ปิดประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยหุ้นส่วนระดับโลกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมหลอกลวงทางอินเตอร์เน็ต (IC-GPOS) ผู้แทนจาก 58 ประเทศออก “แถลงการณ์ร่วมกรุงเทพฯ 2025” จำนวน 6 ข้อ ยกระดับความร่วมมือต่อต้านองค์กรอาชญากรรมระดับโลก สแกมออนไลน์ ต้นเหตุใหญ่อาชญากรรมข้ามชาติหลากหลายรูปแบบ ทั้งหลอกลวงทางการเงิน ฟอกเงิน ค้ามนุษย์ ทุจริต คอร์รัปชัน ภัยคุกคามร้ายแรงต่อมวลมนุษยชาติ “หลิว จงอี้” มือปราบแก๊งสแกมเมอร์ของจีน ประสานความร่วมมือกองทัพบก แก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ หลังพบการโยกย้ายเครือข่ายผ่านไทยหลังถูกปราบปรามอย่างหนัก ซัด“รัฐบาลกัมพูชา”มีผลประโยชน์ร่วมเชื่อมโยงขบวนการสแกมเมอร์หลายมิติ ชมความร่วมมือ “ไทย-เมียนมา-จีน” กวาดล้างศูนย์สแกมเมอร์เคเคปาร์คสิ้นซาก จับกุมผู้ต้องหาจีนได้กว่า 6,600คนที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. กระทรวงการต่างประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยหุ้นส่วนระดับโลกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมหลอกลวงทางอินเตอร์เน็ต (IC-GPOS) เป็นวันที่สอง มีตัวแทนประเทศต่างๆเข้าร่วมประชุม 338 คน จาก 58 ประเทศ ทั้งจากสหภาพยุโรป 5 องค์กรระหว่างประเทศ ภาคประชาสังคม และภาควิชาการ แต่ประเทศกัมพูชาไม่ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมด้วยหลังการประชุมทั้ง 58 ประเทศเห็นพ้องแถลงการณ์ร่วมกรุงเทพฯต่อต้านการหลอกลวงทางออนไลน์ ยกระดับความร่วมมือระดับโลก นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวปิดประชุมพร้อมอ่านแถลงการณ์ร่วมกรุงเทพฯว่า ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมลงเรือลำเดียวกัน ในความร่วมมือระดับโลกต่อต้านสแกมออนไลน์ นับเป็นเวทีที่มีประโยชน์สำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความมุ่งมั่นร่วมกันในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ ที่บ่อนทำลายสิทธิมนุษยชน ทำลายความเชื่อมั่นในสถาบัน ก่อให้เกิดความเสียหายทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างร้ายแรงต่อบุคคลและชุมชนนายวิชาวัฒน์กล่าวต่อว่าทั้งหมดนี้เป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือระดับโลก เพื่อเชื่อมโยงการเมืองกับความร่วมมือในทางปฏิบัติข้ามเขตอำนาจและภาคส่วนต่างๆที่สร้างบนกรอบกฎหมายและข้อบังคับที่มีอยู่ เพื่อรักษาระดับความมุ่งมั่นของเราไปสู่การดำเนินการในประเทศต่างๆ ด้วยจิตวิญญาณที่ชัดเจน เน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการเปลี่ยนจากการตระหนักรู้ไปสู่การลงมือปฏิบัติ ต่อไปนี้คือ 6 ประเด็นหลักนำพาความร่วมมือระดับโลกนี้ไปข้างหน้า1.รักษาความมุ่งมั่นทางการเมืองและการดำเนินการของภาครัฐอย่างครบถ้วน ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ในวาระแห่งชาติของแต่ละประเทศอย่างแน่นอน ด้วยการประสานงานของผู้นำที่ชัดเจนและทรัพยากรที่เพียงพอ 2.เสริมสร้างความเข้มแข็งการบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมข้ามพรมแดน ตั้งแต่การสืบสวนไปจนถึงการดำเนินคดี ควรทำให้รวดเร็วครอบคลุมถึงระดับปฏิบัติตลอดทั้งห่วงโซ่ ตั้งแต่สืบสวน การส่งต่อคดีไปจนถึงความช่วยเหลือทางกฎหมาย การดำเนินคดีร่วมกัน ป้องกันไม่ให้ผู้กระทำผิดใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายที่หมายถึงการแก้ไขปัญหาเฉพาะด้าน แบ่งปันข้อมูลและหลักฐานอย่างทันท่วงที การรักษาหลักฐานดิจิทัลจากหลายแพลตฟอร์ม และการรับรองการยอมรับหลักฐานดิจิทัลในศาล 3.ส่งเสริมแนวทางเน้นผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง เฉพาะอย่างยิ่งการค้ามนุษย์ ต้องปรับปรุงการช่วยเหลือด้านการคุ้มครองตัวตน ส่งกลับ รวมถึงให้ความช่วยเหลือและส่งต่อข้ามพรมแดนอย่างทันท่วงที4.เสริมสร้างมาตรการป้องกันเพื่อแยกเหยื่อออกจากผู้กระทำผิด รวมถึงสถานการณ์ที่เหยื่ออาจถูกบังคับให้กระทำผิด แนวทางปฏิบัติแรกคือ ติดตามเส้นทางการเงินด้วยระบบข่าวกรองทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น การขัดขวางที่รวดเร็วยิ่งขึ้น เสริมสร้างความร่วมมือเพื่อต่อสู้กับกลุ่มอาชญากรที่ใช้ไซเบอร์เป็นเครื่องมือ เช่น ฟอกเงิน ควบคุมการใช้สินทรัพย์ดิจิทัล เช่น สกุลเงินดิจิทัลที่มักใช้โอนเงินที่ได้มาโดยมิชอบ การตรวจจับและขัดขวางการไหลเวียนทางการเงินที่ผิดกฎหมาย รวมถึงสนับสนุนการยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด 5.กระชับความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเพื่อให้เท่าทันเทคโนโลยี ทำลายระบบนิเวศของการหลอกลวง ตามแนวทางของเลขาธิการสหประชาชาติที่ว่า วิกฤติที่เคลื่อนที่เร็ว ย่อมต้องการการตอบสนองที่รวดเร็วเช่นกัน และ 6.ลงทุนป้องกันและสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่สาธารณชน“นอกเหนือจากการปราบปรามแล้ว ต้องป้องกันการตกเป็นเหยื่อผ่านแคมเปญสื่อสารความเสี่ยงที่ประสานงานเพื่อเพิ่มพูนการรู้เท่าทันดิจิทัล การเข้าถึงชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางความเสี่ยงสูง การดำเนินงานนี้ควรทำภายใต้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับภาคเอกชน เช่น ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีศักยภาพในการเสริมสร้างการคุ้มครองผู้ใช้งาน ตรวจสอบและตรวจจับรูปแบบการฉ้อโกงออนไลน์เพื่อกำจัดเนื้อหาหลอกลวงและปรับปรุงกลไกการรายงานเหตุ ดังนั้นขอประกาศว่า แถลงการณ์กรุงเทพฯปี 2025 ได้รับการรับรองอย่างครอบคลุมแล้ว คณะผู้แทนบางคณะอาจต้องการเวลาพิจารณาเพิ่มเติม แถลงการณ์ร่วมนี้จึงเปิดกว้างสำหรับความร่วมมือในอนาคต คณะผู้แทนอาจแจ้งให้สำนักเลขาธิการทราบหลังการประชุมสิ้นสุด หากมีข้อขัดแย้ง แต่คิดว่าหากพิจารณาแถลงการณ์ร่วมนี้อย่างละเอียดแล้ว จะเห็นว่าหลักการเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เราทุกคนมีร่วมกัน” นายวิชาวัฒน์กล่าวผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศ กล่าวด้วยว่า แถลงการณ์ร่วมนี้ยังคงเปิดกว้างสำหรับการให้การสนับสนุน (Co-sponsorship) ในภายหลัง เป็นโอกาสดีของไทยในการแสดงบทบาทนำ เพื่อส่งเสริมการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ กระชับความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อแก้ไขปัญหาในหลายมิติ นำไปสู่การป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ ทันต่อการใช้เทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ป้องกันไม่ให้ประชาชนชาวไทยและประเทศอื่น ต้องตกเป็นผู้เสียหายของขบวนการอาชญากรรมเหล่านี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แถลงการณ์กรุงเทพฯ ยังระบุว่าสมาชิกหุ้นส่วนระดับโลกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมทางอินเตอร์เน็ต ประกอบด้วย ประเทศไทย บังกลาเทศ เนปาล เปรู และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงภาคเอกชน ได้แก่ ติ๊กต่อก (Tik Tok) ในการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยหุ้นส่วนระดับโลก รับทราบความห่วงกังวลเกี่ยวกับการแพร่ขยายอย่างรวดเร็วของปฏิบัติการโดยศูนย์หลอกลวงทางอินเตอร์เน็ตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคอื่น ที่นำเทคโนโลยีไปใช้ทางที่ผิด ก่ออาชญากรรมข้ามชาติหลายรูปแบบ รวมถึงอาชญากรรมทางไซเบอร์ หลอกลวงทางการเงิน การฟอกเงิน การค้ามนุษย์ การทุจริตคอร์รัปชัน พร้อมรับทราบว่าปัญหานี้เป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อบุคคล ภาคธุรกิจและรัฐบาลทั่วโลก เป็นความท้าทายข้ามชาติต่อความมั่นคง สังคม เศรษฐกิจ และบั่นทอนสิทธิมนุษยชน ความมั่นคงแห่งชาติ ความก้าวหน้าในการพัฒนาที่ยั่งยืน และความไว้วางใจของสาธารณชน ย้ำถึงความเร่งด่วนและความจำเป็นที่รัฐต่างๆ รวมถึงประเทศต้นทาง ประเทศทางผ่านของผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ถูกบังคับให้กระทำอาชญากรรมผ่านสแกมเมอร์ ตลอดจนประเทศที่เป็นที่ตั้งของศูนย์หลอกลวงทางอินเตอร์เน็ต ประเทศที่มีประชาชนถูกหลอกฉ้อโกงที่ต้องให้ความร่วมมือทั้งภายในประเทศและข้ามพรมแดน เพื่อปราบปรามการหลอกลวงทางอินเตอร์เน็ตและอาชญากรรมข้ามชาติที่เกี่ยวข้อง จึงต้องมีแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวผู้สื่อข่าวรายงานวันเดียวกัน กองทัพบกเผยแพร่เอกสารข่าวว่า เมื่อ 17 ธ.ค. พล.อ.ดิเรก บงการ หัวหน้าศูนย์ประสานงานประเทศเพื่อนบ้าน ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก เป็นผู้แทนต้อนรับนายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน และคณะ ที่ห้อง จปร.อาคารพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ กองบัญชาการกองทัพบก หารือสถานการณ์ความมั่นคงและการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ พล.อ.ดิเรกกล่าวว่า ปัจจุบันมีข้อมูลว่ากลุ่มสแกมเมอร์ที่ถูกปราบปรามอาจหลบหนีไปยังพื้นที่อื่น ใช้ไทยเป็นเส้นทางผ่านไปยังประเทศที่ 3 โดยแฝงตัวเข้ามาลักษณะนักท่องเที่ยวหรือนักลงทุน ส่งผลให้การคัดกรองเป็นไปได้ยาก หากได้รับการสนับสนุนข้อมูลหรือเบาะแสจากจีน จะสามารถแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าและสกัดจับอย่างมีประสิทธิภาพด้านนายหลิว จงอี้ แสดงความชื่นชมต่อความร่วมมือระหว่างไทย เมียนมา และจีน ในการกวาดล้างเครือข่ายอาชญากรรมในพื้นที่เมียวดี จับกุมและส่งกลับผู้ต้องหาชาวจีนกว่า 6,600 คน กล่าวว่าปัจจุบันรัฐบาลเมียนมาตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหา ลงพื้นที่ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ตรวจอาคารในเคเคปาร์คกว่า 400 แห่งแล้ว ฝ่ายจีนจึงขอความร่วมมือให้ไทยเพิ่มมาตรการสกัดกั้นผู้กระทำผิดที่พยายามใช้ไทยเป็นเส้นทางผ่าน ทั้งทางธรรมชาติและด่านตรวจคนเข้าเมือง รวมทั้งกล่าวว่าอุปกรณ์ที่ขบวนการสแกมเมอร์ใช้ได้แก่ โทรศัพท์เคลื่อนที่ คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องคือหลักฐานสำคัญที่จะใช้ในการดำเนินคดีและขยายผลเครือข่ายอาชญากรรม จึงต้องดำเนินการเก็บวัตถุพยานอย่างรอบคอบและรัดกุม วิธีดังกล่าวเป็นวิธีที่ทางการจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ทางจีนแสดงความเห็นอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลกัมพูชามีความเชื่อมโยงและมีผลประโยชน์ร่วมกับขบวนการ สแกมเมอร์ในหลายมิติ ดังนั้น จึงขอให้ทั้ง 2 ประเทศแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกัน จำเป็นต้องอาศัยระยะเวลาและมาตรการที่เป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง ดำเนินการ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและเสถียรภาพในภูมิภาคอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่