นายตำรวจชั้นสัญญาบัตรรู้สึกไม่สบายใจในการบริหารงานของผู้เป็นนาย เขียนจดหมายระบายความเห็นเกี่ยวกับนโยบาย ลาออกก่อนเกษียณ (เออร์ลี่รีไทร์) ห้วงตุลาคมของทุกปีให้ข้าราชการตำรวจได้รับการเพิ่มยศเพื่อเป็นกำลังใจตอบแทนในการตรากตรำทำงานรับใช้ต้นสังกัดทว่าในปี 2568 นโยบาย “เออร์ลี่รีไทร์” กลับมีวาระเดือนเมษายน บางท่านได้รับยศเลื่อนตำแหน่งมาไม่กี่เดือนช่วงต้นปี 2567 กลับมายื่น “ไขก๊อก” ทำให้ได้รับยศเพิ่มขึ้นแล้วไม่มีการแต่งตั้งคนมาทดแทนมีข่าวว่า ผู้กุมอำนาจบางคนต้องการจะเอาอกเอาใจเพื่อนร่วมรุ่นใกล้เกษียณเป็นพิเศษให้ได้รับยศเพิ่มสูงขึ้น เป็นเหตุให้อีก 6 เดือนที่เหลือ หน่วยงานที่ข้าราชการตำรวจเป็นหัวหน้าเข้าโครงการ “เออร์ลี่รีไทร์” จะไม่มีคนทำงานคนรักษาการแทนไม่กล้าทำอะไรที่ผูกพันตัวเอง กลัวมีปัญหาในการบริหารงานหน่วยจะให้ลงนามอนุมัติอะไรต้องตามตัว ยึกยักไม่กล้าบ่อยเข้าลูกน้องบ่นมากมาย งานไม่ออก เต้นฟุตเวิร์กอย่างเดียวท่านผู้มีอำนาจคงไม่รู้ว่า หน่วยงานระดับภูธรภาค หรือภูธรจังหวัดเดือดร้อนกันขนาดไหนบางคนติดยศ พล.ต.ต. พอดี 3-4 เดือนได้ยศ พล.ต.ท.อวยกันเข้าไป คุณงามความดีแทบไม่มี ทั้งที่วาระตุลาคมกำหนดให้ “เออร์ลี่รีไทร์” อยู่แล้วนโยบายของใคร คิดได้อย่างไร แทนที่จะไปพัฒนางานสอบสวนที่กำลังเป็นปัญหาร้อนในปัจจุบันเสียงบ่นของหลายคนยังบอกว่า ติดยศ พล.ต.ต.มาแล้ว 6-7 ปี ยังไม่ได้เลื่อนยศ พล.ต.ท. แต่โดนคนติดยศ พล.ต.ต.แค่ 3-4 เดือนแซงหน้าติด พล.ต.ท.ไปก่อนแล้วฝาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. และ ก.ตร.ช่วยทบทวนความเหมาะสมที่ต้องมีหลักการ ไม่ใช่เป็นการเลือกปฏิบัติ."สหบาท"คลิกอ่านคอลัมน์ “ส่องตำรวจ” เพิ่มเติม