ดูเหมือนว่านักพยากรณ์เศรษฐกิจทั้งหลายจะเห็นพ้องต้องกันเป็นเอกฉันท์แล้วว่า GDP ของประเทศไทยปี 2569 หรือปีหน้า...จะต่ำกว่าร้อยละ 2 ซึ่งคาดว่าจะเป็นอัตราความเติบโตของปีนี้ (2568) อย่างแน่นอนล่าสุด ที่ผมได้รับแจ้งข่าวก็คือคำพยากรณ์ของ SCB EIC หรือ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ออกมาคาดหมายว่า ตลอดทั้งปี 2569 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตเพียง 1.5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ต่ำที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษ (ไม่นับช่วงวิกฤติ)ผมเองแม้โดยส่วนตัวจะมิได้ให้ความสำคัญแก่ตัวเลข GDP จนเกินเหตุ เพราะยังมีความเชื่อมั่นว่า “เครื่องชี้วัด” ความสำเร็จของการพัฒนาประเทศมิใช่จะอยู่ที่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือรายได้ทางเศรษฐกิจแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นจะต้องคำนึงถึงความสำเร็จหรือความก้าวหน้าของตัวเลขทางด้านสังคม เช่น ด้านการศึกษา การสาธารณสุข ไปจนถึงเรื่องที่อยู่อาศัย ที่ทำมาหากินของเกษตรกร ฯลฯ ไปด้วยผมจึงเห็นด้วยและยอมรับข้อมูลสมัยใหม่ ที่เขาเรียกว่า HDI หรือ Human Development Index ดัชนีการพัฒนามนุษย์ ที่ช่วงหลังๆได้รับความนิยมจากนักพัฒนาทั่วโลกอย่างเป็นเอกฉันท์หรืออย่างของบ้านเราก็มีตัวชี้วัดอีกตัวหนึ่งที่เรียกว่า จปฐ. หรือ “ข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน” (อันเป็นข้อมูลด้านสุขภาพ, การศึกษา, เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมในระดับหมู่บ้านทั่วประเทศไทย) ซึ่งดำเนินการสำรวจโดยกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทยแต่โดยที่ GDP เป็นที่ยอมรับของนักเศรษฐกิจ และนักธุรกิจทั่วโลกและถือเป็น เครื่องมือ ที่ได้รับความนิยมสูงสุด...ผมก็คงจะต้องยอมรับไปด้วย โดยมีหมายเหตุส่วนตัวเอาไว้ดังกล่าวพอดีเมื่อวานนี้เช่นกัน ผมนั่งฟังวิทยุคลื่น FM 100.5 ช่วงเช้าตรู่ รายการ Good Morning ASEAN ได้ยินท่านอาจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม แห่งคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ มาให้สัมภาษณ์ เรื่อง “กับดักประเทศรายได้ปลายกลาง” และแสดงความเป็นห่วงประเทศไทยอย่างมากที่ติด “กับดัก” มากว่า 30 ปีแล้ว เกรงว่าจะ เหมือนกับประเทศที่เคยติด กับดัก เกิน 30 ปี ในอดีตหลายๆประเทศเช่น อาร์เจนตินา, บราซิล, เม็กซิโก ฯลฯ ที่ ขึ้นมาเป็นประเทศรายได้ปานกลาง เกินกว่า 30-10 ไม่สามารถทะลุได้ ทำให้ยังคงเป็นประเทศรายได้ปานกลางอยู่จนถึงบัดนี้ผมจำได้ว่าใน แผนยุทธศาสตร์ 20 ปี (2561-2580) เราตั้งเป้าหมายว่า เราจะก้าวขึ้นเป็นประเทศพัฒนาแล้ว หรือประเทศที่ประชากรมีรายได้สูง ภายในปี พ.ศ.2580 โดยมีการคำนวณกันว่าจะต้องทำให้อัตราความเจริญเติบโตของ GDP เฉลี่ยปีละ 5% เป็นอย่างน้อยเมื่อปรากฏว่า ช่วงที่ผ่านมาเราได้ต่ำ 5 เปอร์เซ็นต์ ตลอดแถมปีนี้จะเหลือแค่ 2 และปีหน้าอาจจะเหลือ 1.5 อย่างที่ว่าแล้วแบบนี้เมื่อไรจะกลับมาทำได้ปีละ 5% ละครับเห็นทีว่าเป้าหมายที่เราจะหลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลางไปสู่ความเป็นประเทศรายได้สูงในปี 2580 หรืออีก 12 ปีจากนี้ไปคงจะหมดหวังเสียแล้วที่หยิบยกมาเขียนวันนี้ก็ไม่ได้มีเจตนาจะซํ้าเติมใครที่ทำให้ประเทศไทยของเราไม่สามารถจะก้าวไปได้ไกลกว่านี้เพียงแค่นึกขึ้นมาได้ว่า น่าจะถึงเวลาที่เราจะต้องยอมรับความจริงแล้วกระมังว่า การจะเป็นประเทศรายได้สูงด้วยการปั๊มหรือการลงทุนมหาศาลต่างๆคงจะเป็นเรื่องยากเสียแล้วสำหรับไทยแลนด์อาจจำเป็นต้องหันมาพึงพอใจกับการเป็นประเทศ “รายได้ปานกลาง” เท่าที่เป็นอยู่ แต่สามารถทำให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขเป็นส่วนใหญ่...ช่องว่างต่างๆไม่ห่างกันเกินไป และดัชนีพัฒนามนุษย์ HDI อยู่ในเกณฑ์ดีขึ้น และพวก จปฐ. ทั้งหลายก็ดีขึ้นหันมาลงทุนพัฒนาด้านสังคมให้มากขึ้นว่างั้นเถิดหยุดฝันอะไรที่เกินตัวกันเสียบ้าง อาจจะเป็นการดีต่อการพัฒนาประเทศโดยส่วนรวมก็ได้นะครับ."ซูม"คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม