“สีหศักดิ์” โชว์ฟอร์มกลางที่ประชุมยูเอ็นจีเอ ตอกหน้ากัมพูชาชอบอ้างตัวเป็นเหยื่อทั้งที่บิดเบือนความจริงตลอด ชี้เหยื่อตัวจริงคือทหารไทยที่สูญเสียขาจากทุ่นระเบิด-เด็ก-ผู้บริสุทธิ์ที่ตายด้วยลูกปืนใหญ่ รวมถึง “บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” ไทยให้ที่พักพิงกัมพูชาบนหลักการพื้นฐานความเป็นมนุษย์ หลังซมซานหนีภัยสงครามกลางเมือง แต่พอปิดศูนย์ฯ กลับยังอยู่ต่อ ซ้ำรุกล้ำดินแดนไทยเพิ่ม ซัดพูดไม่ตรงกับการกระทำที่บ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดน ย้ำไทยยืนหยัดเพื่อสันติภาพควบคู่กับการปกป้องอธิปไตยของชาติ ได้รับเสียงปรบมือกึกก้องในที่ประชุม ขณะที่โฆษก ทบ.ตามตอกซ้ำ ยันด้วยหลักฐานฝั่งกัมพูชาจัดฉากสร้างภาพเป็นขบวนการ จี้คณะ IOT ให้ความสำคัญตรวจสอบจริงจัง กรณีกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดสังหาร ละเมิดอนุสัญญาฯ ขัดต่อหลักมนุษยธรรมอย่างรุนแรง ไม่ใช่ทำตามที่อีกฝ่ายชี้นำในที่สุดประเทศไทยก็ได้ตอบโต้กัมพูชาบนเวทีโลกอย่างจะแจ้ง นับตั้งแต่เกิดเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อช่วงกลางเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ตามด้วยปลายเดือนเดียวกัน พลเรือนไทยในหลายจังหวัดอีสานใต้ถูกกัมพูชาโจมตีด้วยจรวด BM-21 โดยเมื่อเช้าวันที่ 27 ก.ย.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับวันที่ 28 ก.ย.ตามเวลาไทย นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ (รมว.กต.) ของไทย กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นจีเอ สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐ อเมริกา โดยถ้อยคำตอนหนึ่งระบุถึงสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชาว่า สถานการณ์ปัจจุบันกับกัมพูชาไม่น่าพึงปรารถนา ไม่เป็นผลดีต่อทั้ง 2 ฝ่าย สันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรือง ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ วันนี้ตั้งใจพูดเชิงบวกเพื่อสะท้อนถึงความหวังสำหรับอนาคต แต่ต้องเขียนคำปราศรัยใหม่ เพราะผู้แทนกัมพูชายังคงแสดงตนว่าเป็นฝ่ายที่ตกเป็นเหยื่ออย่างต่อเนื่อง ทั้งที่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นการบิดเบือนความจริง“เรารู้ว่าใครเป็นเหยื่อที่แท้จริง พวกเขาคือทหารไทยที่สูญเสียขาจากการเหยียบทุ่นระเบิด เด็กนักเรียนที่โรงเรียนถูกยิงถล่มด้วยปืนใหญ่ และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่กำลังซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อและถูกจรวดของกัมพูชายิงโจมตี” นายสีหศักดิ์กล่าว และว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้พูดคุยกับผู้แทนกัมพูชาที่ห้องประชุมใหญ่ของสหประชาชาติ เรื่องสันติภาพ การเจรจา ความไว้ใจกันและกัน และความเชื่อมั่น แต่วันนี้ฝ่ายกัมพูชากลับพูดในสิ่งที่ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงแสดงให้เห็นถึงเจตนาที่แท้จริงของกัมพูชา ข้อกล่าวหาต่างๆที่เกินจริง และไร้สาระ จนกลายเป็นการเยาะเย้ยต่อความจริง“หมู่บ้านที่ตัวแทนกัมพูชากล่าวถึงก่อนหน้านี้ตั้งอยู่ในดินแดนไทย หมู่บ้านเหล่านี้มีอยู่ได้เพราะประเทศไทยให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมด้วยการเปิดพรมแดนในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนหลบหนีภัยสงครามในประเทศเข้ามาลี้ภัย ไทยตัดสินใจเช่นนี้เพราะเห็นอกเห็นใจบนหลักการพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ และผมเคยเห็นภาพเหล่านี้กับตาสมัยยังเป็นนักการทูตหนุ่ม” รมว.กต.กล่าวย้ำกลางที่ประชุม และยืนยันว่าแม้สงครามกลางเมืองกัมพูชาจบลงและมีการปิดศูนย์พักพิง แต่หมู่บ้านของชาวกัมพูชากลับขยายขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา แม้ไทยประท้วงรัฐบาลกัมพูชาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กัมพูชาก็เพิกเฉยที่จะแก้ไขปัญหาการรุกล้ำดินแดนนี้รมว.กต.ยังกล่าวถึงการหยุดยิงว่า ต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการดำเนินการอย่างจริงใจจากทั้งสองฝ่าย น่าเสียดายที่กัมพูชายังคงกระทำการยั่วยุอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเคลื่อนย้ายและระดมพลเรือนเข้ามาในดินแดนไทย และการยิงใส่ฝั่งไทยเมื่อเร็วๆนี้ ได้บ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดน เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.ที่ทหารกัมพูชายิงใส่ทหารไทยที่ประจำการอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงเหตุการณ์ล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้น ในวันที่ 27 ก.ย.ตามเวลาในไทย รวมทั้งส่งโดรนรุกล้ำดินแดนไทยเป็นประจำทุกวัน การกระทำเหล่านี้เป็นการละเมิดอธิปไตยของไทยและข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อในการประชุมพิเศษที่มาเลเซีย และเป็นข้อตกลงที่มีการยืนยันอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ หรือจีบีซีทั้งนี้ นายสีหศักดิ์ย้ำว่าไทยยืนหยัดเพื่อสันติภาพ มาโดยตลอด จะยืนหยัดเรื่องนี้ต่อไป ขณะเดียวกันไทยก็พร้อมมุ่งมั่นและแน่วแน่ในการปกป้องอธิปไตยของตน ขอเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือแก้ไขความแตกต่างและข้อขัดแย้งผ่านการเจรจาอย่างสันติ และกลไกต่างๆที่มีอยู่ในขณะนี้ วันนี้ประเทศทั้งสองต้องเผชิญกับทางเลือกที่สำคัญ ในฐานะเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดและในฐานะมิตร ไทยขอถามกัมพูชาว่าจะเลือกเส้นทางใด ระหว่างเส้นทางแห่งการเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่อง หรือเส้นทางแห่งสันติภาพและความร่วมมือ ไทยเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ แต่กัมพูชามีเจตนาร่วมมือในการแสวงหาสันติภาพหรือไม่ หลังจบคำพูด ก็ได้รับเสียงปรบมือกึกก้องในที่ประชุมด้วยต่อมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงถ้อยแถลงของนายสีหศักดิ์ดังกล่าว จะทำให้คนไทยเชื่อมั่นต่อจุดยืนของรัฐบาล ท่านทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ และเราอดทนต่อการยั่วยุแบบนี้ได้มากเท่าไหร่ยิ่งทำให้นานาชาติเห็นว่าไทยเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง ตนจะไม่ยอมให้มีการสูญเสียอธิปไตย ที่ผ่านมาตนควบคุมฝ่ายปกครอง ไม่สามารถเชื่อมต่อกับฝ่ายทหารได้เต็มร้อย แต่ตอนนี้ นายกฯต้องดูเอง ฉะนั้น ทหาร ฝ่ายปกครอง ตำรวจขึ้นอยู่กับตน จะให้ 3 กำลังผนึกเป็นหนึ่งเดียวดูแลความปลอดภัยประชาชน ดูแลไม่ให้ประเทศไทยถูกรุกรานขณะที่พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก (ทบ.) ได้สรุปสถานการณ์ที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีการบันทึกเวลาไว้ตั้งแต่ต้นคือ 11.55 น. ตรวจพบเสียงปืน ค.และปืนกลจากฝ่ายกัมพูชา บริเวณเนิน 677 เวลา 12.00 น. ตรวจพบเสียงยิง ค. จากเนิน 677 ไปยังเนิน 600 เวลา 11.55-12.07 น.ฝ่ายกัมพูชายิงเครื่องยิงลูกระเบิด 40 มม.และปืนเล็กยาวใส่เนิน 600 เวลา 12.10 น. ฝ่ายกัมพูชายิงปืนกล 93 ใส่เนิน 527 (3 ชุด ชุดละ 5 นัด) ฝ่ายไทยยิงตอบโต้ เวลา 12.16 น.ฝ่ายกัมพูชายิงปืนเล็กยาวใส่เนิน 600 ฝ่ายไทยยิงตอบโต้ เวลา 12.23-12.35 น.ฝ่ายกัมพูชายิงปืนไม่ทราบชนิด 3 นัด และ ค. รวม 11 นัด จากพื้นที่ช่องอานม้า ไม่ทราบเป้าหมาย เวลา 13.00 น.ฝ่ายกัมพูชาแจ้งว่าจะมีคณะ IOT กัมพูชาเดินทางเข้าพื้นที่ช่องอานม้าในช่วงบ่าย เวลา 13.15 น. พลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ออกมาแถลงชี้แจงในทันทีหลังเหตุการณ์ยิงยั่วยุของฝ่ายกัมพูชาบิดเบือนว่าฝ่ายไทยโจมตีไปยังฐานทหารกัมพูชา จากนั้นสมเด็จฯ ฮุน เซน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเพื่อขยายผลเหตุการณ์ดังกล่าว กระทั่งเวลา 13.30 น.พื้นที่ช่องอานม้าไม่ปรากฏการยิงเพิ่มเติมโฆษกกองทัพบกกล่าวว่า เมื่อประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างถี่ถ้วนแล้ว พบว่ามีลักษณะการทำงานที่ดูประสานสอดคล้องกันจนผิดธรรมชาติ ชี้ให้เห็นถึงการเตรียมวางแผนล่วงหน้า เริ่มจากยั่วยุด้วยอาวุธที่มุ่งหวังบันทึกภาพ และบิดเบือนว่าฝ่ายไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง สอดรับกับการนัดหมายให้คณะ IOT กัมพูชาเข้ามาในพื้นที่ และปิดท้ายด้วยการแถลงชี้แจงกล่าวหาฝ่ายไทย พร้อมสร้างภาพว่าเป็นผู้ถูกกระทำ ทั้งที่การลักลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งละเมิดอนุสัญญาออตตาวา เป็นการใช้อาวุธแบบซ่อนรูป ขัดต่อหลักมนุษยธรรมอย่างรุนแรง ควรจะเป็นประเด็นหลักที่คณะ IOT ต้องให้ความสำคัญตรวจสอบอย่างจริงจัง ในระยะหลังสังคมจะเห็นเพียงภาพคณะ IOT ฝั่งกัมพูชา เหมือนจะลงสังเกตการณ์เฉพาะในพื้นที่ตามที่ฝ่ายกัมพูชาชี้ให้เป็นหลัก ดังเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน หลายฝ่ายมองว่าเป็นการจัดฉากขึ้นมาอย่างเป็นระบบชัดเจนนอกจากนี้ โฆษก ทบ.ยังตอบโต้นายเฮง รัตนา ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติกัมพูชา (CMAC) ที่โพสต์ข้อความกล่าวหาทหารไทยยิงปืนใหญ่เข้ามาในกัมพูชาและโพสต์รูปหลุมระเบิดว่า รูปดังกล่าวเป็นรูปเก่าที่เคยใช้บิดเบือนกล่าวหาไทยเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ลักษณะของหลุมและสภาพแวดล้อมโดยรอบไม่ใกล้เคียงกับหลุมระเบิดจริง ทั้งขนาดของหลุม และรัศมีการกระจายตัวของระเบิด ล้วนไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงทั้งสิ้นส่วนบนยอดภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วันเดียวกัน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้นำกำลังพลเชิญธงชาติไทย และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย เป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทย และสดุดีวีรชนทหารกล้าผู้เสียสละเลือดเนื้อและชีวิต เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติไทย จากนั้นศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวัน ณ เวลา 14.00 น. ตรวจพบความ เคลื่อนไหวของกองทัพกัมพูชาในพื้นที่ชายแดนอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดพบสัญญาณการบินของโดรนตรวจการณ์จำนวน 2 ครั้ง พื้นที่ช่องอานม้า 2 ลำ และพื้นที่ภูมะเขือ 1 ลำขณะที่บรรยากาศที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ในช่วงสาย ชาวอำเภอแกลง จ.จันทบุรี ทุกเพศทุกวัยกว่า 200 คน รวมตัวจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เพื่อแสดงออกถึงความรักชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการชูธงชาติไทยผืนใหญ่ และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย เพลงสรรเสริญพระบารมี ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ พร้อมโบกธงไตรรงค์ขนาดเล็ก-ใหญ่ ประกอบการทำกิจกรรมด้านบ้านหนองหญ้าแก้ว ที่อยู่ใกล้เคียงกัน บรรยากาศโดยรวมยังสงบเงียบ มีเพียงทหารกัมพูชาประจำการอยู่ราว 10-20 นาย ไม่มีการรวมกลุ่มคนกัมพูชาใดๆ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ได้นำป้ายประกาศ 3 ภาษา ไปปิดประกาศอีกครั้ง โดยหันป้ายไปทางฝั่งกัมพูชา ให้ชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ภายในวันที่ 10 ต.ค.นี้ หากไม่ออกจากพื้นที่จะเข้าจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่