ข่าวแรกที่นักข่าวประจำจังหวัดยะลาอย่างผมส่งเข้ามาขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์รายวันในกรุงเทพฯ กลางเดือนธันวาคม 2513 คือข่าวแวตือเงาะ ตายะลา หัวหน้าโจรก๊กหนึ่ง..บ้านกรงปินัง นำลูกน้องมอบตัวกับทางการครับผมกำลังเข้าใจว่า ไม่เห็นยากอะไรตรงไหนเลย..ก็แค่ถาม และถาม ท่านผู้ว่า พูดยังไง...ก็จดๆ...เอาไปส่งเป็นข่าวก็เท่านั้นแต่เมื่อถึงงานข่าว...ต่อๆมา...ในปีที่สอง 2514 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าบรมราชินีนาถ...เสด็จจาก “ทักษิณราชนิเวศน์” นราธิวาส มาจังหวัดยะลา โอ! มีเรื่องให้ต้องทำ...อีกมากมายหลายอย่างเรื่องอื่นๆพอผ่านได้ แต่พอมาถึงเรื่อง “กล้อง” งานข่าวราชสำนัก..นักข่าวต้องถ่ายรูป...ตอนนั้นกล้องยังไม่มีแต่พี่ๆเขามีกล้อง 35 ม.ม. ใช้แบ่งกล้องบ็อกซ์ ชื่อทางการรีเฟล็กซ์เลนส์คู่ กล้องโบราณรูปทรงสี่เหลี่ยมสูง ฟิล์ม 3 นิ้ว ให้ลองใช้กล้องแบบนี้ ปี พ.ศ.นั้น ใช้กับแฟลชหลอดไฟ ถ่ายรูปหนึ่งก็ถอดทิ้งเปลี่ยนหลอดใหม่...ถ่ายรูปต่อไปเคราะห์ดี...ที่รุ่นพี่แนะว่า งานถ่ายข่าวในหลวง พระราชินี...ห้ามใช้แฟลช ก็โล่งไปเปลาะแรก เพราะแค่เปลาะสอง...เรียนรู้กับกลไกกล้อง...ขนาดรูรับแสง ความเร็วชัตเตอร์ กดปุ่มชัตเตอร์ เพื่อให้ “ถ่ายติด” ก็ยากนักหนาตอนนั้นยังไม่รู้จักกล้องรีเฟล็กซ์เลนส์คู่...อ่านตำราอาจารย์สนั่น ปัมมทิน เอาทีหลัง...จึงรู้ว่า เห็นหุ่นเร่อร่าเทอะทะเป็นแท่งสูงอย่างนั้น ...คุณสมบัติกล้องนี้...เหนือกว่ากล้องรุ่นใหม่ทันสมัย...ชนิดเทียบไม่ได้กล้องถูกออกแบบให้ถ่ายรูปได้หลายท่า...จับกล้องประคองสองมือก้มมองเลนส์ถ่ายตรงๆ ท่าแรกยกกล้องขึ้นสุดมือ เงยหน้ามองแล้วถ่าย...ฯลฯ หรือกระทั่ง สะพายไหล่...หันหน้ากล้องไปข้างหลังแอบถ่ายโดยเป้า..หมายไม่รู้ ก็ได้อีกและหากเป็นมืออาชีพถ่ายนางแบบขึ้นปกนิตยสาร...กล้องรีเฟล็กซ์เลนส์คู่ ถ่ายบนขาหยั่งก็ได้เหมือนกันอย่าลืมกล้องนี้ใช้ฟิล์มขนาดสามนิ้ว เนื้อฟิล์มละเอียด ล้างฟิล์มแล้วขยายได้ภาพเนื้อหนังละเอียดก่อนเวลางาน...ผมพยายามจับๆคลำๆอยู่เป็นนาน พอให้คิดว่า น่าจะคุ้นมือแต่เมื่อถึงเวลาจริง...บรรยากาศ สภาพแวดล้อม...ไม่เป็นเช่นนั้น ถึงหมายกำหนดการ พระเจ้าอยู่หัว พระราชินี ประทับระยะห่างเท่าที่เจ้าหน้าที่จัดให้...ไม่ไกลนักนักข่าวส่วนกลางสองคน นักข่าวหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอีกหนึ่งคน เขาก็ถ่ายสองพระองค์จนเรียบร้อยเลิกถ่าย ส่วนผมยังตั้งหลักกับกล้องในมือ...ไม่เข้าที่กล้องบ็อกซ์รุ่นนี้ใครไม่เคยถ่าย...ไม่รู้หรอก ว่าเหลี่ยมมุมที่ดูจากเลนส์กล้องมักเอียงซ้าย หรือไม่ก็เอียงขวานักข่าวภูธรมือใหม่...มือไม้ก็เริ่มสั่นใจก็เริ่มแกว่ง ยังดีที่เข่ายังไม่อ่อน..ผมกำลังถอดใจ คงถ่ายไม่ได้...แต่เรื่องปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นได้ ใครนะว่าปาฏิหาริย์ไม่มีจริงปาฏิหาริย์เกิดขึ้นตรงหน้า...สมเด็จพระนางเจ้า พระราชินีนาถ ทอดพระเนตรเห็นท่าละล้าละลังของผมเข้า ทรงแย้มพระสรวล..สีพระพักตร์แววพระเนตร...เปี่ยมพระเมตตาทรงวางพระอาการนิ่ง...ทอดเวลานานพอ จนทรงเห็นว่า เจ้านักข่าวคนนั้น...ถ่ายพระบรมฉายาลักษณ์ได้ตามที่ตั้งใจ...จึงทรงเปลี่ยนพระอากัปกิริยา ไปสนพระทัยกับพระราชภารกิจอื่นๆงานข่าววันนั้นของผมจบลง...ด้วยดี ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้า พระราชินีนาถ แย้มพระสรวล...พระเนตรเปี่ยมแววพระเมตตา...ถูกส่งเข้าโรงพิมพ์วันเวลาผ่านเลยไป เนิ่นนาน..ผมไม่เคยลืมเลยว่า พระเมตตาที่พระราชทานให้นักข่าวหน้าใหม่...ในวันนั้น สร้างขวัญกำลังใจให้เขาก้าวหน้าต่อมา และต่อมายั่งยืนยาวนานจนถึงวันนี้.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม