ผมมีความเชื่อมาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่า "การอ่านหนังสือ" อย่างจริงจัง อย่างตั้งใจ เป็นการ "พัฒนาทรัพยากรมนุษย์" ที่ตรงเป้าที่สุด เพราะการอ่านจะช่วยให้มนุษย์ได้ทั้งความรู้ความคิด และจินตนาการ ขณะอ่านหนังสือในแต่ละเล่มที่ผมต้องเน้น “การอ่านอย่างจริงจัง...อย่างตั้งใจ” ก็เพราะทุกวันนี้มนุษย์เรามี “การอ่าน” อย่างฉาบฉวยเข้ามาล่อใจ นั่นก็คือ การอ่าน ข่าวสั้นๆ หรืออ่าน โพสต์ สั้นบ้างยาวบ้างจากโซเชียลมีเดียต่างๆในมือถืออ่านกันได้อ่านกันดีอ่านวันละหลายๆชั่วโมง และมักจะอ่านข่าวไร้สาระโพสต์ไร้สาระเสียเป็นส่วนมาก อ่านแล้วบ่อยครั้งก็เชื่อเพราะปราศจากการวิเคราะห์หรือกลั่นกรอง ว่าเป็น “เฟกนิวส์” หรือข่าวลวง ข่าวเต้า หรือไม่อย่างไร?แทนที่จะฉลาดขึ้น สมองและความคิดพัฒนาขึ้น กลับจะโง่ลง และมีไม่น้อยเลยที่กลายเป็นเกรียนคีย์บอร์ดหยาบคาย, ยกตนข่มท่าน, หลงตนเอง และนึกว่าตัวเองเก่งกว่าทุกคนในโลกนี้เคยมีการเผยแพร่ผลสำรวจเมื่อไม่นานมานี้ พบว่าคนไทยอ่านหนังสือเล่ม เฉลี่ย 52 นาทีต่อวัน แต่อ่านจากออนไลน์ หรืออินเตอร์เน็ต ซึ่งรวมจากโซเชียลต่างๆด้วย โดยเฉลี่ยถึง 151 นาทีต่อวัน...มากกว่ากันเกือบ 3 เท่าตัวทำให้ผมรู้สึกใจเสียทุกครั้งที่เห็นตัวเลขที่ว่านี้ เพราะวิตกว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยจะโง่ลง หรือคิดสั้นลง หรือวิสัยทัศน์แคบลง หากมัวแต่อ่านอย่างฉาบฉวยดังที่เป็นอยู่ในขณะนี้เผอิญเมื่อสักครู่นี่เองผมเพิ่งเปิดอ่านนิตยสาร Marketeer ซึ่งเป็นนิตยสารด้านการตลาด ที่ผมชื่นชมและจะเอ่ยถึงเสมอๆเมื่อมีโอกาส...ฉบับเดือนกันยายนที่เพิ่งมาถึงมือผม เมื่อ 2 วันที่แล้วในเล่มมีสารคดีสั้นๆเรื่องหนึ่งที่ผมอ่านจบแล้วรู้สึกหัวใจพองโต เมื่อพบว่าคนไทยกลุ่มหนึ่ง (น่าจะกลุ่มใหญ่พอสมควร) ยังอ่าน “หนังสือเล่ม” อย่างจริงจังกันอยู่ ส่งผลให้ยอดจำหน่ายหนังสือเล่ม ตลอดปี 2568 นี้ น่าจะทะลุ 20,000 ล้านบาทไปได้อย่างแน่นอนยอดขายดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความเติบโต หรือการขยายตัวของตลาดหนังสือเล่มเพิ่มขึ้นจากปีกลายราวๆ 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นอัตราที่ถือได้ว่าน่าพอใจMarketeer รายงานด้วยว่า ในตลาดหนังสือดังกล่าวเป็นหนังสือเล่ม จัดพิมพ์เป็นหนังสือให้อ่าน ให้จับต้องได้ และโชว์ไว้บนหิ้งในห้องรับแขกได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ และเป็นหนังสือ “อีบุ๊ก” เพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเมื่อพิจารณาถึงระบบการจำหน่าย หรือการนำหนังสือจากผู้พิมพ์ไปสู่ผู้อ่านนั้น พบว่าผ่านไปทาง ร้านหนังสือ 42 เปอร์เซ็นต์ สั่งทางออนไลน์ 38 เปอร์เซ็นต์ และใน งานหนังสือ ต่างๆ 20 เปอร์เซ็นต์ สำหรับผลประกอบการของร้านหนังสือใหญ่ที่เราคุ้นเคยและรู้จักดีอย่างยิ่ง เมื่อปีกลาย 2567 ปรากฏว่า ร้าน B2S ในเครือเซ็นทรัล ซึ่งมี 131 สาขา ขายได้ 2,732 ล้านบาท (กำไร 102 ล้านบาท), ร้าน ซีเอ็ดฯ รวม 190 สาขา ขายได้ 2,013 ล้านบาท (ขาดทุน 25 ล้านบาท), ร้าน นายอินทร์ รวม 96 สาขา ขายได้ 1,897 ล้านบาท (ขาดทุน 22 ล้านบาท), ร้าน คิโนะคูนิยะ 3 สาขา ขายได้ 886 ล้านบาท (กำไร 52 ล้านบาท) และร้าน เอเซียบุ๊คส 72 สาขา ขายได้ 667 ล้านบาท (กำไร 39 ล้านบาท)เห็นภาพรวมแล้วก็ดีใจครับ ที่ร้านหนังสือส่วนใหญ่ยังมีกำไรอยู่ และที่ขาดทุนก็ไม่มากนักยังพอจะกัดฟันสู้กันได้ต่อไป ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆร้าน ทุกๆ เครือนะครับพรุ่งนี้ผมจะเขียนถึงเรื่อง “หนังสือ” ต่อนะครับ เพราะได้รับ จดหมายน้อย (แต่ยาวเหยียด) จากสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) ว่าด้วยรายละเอียดของงาน “มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 30” (Book Expo Thailand 2025) ที่จะจัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 9-19 ตุลาคม มาเรียบร้อยแล้วแฟนๆ หนังสือ 1.3 ล้านคนที่คาดว่าจะไปงานมหกรรมหนังสือปีนี้...โปรดรออ่านด้วยนะครับ."ซูม"คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม