รายการ Thairath Front Page สัมภาษณ์ “คุณไก่–เกรียงไกร เธียรนุกุล” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) คนที่ 16 ในยุคที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับสงครามการค้าที่รุนแรงจากกำแพงภาษีตอบโต้ของสหรัฐอเมริกา ประเทศไทยได้รับการลดหย่อนภาษีตอบโต้จากสหรัฐอเมริกา จาก 36% เหลือ 19% เบื้องหลังการเจรจาภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯเนื่องมาจากว่าตอนนี้ภาวะเศรษฐกิจมีสงครามการค้า โดยเฉพาะกับสหรัฐอเมริกา ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า สหรัฐอเมริกาเก็บภาษีตอบโต้หรือ Reciprocal Tariff จาก 36% เป็น 19% “คุณไก่-เกรียงไกร” ในฐานะประธาน ส.อ.ท.เล่าถึงเบื้องหลังเคล็ดลับที่ทำให้ไทยได้ภาษี 19% จาก 36%“ก็อย่างที่ทราบกันนะครับว่า เราลุ้นอัตราภาษีเนี่ย จนนาทีสุดท้าย พอออกมาเป็น 19% เราก็เฮกัน เฮก็คือโล่งอก ในเบื้องต้นนะครับ”“เพราะว่าถูกกดดันมาเป็นเวลานานตั้งแต่วันแรกที่ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ประเทศไทยโดน 36% ซึ่งตอนนั้นก็ช็อกครั้งที่หนึ่ง เพราะว่าตอนแรกเนี่ย เราตีความหมายและโจทย์ของคำว่า Reciprocal Tariff และภาษีมาตรการตอบโต้เนี่ย ทุกคน ตีความเหมือนกันว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้พูดว่า ที่ผ่านมาสาเหตุที่ทำให้สหรัฐอเมริกาขาดดุลการค้ากับประเทศที่เป็นคู่ค้าต่างๆ เพราะว่าทุกประเทศเอาเปรียบ ไม่เป็นธรรม เก็บภาษี สหรัฐอเมริกาในสินค้าต่างๆ มากกว่าที่สหรัฐฯเก็บจากประเทศคู่ค้า เพราะฉะนั้น มาตรการที่ออกมา ทรัมป์ 2.0 หลังจากที่ทรัมป์ 1.0 ตอนนั้นเล็งอยู่แค่ประเทศเดียว”“คือจีน อันนี้คือชัดเจนเพราะว่าประกาศสงครามการค้าที่เรียกว่า Trade War กับประเทศจีน ขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนเกือบทุก รายการ หลายพันรายการนะครับ สิ่งที่สหรัฐ อเมริกามีความกังวล ก็เพราะว่า เศรษฐกิจจีนโตวันโตคืน จีนเติบโตในทุกด้าน ทั้งทางด้านการผลิต อุตสาหกรรม เทคโนโลยี ทหาร อวกาศ อุตสาหกรรมใหม่ๆแห่งอนาคต จึงทุบจีนเลย ให้มีการย้ายฐานออกจากจีนให้หมด ชักชวนเพื่อนฝูงพันธมิตร ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ญี่ปุ่น ยุโรป ย้ายฐานเพื่อให้จีนอ่อนแอ”“ปรากฏว่า เกมที่ย้ายไปเนี่ย ย้ายไปไหน ส่วนใหญ่ก็ย้ายมาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และบางส่วนก็ย้ายไปอยู่ข้างบ้านคือเม็กซิโก แคนาดา ถูกไหมครับ? พอคุณทรัมป์หนึ่งหมดไป ไบเดนมา ไบเดน 4 ปีมา ปรากฏว่าจีนมาลงทุนตามประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำนวนมาก และใช้ฐานในประเทศเหล่านี้ส่งออกไป เราเรียกว่าสินค้าสวมสิทธิ ก็ไปสวมสิทธิประเทศต่างๆในภูมิภาคนี้ รวมทั้งเม็กซิโก เติบโตหนักเข้าไปอีก เพราะฉะนั้น รวมๆแล้ว อ้าว ไม่ลดเลย กลับเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นนี่คือ การที่กลับมาในครั้งนี้ แก้จุดอ่อน วันที่ประกาศมาวันที่ 2 เม.ย. อัตราของการเก็บ Reciprocal Tariff ในภูมิภาคนี้ คือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เนี่ยใกล้ๆกันหมด”“ทีนี้ ในภูมิภาคอื่น เช่น เม็กซิโก แคนาดา ที่เป็นฐานอีกอันหนึ่งก็เก็บสูง แต่ส่วนอื่นของโลกเก็บเป็นพิธี นั่นคือเป็นการให้เห็นชัดเจนว่า ร่องรอยของการที่จีนไปลงทุนใช้ฐานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แล้วประเทศที่ได้อานิสงส์ ก็คือเวียดนาม ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย เพราะฉะนั้น วันนี้ประธานาธิบดีทรัมป์มา กวาดหมด และตั้งเงื่อนไขสำคัญ ก็คือเรื่องของ Trans shipment หรือที่เรียกว่า ‘การสวมสิทธิ’”“เราลุ้น ที่ผมบอกว่า 19% เนี่ย มันลุ้นเพราะอย่างนี้ ก่อนหน้านั้นเนี่ย เวียดนามก็เป็นประเทศที่ได้ดุลมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อสหรัฐอเมริกา ประเทศไทย ตอนทรัมป์ 1.0 เราอยู่อันดับ 14 ของประเทศที่ได้ดุลสหรัฐอเมริกา ผ่านไปแป๊บเดียว ขึ้นมาอันดับ 11 เราจึงอยู่ในเรดาร์ที่โดนแน่นอน”“เวียดนามเป็นประเทศแรกที่กระตือรือร้นมาก ตอนนั้นจำได้ไหมครับ? แล้วเวียดนามเดือดร้อนเพราะเจอภาษีทรัมป์ 46% จึงไปเจรจากับสหรัฐฯก่อนเพื่อนเลย แล้วเจรจาแบบหลายครั้ง และใช้นักโน้มน้าวทุกประเภท แล้วปรากฏว่าเขาได้อัตราภาษีก่อนเรา คือ 20%”“ที่เซอร์ไพรส์คือเวียดนามยอมหมด 0% ทุกรายการของสินค้าสหรัฐอเมริกาที่นำเข้า กดดันทีมเจรจามาก ทีนี้กลับมาคำถามว่า แล้วภาคเอกชนเนี่ย เรามีส่วนร่วมกับการเจรจาหรือการพูดคุยกันอย่างไร ของไทยมีการแต่งตั้งทีมไทยแลนด์ โดยหัวหน้าทีมไทยแลนด์ นี่คือปลัดกระทรวงพาณิชย์ อันนี้เป็นตัวหลักนะครับ แต่ว่าเอกชนเนี่ย เราก็เป็นทีมเข้าไปช่วยเหลือเพราะว่าข้อมูลต่างๆ มันต้องมาพูดคุยกัน อะไรยอมได้ อะไรยอมไม่ได้ วันที่สองเขาประกาศเวียดนาม แล้วเวียดนามยอมทุกอย่าง แล้ววันที่สามเราไป วันนั้นนะ ผมเรียน เราเตรียมไปแค่ 60% กว่าของรายการทั้งหมดที่นำเข้าจากสหรัฐ อเมริกาที่จะให้ภาษี 0%”“เพราะฉะนั้น วันนั้นไปปั๊บเนี่ย เสร็จ ถูกกดดัน เขาก็เอาเงื่อนไขของเวียดนามที่เพิ่งสำเร็จมาบอก เฮ้ย รายการของคุณนี่น้อยมาก เทียบกับเวียดนามไม่ได้ เพราะฉะนั้นให้กลับไปทำการบ้านใหม่ เพราะฉะนั้นมันก็กดดัน เพราะฉะนั้นท่านพิชัย ชุณหวชิร รองนายก รัฐมนตรีและ รมว.คลังในช่วงนั้น (รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร) ซึ่งนำทีมไปเจรจากับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ก็ต้องรีบเดินทางกลับทันที เพื่อกลับมาวางแผนคุยกัน”“ถามว่าเราได้ทำงานร่วมกันใกล้ชิดไหม ผมคิดว่า ภาครัฐและภาคเอกชนครั้งนี้ โดนแพ็กเป็นทีมเดียวกัน ทีมไทยแลนด์ ความหมายไม่ใช่ภาครัฐ แต่เป็นภาครัฐบวกเอกชน เราก็ช่วยกันทำ ก็ต้องขอบคุณทีมงาน เราต้องให้เครดิตทีมไทยแลนด์ ซึ่งนำโดยท่านรองนายกฯพิชัย ชุณหวชิร และทุกคนที่อยู่เบื้องหลังอีกมาก มาย ที่มีส่วนร่วมที่ทำให้ตัวเลขออกมาได้ 19% ครับ”.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม