“บัญชีม้า”...คำนี้สังคมไทยคุ้นหู มานานหลายสิบปีถูกพูดถึงครั้งแล้วครั้งเล่าในข่าวอาชญากรรม การฉ้อโกง การฟอกเงิน หรือแม้แต่คดีหลอกลวงออนไลน์ที่บูมขึ้นอย่าง รุนแรงในยุคดิจิทัล...เงื่อนปมสำคัญที่เป็นวิกฤติซ้ำซ้อนและเป็นความจริง ที่สังคมต้องเผชิญจากอดีตที่บัญชีม้าเป็นเพียงเครื่องมือของกลุ่มมิจฉาชีพ วันนี้ปัญหากลับซับซ้อนยิ่งขึ้น เมื่อมาตรการกวาดล้างอาชญากรรมทางการเงินโดยการ “อายัดบัญชี” กำลังส่งผลกระทบเป็น “ลูกโซ่” ไปยังประชาชนจำนวนมากที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเมื่อสังคมไทยก้าวสู่ “สังคมไร้เงินสด” การโอนเงินผ่านแอปฯกลายเป็นเรื่องปกติ ขณะเดียวกันก็เปิดช่องให้มิจฉาชีพใช้บัญชีม้าเป็นเส้นทางฟอกเงินอย่างง่ายดายและรวดเร็ว ภาครัฐจึงต้องออกมาตรการเข้มข้น เช่น การอายัดบัญชีต้องสงสัยเพื่อตัดวงจรการโอนแต่วันนี้ ปัญหากลับอยู่ที่...หลายบัญชีที่ถูกอายัดไม่ใช่บัญชีม้า?แม้ว่าการอายัดบัญชีจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการตัดวงทิ้งของการฟอกเงิน แต่หากใช้กว้างๆ โดยขาดการไต่สวนเชิงลึกจะกระทบสิทธิพลเมืองและกระบวนการตรวจสอบย้อนหลังที่ใช้เวลานาน ผู้บริสุทธิ์อาจต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในภาวะที่ตัวเองถูกตัดช่องทางการเงินชั่วคราว คำถามสำคัญมีว่า...ทำไมไม่สืบสาวต้นตอ จับไล่บี้ถึง “เครือข่ายนายหน้า” และ “แก๊ง” ที่อยู่เบื้องหลัง? ผู้สันทัดกรณีภัยไซเบอร์ให้ข้อมูลว่า เรื่องนี้ทำไม่ได้ง่ายๆเพราะเครือข่ายซับซ้อนและกระจายตัว “แก๊งมิจฉาชีพมักเป็นเครือข่ายหลายชั้น...มีผู้ชักชวน...นายหน้าและบัญชีปลายทาง แต่ละชั้นเชื่อมโยงแบบไม่ตรงไปตรงมา ใช้บัญชีหลายชั้นหรือหลายธนาคาร ทำให้ยากต่อการสืบสวนธุรกรรมทั้งหมด...บางครั้งบัญชีม้าอยู่ในประเทศ แต่ผู้บงการอยู่ต่างประเทศ ทำให้ต้องพึ่งความร่วมมือระหว่างประเทศ” ประเด็นต่อมา “ข้อมูลกระจายและไม่พร้อมใช้”...ธนาคารแต่ละแห่งเก็บข้อมูลธุรกรรมและ KYC ของลูกค้า...หรือกระบวนการที่ธนาคารและสถาบันการเงินใช้ในการตรวจสอบและยืนยันตัวตนของลูกค้าอย่างละเอียด เพื่อทราบข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับลูกค้า เช่น ชื่อ ที่อยู่ วันเกิด และเอกสารยืนยันตัวตนปัญหามีว่า...ระบบไม่ได้เชื่อมต่อแบบเรียลไทม์หรือใช้มาตรฐานเดียวกัน ทำให้การสืบสวนต้องรวบรวมข้อมูลจากหลายธนาคาร หลายระบบ ทำให้เกิดความล่าช้า และบางครั้งข้อมูลไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์สืบสาวไปถึง...เครือข่ายผู้บงการสาม...คือความยากในการพิสูจน์เจตนา เจ้าของบัญชีม้าอาจถูกหลอกหรือบังคับ และไม่ได้รู้ว่าบัญชีถูกใช้ผิดกฎหมาย... การไล่ล่าผู้บงการ ต้องพิสูจน์ว่า “รู้เจตนาและตั้งใจใช้บัญชีม้า” ซึ่งหลักฐานทางการเงินเพียงอย่างเดียวมักไม่พอ ต้องมีข้อมูลการสื่อสาร, การสั่งการ หรือพยานยืนยันสี่...เทคโนโลยีและวิธีการของแก๊ง เท่าที่ทราบแก๊งใช้ automation...กระบวนการใช้เทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ในการทำงานให้เป็นไปอย่างอัตโนมัติ ลดการพึ่งพามนุษย์, bot ...โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำงานอัตโนมัติ เลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์ เพื่อทำงานซ้ำๆ...งานซับซ้อนได้รวดเร็วและแม่นยำ และใช้ proxy IP เพื่อโอนเงินหลายบัญชีพร้อมกัน ทำให้ตรวจสอบแบบแมนนวลยาก ข้อนี้สำคัญ...ทำให้การตรวจสอบไม่เห็น IP จริง ช่วยปกปิดตัวตนและตำแหน่งที่ตั้ง เพิ่มความเป็นส่วนตัว เข้าถึงเนื้อหาที่ถูกจำกัดน่าสนใจว่า บางแก๊งใช้ synthetic identity...อัตลักษณ์ปลอม, SIM swap...ปลอมเป็นผู้ใช้บริการเพื่อขอให้ผู้ให้บริการโอนหมายเลขโทรศัพท์ไปยังซิมการ์ดของมิจฉาชีพ เพื่อขโมยข้อมูลสำคัญผ่านรหัสยืนยันตัวตนแบบใช้ครั้งเดียว (OTP) ซึ่งส่งผ่านทางข้อความหรือสายโทรศัพท์ไปยังซิมการ์ดของมิจฉาชีพอีกทั้งยังใช้ข้อมูลปลอม เพื่อเปิดบัญชีใหม่ซ้ำๆ ทำให้เชื่อมโยงไปยังตัวบุคคลจริงทำได้ยากกรณีหากต้องใช้ความร่วมมือระหว่างประเทศก็ทำได้ล่าช้า ให้รู้ไว้ว่า...ธุรกรรมข้ามพรมแดนต้องขอความร่วมมือทางกฎหมาย ขั้นตอนราชการและความแตกต่างของกฎหมายแต่ละประเทศทำให้...ในทางปฏิบัติสืบสวนล่าช้า และแก๊งมักปรับวิธีหลบเลี่ยงทันทีอีกเรื่องที่ต้องพูดถึง นั่นก็คือ...ข้อจำกัดของหน่วยงานบังคับใช้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ...หน่วยไซเบอร์บางครั้ง ขาดเครื่องมือวิเคราะห์เครือข่ายและข้อมูลขนาดใหญ่ การจับผู้ชักชวนหรือเครือข่ายต้นทางต้องใช้ทั้งนิติวิทยาศาสตร์ การวิเคราะห์เครือข่าย และองค์ความรู้ ซึ่งต้องลงทุนสูงและใช้เวลานาน สรุปสั้นๆเข้าใจง่ายๆ “บัญชีม้า” ไม่ใช่แค่ปัญหาของบัญชีปลายทาง แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างของเครือข่ายข้ามพรมแดนและระบบการเงิน แก๊งสามารถซ่อนตัวได้หลายชั้น และใช้เทคโนโลยีหลบการตรวจจับ ทำให้แม้ปิดบัญชีปลายทางได้เยอะ ก็ยัง...ตามไล่จับนายหน้าและตัวการหลักได้ยากขณะที่ความเสียหายยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่หยุดไม่หย่อน อย่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรายงานไว้ว่า มีการระงับบัญชีม้ามากกว่า 1.3—1.6 ล้านบัญชี ในช่วงปี 2566—2567...ขณะที่ภาพสะท้อนความเสียหายทางเศรษฐกิจ รายงานจากหลายแหล่งประเมินว่า ความสูญเสียจากสแกมและการฟอกเงินผ่านบัญชีม้าในไทย ทะลุ 60,000 ล้านบาท (ปี 2022—2024)สะท้อนให้เห็นว่า “บัญชีม้า” เป็นโครงข่ายสำคัญของ “อาชญากรรมไซเบอร์” ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า...เครือข่ายบัญชีม้าเชื่อมโยงกับศูนย์สแกมข้ามพรมแดน เช่น ชายแดนไทย...เมียนมา...มีรายงานการบังคับใช้แรงงานจำนวนมากในอุตสาหกรรมสแกม ทำให้ปัญหานี้ไม่ใช่แค่การเงิน แต่ยังเชื่อมโยงกับ “การค้ามนุษย์” และ “อาชญากรรมข้ามชาติ”“บัญชีม้า” กำลังกลายเป็น “ระเบิดเวลา” ของสังคมไทยจริงๆ.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม