วันเสาร์สบายๆวันนี้เราไปคุยเรื่อง “ความรวย” กันดีกว่านะครับ เศรษฐกิจโลกยามนี้แม้จะไม่ค่อยดี ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีของทรัมป์ แต่จีดีพีทุกประเทศก็ยังเติบโตดี ที่เซอร์ไพรส์ก็คือ มีจำนวนมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นอย่างมากมายทั่วโลก แม้แต่ประเทศไทยที่มีเศรษฐกิจเติบโตตํ่าที่สุดในกลุ่มอาเซียน 6 ก็ยังมีมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นมากจนติดอันดับท็อปเทนของโลก ท่านผู้อ่านเชื่อไหม ประเทศไทยมีมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นมากเป็นอันดับ 9 ของโลก ท่ามกลางความเหลื่อมลํ้าความยากจนและหนี้ครัวเรือนท่วมจีดีพีวันนี้ผมจะนำมาเล่าสู่กันฟังวารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนตุลาคม ได้จัดทำข้อมูลพิเศษเรื่อง “เทคนิคการส่งต่อมรดก” เนื่องจากว่า ประเทศไทยมีจำนวนมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากจนติดอันดับ 9 ของโลก จากรายงานล่าสุดของ UBS Global Wealth Report 2024 ซึ่งระบุว่าปี 2024 ความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 8.4% จากปี 2023 ประเทศไทย UBS คาดว่าจะมีประชากรเศรษฐีเพิ่มขึ้นถึง 24% ภายในปี 2028 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า จาก 100,001 คน ในปัจจุบันเป็น 123,531 คน ในปี 2028 ทำให้ประเทศไทยติดอันดับ 9 ใน 10 ประเทศที่มีประชากรเศรษฐีเพิ่มขึ้นมากที่สุด เพิ่มขึ้นเร็วกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วจำนวนมากประเทศที่มีเศรษฐีมากที่สุดในโลกคือ สหรัฐอเมริกา ครองสัดส่วนเศรษฐีมากถึง 38% ของจำนวนเศรษฐีทั่วโลก รองมาเป็น จีน อังกฤษ ประเทศที่คาดว่าจะมีจำนวนเศรษฐีเพิ่มขึ้นมากกว่าไทยในช่วงสามปีข้างหน้าก็มี ไต้หวัน เพิ่มขึ้น 47% ตุรกี เพิ่มขึ้น 43% คาซัคสถาน เพิ่มขึ้น 37% อินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 32% ญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 28% เป็นต้นปัญหาใหญ่ของเศรษฐีและมหาเศรษฐีทั่วโลกที่เหมือนกันก็คือ “การส่งต่อความมั่งคั่ง” หรือ “การส่งต่อมรดก” ไปให้ลูกหลาน ซึ่งมักจะมีปัญหาทะเลาะกันหลังจากที่เจ้าของมรดกตายแล้ว UBS คาดว่าจะมีมรดกกว่า 83 ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยคร่าวๆกว่า 2,700 ล้านล้านบาท ส่งต่อไปยังลูกหลานภายใน 20 ปีข้างหน้า แต่การส่งต่อมรดกให้ลูกหลานไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ไม่ใช่แค่เขียนพินัยกรรมแบ่งกันแล้วจบ เพราะมันไม่จบมิหนำซ้ำยังมีภาษีมรดกเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย วารสารการเงินธนาคารฉบับตุลาคม จึงได้จัดทำ “เทคนิคการส่งต่อมรดก” ที่มีให้บริการในธนาคารและบริษัทประกันต่างๆมารายงาน เพื่อช่วยให้การส่งออกมรดกเป็นไปอย่างราบรื่นและประหยัดภาษีอีกด้วยเทคนิคการส่งต่อมรดกให้ราบรื่น ลูกหลานมีความสุข เจ้าของมรดกตายตาหลับ มีวิธีการมากมาย เศรษฐีท่านไหนสนใจก็ไปหาอ่านได้ครับคุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีโลกนักลงทุนวัย 95 ปีที่กำลังจะส่งต่อมรดกให้กับลูกๆ 3 คน ลูกแต่ละคนก็มีอายุ 60 กว่าปีขึ้นไปแล้ว ร่ำรวยกันหมดแล้ว ได้เขียนจดหมายแนะนำผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway ของเขาเมื่อปลายเดือน พ.ย.2024 ว่า “ผมมีข้อเสนอแนะหนึ่งข้อสำหรับพ่อแม่ทุกคน ไม่ว่าคุณจะมีมรดกมากน้อยหรือมีฐานะร่ำรวยหรือไม่ก็ตาม เมื่อลูกๆของคุณโตแล้ว ให้พวกเขาอ่านพินัยกรรมของคุณก่อนที่คุณจะลงนาม” พ่อแม่ต้องพยายามให้ลูกๆเข้าใจเหตุผลในการจัดการมรดกตกทอดเหล่านั้นอย่างชัดเจน “คุณคงไม่อยากให้ลูกๆของคุณเกิดคำถามว่า “ทำไม” ในเรื่องการตัดสินใจเกี่ยวกับพินัยกรรม หลังจากที่คุณไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้อีกต่อไป”ก็เป็นคำแนะนำที่ดีมากครับ การแย่งชิงมรดก การพิสูจน์พินัยกรรมปลอมพินัยกรรมจริง เราคงได้เห็นในละครมาแล้ว คุณมาร์ติน เชงก์แมน ทนายความผู้เชี่ยวชาญเรื่องการจัดการมรดกในนิวเจอร์ซีย์ก็พูดถึงเรื่องนี้ว่า “ทันทีที่พ่อแม่ไม่อยู่ อารมณ์ต่างๆของลูกหลานก็จะพรั่งพรูออกมาราวกับสายน้ำ บางครั้งทายาทก็ไม่ได้เข้ากันได้ดีเสมอไป” นี่คือความจริงยิ่งประเทศไทยมีเศรษฐีเพิ่มขึ้นมาก การวางแผนส่งต่อมรดกก็ยิ่งจำเป็น มรดกไม่ว่ามากหรือน้อย ถ้าไม่เปิดเผยให้ผู้รับช่วงมรดกได้รับรู้ สุดท้ายก็อาจทะเลาะกันหรือฟ้องร้องกัน การวางแผนจัดการมรดกให้เรียบร้อยในยามที่ยังแข็งแรงมีสติสัมปชัญญะจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง อย่ารอให้ตายก่อนแล้วให้ลูกหลานทะเลาะกันทีหลัง.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม