสารจะมีประโยชน์และสร้างสรรค์ หลักการที่สื่อต้องยึดถือคือ...รายงานความจริงด้วยจิตเมตตา ปราศจากอคติ ไม่นำเสนอด้วยความรัก โลภ โกรธ หลง รู้ประมาณในการนำเสนอไม่บิดเบือนเสพดราม่าแต่...สร้างสรรค์และให้กำลังใจ ธรรมะในสื่อ...จะทำให้สังคมเกิดปัญญาและอยู่ร่วมกันอย่างสงบนี่คือภาพรวมของประเทศที่เต็มไปด้วยธรรมะ ที่จะนำไปสู่ความสงบ มั่นคง และเจริญอย่างแท้จริง ดังนั้นการเริ่มต้นวันนี้ด้วย “Dhamma Daily ธรรมะวันละนิด” หมายถึงว่า...หนึ่งนาทีแห่งสติที่เปลี่ยนทั้งวันของคุณคือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดอย่าแพ้กิเลส ติดกับดักกิเลส รู้เท่าทันกิเลส มีสติเป็นเพื่อนตลอด “ชีวิต”...จะพบความสว่างโอกาสและความหวัง การมีธรรมะในผู้นำและประชาชนทั้งประเทศ จะทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนจากประเทศที่เน้นการแข่งขันและเติบโตทางจีดีพีสูงสุด ไปสู่การเป็น “ประเทศที่คนอยู่ได้อย่างมีความสุขที่สุด” ทั้งหมดเหล่านี้คือ พิมพ์เขียวใหม่สำหรับการบริหารชาติ ที่เน้นความยั่งยืน ความพอเพียง และการยกระดับ “คุณภาพใจ” ของพลเมืองและผู้นำ ซึ่งเป็นเพียงทางเดียวที่จะนำพาประเทศไทยให้พ้นจากวงจรแห่งความขัดแย้งและตัณหา ที่กัดกร่อนสังคมมาอย่างยาวนานฝากทิ้งท้ายว่า...การขับเคลื่อนประเทศด้วยธรรมะ ไม่ใช่แค่การรณรงค์ทางจิตวิญญาณ... “เศรษฐกิจพุทธ” ไม่ได้ปฏิเสธความเจริญ ร่วมด้วยช่วยกันชักธงรบ ประเทศที่ดี...ไม่จำเป็นต้องโตเร็วที่สุด แต่อาจเป็นประเทศที่ “คนอยู่ได้อย่างมีความสุขที่สุด”.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม