ผลประชุม GBC สมัยพิเศษที่เกาะกง ไทย-กัมพูชาเห็นชอบร่วมกัน 5 ข้อ ถอนอาวุธหนักจากชายแดนกลับไปที่ตั้งปกติ กัมพูชายอมเก็บกู้วัตถุระเบิดและเริ่มดำเนินการทันทีภายใน 1 เดือน และยังยอมแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ขั้นเด็ดขาด โดยฝ่ายไทยส่งพิกัดสแกมเซ็นเตอร์กว่า 60 แห่งให้ดำเนินการ เล็งเปิดด่านบางจุดในบางพื้นที่ที่ไม่มีปัญหาด้านความมั่นคง แจงประเทศที่สามบีบเปิดด่านจันทบุรี-ตราด ส่วนเรื่องการรุกล้ำบ้านหนองจาน กัมพูชาขอเข้าสู่การประชุม JBC เคลียร์แผนที่และตรวจสอบเขตแดนให้ชัดเจนผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา วาระพิเศษ ที่มีขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 10 ก.ย. ผลสรุปว่าทั้งสองฝ่ายได้ข้อยุติด้วยดีและเห็นชอบข้อตกลงร่วมกันทั้งหมด 5 ข้อ โดย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ว่าที่ รมว.กลาโหม รักษาการในตำแหน่ง รมช.กลาโหม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ร่วมกับ พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่เกาะกง ประเทศกัมพูชา ที่ประชุมมีประเด็นหลักในหลายด้าน ทั้งการติดตามความคืบหน้าการจัดทำข้อตกลงหยุดยิงและผลลัพธ์จากการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC สมัยวิสามัญ การหารือมาตรการลดความตึงเครียด ลดระดับการใช้กำลังทหารและการยุติวาทกรรมยั่วยุ ฟื้นฟูความเชื่อมั่นระหว่างกัน ความร่วมมือในทางปฏิบัติ เช่น การเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การบริหารจัดการชายแดน รวมถึงกำหนดกรอบภารกิจของการประชุม RBC และ GBC ครั้งถัดไปสำหรับคณะผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุม ประกอบด้วย พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.นนทรี อินทรสาลี รองผบ.สส.สูงสุด นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ด้านกิจการความมั่นคงภายใน นายวรณัฐ คงเมือง รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.อ.กันตพจน์ เศรษฐารัศมี ผอ.สำนักนโยบายและแผนกลาโหม พล.อ.ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เสนาธิการทหารเรือ พล.อ.อ.วชิระพล เมืองน้อย เสนาธิการทหารอากาศ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจ พล.ท.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหารและเลขานุการ GBC พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 และประธานร่วม RBC ฝ่ายไทย พล.ต.วีระยุทธ รักศิลป์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้แทนแม่ทัพภาคที่ 2 ร่วมการประชุมอย่างเป็นทางการต่อมาเวลา 12.30 น.พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาการ รมช.กลาโหม แถลงผลประชุม GBC สมัยพิเศษฯ ที่ห้องกฤษณะ โรงแรมเซ็นทารา ชานทะเลแอนด์วิลล่า จ.ตราด ว่า การหารือวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่นที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าหลายด้าน ถือเป็นความสำเร็จใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างกัน สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันและเป็นพัฒนาการสำคัญ คือ 1.การถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดน กลับสู่ที่ตั้งปกติ โดยฝ่ายเลขานุการจีบีซี และอาร์บีซี จะหารือกันภายใน 3 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนดำเนินการ และเริ่มเคลื่อนย้ายกำลังตามกรอบเวลาที่กำหนด โดยให้คณะผู้สังเกตการณ์ (IOT) มาร่วมสังเกตการณ์ 2.การเก็บกู้วัตถุระเบิดจะมีการตั้งคณะประสานงานร่วม ภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนเก็บกู้ทุ่นระเบิดและแผนนำร่องตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มดำเนินการทันทีภายใน 1 เดือนรมช.กลาโหมแถลงต่อว่า ข้อ 3. การปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์หรือสแกมเมอร์ มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติของทั้ง 2 ฝ่าย ตั้งคณะทำงานภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติงานร่วมกัน ฝ่ายไทยส่งมอบข้อมูลพิกัด ที่ตั้งสแกมเซ็นเตอร์กว่า 60 แห่ง ให้กัมพูชาไปปราบปรามขั้นเด็ดขาด ซึ่งผู้แทนของตำรวจไทยและรองผู้บัญชาการตำรวจกัมพูชา ได้หารือกันนอกรอบ เพื่อนัดหมายการประชุมประสานงานตามข้อตกลงนี้เรียบร้อยแล้ว โดยมีกำหนดการวันที่ 16 ก.ย.ที่จังหวัดสระแก้วพล.อ.ณัฐพลแถลงอีกว่า ข้อ 4.กรณีบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะ กมธ.เขต แดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา หารือเพื่อให้เกิดความชัดเจน เกี่ยวกับพื้นที่ดังกล่าว และให้ RBC หารือแนวทางการบริหารจัดการบนพื้นฐานผลการหารือในกรอบ GBC โดยให้ผู้ว่าฯสระแก้ว และผู้ว่าฯจังหวัด บันเตียเมียนเจย ประสานงานกันเพื่อการบริหารจัดการสถานการณ์ให้เกิดความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้ หากโมเดลนี้ประสบความสำเร็จ จะนำไปใช้บริหารจัดการพื้นที่อื่น ซึ่งมีปัญหาในลักษณะเดียวกัน 5.หารือการผ่อนปรนผ่านแดนบางประเภท บางจุด และระหว่างที่สถานการณ์ไม่เป็นปกติ เพื่อลดผลกระทบภาคธุรกิจ การขนส่งข้ามแดน โดยมอบหมายให้กลไก RBC ไปหารือความเป็นไปได้ในการอนุญาตให้มีการขนส่งสินค้าจุดผ่านแดนบางจุดที่ไม่มีปัญหาด้านความมั่นคง โดยอาจเริ่มดำเนินการที่จุดผ่านแดนถาวรจันทบุรี และตราดพล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ทั้ง 2 ฝ่าย กำหนดแนวทางการดำเนินการใน 2 เรื่อง ที่ไทยให้ความสำคัญ แต่ก่อนหน้านี้ฝ่ายกัมพูชายังไม่เคยตอบรับ ได้แก่ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการปราบปรามสแกมเมอร์ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยจะติดตามกับฝ่ายกัมพูชา ให้ดำเนินการตามที่ตกลงโดยเร็ว โดยการประชุม จีบีซีครั้งต่อไปจะกำหนดขึ้นภายใน 30วัน โดยมีฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพพล.อ.ณัฐพลกล่าวต่อว่า รับทราบแนวทางจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ ที่ได้เน้นย้ำเรื่องปกป้องอธิปไตยต้องมาเป็นอันดับแรก และให้ความสำคัญกับบทบาทกองทัพในการป้องกันประเทศ พร้อมให้ดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน ตนมีวิธีที่จะบริหารจัดการแบ่งโซนพื้นที่ตามความตึงเครียดของสถานการณ์ โซนที่ 1 มีความตึงเครียดสูง คือพื้นที่กองทัพภาค 2 อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ โซนที่ 2 พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 จ.สระแก้ว พื้นที่โซนที่ 3 จ.จันทบุรี ตราด ดูสถานการณ์ในระดับความตึงเครียด จึงได้ดำเนินการในโซนที่ 3 ก่อน และมอบหมายให้กองกำลัง จันทบุรี-ตราด ไปพิจารณาดำเนินการ เพราะเป็นมาตรการทางด้านความมั่นคง โดยให้ประสานงานในพื้นที่กับกรมศุลกากร กระทรวงพาณิชย์ และอุตสาหกรรมสนับสนุนข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางที่นำมาเจรจากันพล.อ.ณัฐพลให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการผ่อนปรนการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ขอย้ำว่าไม่ได้ผ่อนปรนบุคคล แต่เป็นการผ่อนปรนขนส่งสินค้า ในส่วนของบุคคลยังไม่สามารถเดินทางข้ามไปมาได้ ขณะที่รถขนส่งสินค้า ไม่ได้ปล่อยแบบจำกัดเสรี มีการจำกัดจำนวน ได้พูดคุย พล.ร.ท.อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) หรืออาจใช้วิธีการเหมือนครั้งที่แล้ว คือการกำหนดจำนวนเที่ยว แต่หากสังคมยังไม่ยอมรับก็อาจผ่อนปรนเป็นรายกรณี เช่น 2-3 เที่ยว แต่หากสังคมเห็นด้วยว่าเศรษฐกิจต้องขับเคลื่อนได้ก็อาจผ่อนปรนเป็น 20-30 เที่ยว ก็ว่าไป หรือหากไม่ได้เลยก็ต้องพิจารณากันใหม่อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่