ทหารกัมพูชาลอบกัดไม่เลิก ล่าสุด พบเข้ามาวางกับระเบิดแสวงเครื่อง ในเขตไทยใกล้เนิน 350 ปราสาท ตาควาย จ.สุรินทร์ โชคดีหน่วยลาดตระเวนตรวจพบก่อน ด้านโฆษก ทบ.ซัดอีกฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิงชัดเจน เป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดระหว่างกัน พร้อมโต้ถ้อยแถลง กต.กัมพูชาบิดเบือนข้อมูลสารพัด ย้ำไทยยึดมั่นข้อตกลงหยุดยิง ส่วนสถานการณ์ด้านบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว น่าห่วง หลังชัดเจนกัมพูชาหนุนคนตัวเองรุกล้ำมาอาศัยในเขตไทย ลั่นนานาชาติควรรับรู้กัมพูชาใช้ “โล่มนุษย์” แก้ปัญหาเหมือนเดิมผ่านมาเดือนกว่าหลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย ที่มีข้อตกลง หยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชา แต่สถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชายังตึงเครียด เมื่อไทยตรวจพบกัมพูชารุกล้ำแดนมาวางทุ่นระเบิดสังหารต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดได้รับบาดเจ็บเป็นรายที่ 3 หลังข้อตกลงหยุดยิง และเป็นรายที่ 6 นับตั้งแต่เกิดการปะทะที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานีต่อมาเมื่อวันที่ 1 ก.ย. พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษก กองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกได้รับรายงานจาก กองทัพภาคที่ 2 เมื่อเวลาประมาณ 11.50 น.ของวันที่ 31 ส.ค. กองร้อยอาวุธเบาที่ 1 กองพันทหารราบที่ 27 ตรวจพบการวางกับระเบิดแสวงเครื่องในลักษณะใช้ลูกกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิดประกอบกับการใช้ลวดสะดุดของทหารกัมพูชาในพื้นที่ทิศตะวันตก ของปราสาทตาควาย ห่างจากเนิน 350 ประมาณ 1.7 กิโลเมตร ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ใกล้กับบริเวณแนวการวางลวดหนามป้องกันตนเองในเขตไทย ยุทธวิธีของทหารกัมพูชาสอดคล้องกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ที่ฝ่ายไทยตรวจพบทหารกัมพูชาดักซุ่มและตรวจการณ์ฝ่ายไทย บริเวณทิศตะวันตกของเนิน 350 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ จากการเข้าตรวจสอบพื้นที่โดยรอบพบการวางทุ่น ระเบิด PMN-2 รวม 3 ทุ่น พร้อมลูกกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิด 2 ลูก และตะปูเรือใบจำนวนมาก คาดว่า ลูกกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิดดังกล่าวจะถูกเตรียมนำมาใช้ในการวางกับระเบิดแสวงเครื่องตามที่ปรากฏพล.ต.วินธัยกล่าวอีกว่า การกระทำและหลักฐาน ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องการใช้กับระเบิดแสวงเครื่อง เป็นอาวุธลอบโจมตีทหารไทยโดยหวังผลให้เกิดอันตราย ถึงชีวิตในดินแดนของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการกระทำยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดระหว่างกัน การกระทำดังกล่าวยังย้อนแย้งกับท่าทีที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือนต่อประชาคมระหว่างประเทศว่าเป็นผู้รักสันติและยึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิง ทั้งที่ข้อเท็จจริงและหลักฐานต่างๆที่พบ ยืนยันได้ว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลง รวมทั้งอนุสัญญาออตตาวามาโดยตลอด ทั้งนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ได้สั่งการผ่านกองทัพภาคที่ 2 กำชับให้กำลังพลทุกนาย ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบ ไม่ประมาท และใช้ชุดทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดเข้าตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงเพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติภารกิจในทุกครั้งนอกจากนี้ โฆษกกองทัพบกยังกล่าวถึงกรณีนายชุม ซอนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา กล่าวหาฝ่ายไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และมีส่วนทำให้ประชากรกลุ่มเปราะบางต้องพลัดถิ่นมากยิ่งขึ้นว่า ประเทศไทยยึดมั่นและปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด พร้อมดำเนินการให้เป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศมาต่อเนื่อง ที่ผ่านมาไทยเปิดกว้างให้คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวอาเซียน (IOT) คณะกาชาดสากล (ICRC) และพันธมิตรนานาประเทศ รวมถึงสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ทุกจุดโดยเสรี ไม่เคยมีการปิดกั้นข้อมูล สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความบริสุทธิ์ใจของฝ่ายไทย ที่ดำเนินการทุกอย่างแบบตรงไปตรงมาในทางกลับกัน พบว่าฝ่ายกัมพูชาอ้างว่ายึด มั่นในข้อตกลงหยุดยิง อาจเป็นเพียงภาพการสื่อสารเพื่อสร้างผลเชิงภาพลักษณ์เท่านั้น เพราะในความเป็นจริง ฝ่ายกัมพูชายังมีการลักลอบวางทุ่นระเบิดในเขตแดนไทยอยู่ตลอด จนส่งผลให้กำลังพลไทยได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง อีกทั้งยังไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจนในการแก้ปัญหาทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม แม้ฝ่ายไทยเสนอผ่านเวทีการประชุม GBC และ RBC มาโดยตลอด นอกจากนี้ กัมพูชายังเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนกล่าวหาไทย เช่น เรื่องการใช้อาวุธเคมี หรือ บิดเบือนว่าทุ่นระเบิดที่พบเป็นของเก่าตกค้างจากสงคราม ในอดีต ทั้งที่ฝ่ายไทยมีหลักฐานพิสูจน์ยืนยันได้ชัดเจน สำหรับการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงผ่านการใช้ทุ่นระเบิดของฝ่ายกัมพูชา ถือเป็นการบ่อนทำลายความพยายามแก้ปัญหาในระดับทวิภาคีของกัมพูชาเองพ.อ.วินธัยกล่าวอีกว่า ปัจจุบันฝ่ายไทยให้ความสำคัญในการช่วยเหลือเยียวยาประชาชน และฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน โรงพยาบาล หรือระบบสาธารณูปโภค พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาชน และนานาชาติ ที่ร่วมมือและแสดงน้ำใจช่วยเหลือกันอย่างเข้มแข็งขณะเดียวกัน โฆษกกองทัพบกยังกล่าวถึงประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือเหตุการณ์ที่บ้านหนองจาน ชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาสนับสนุนให้ประชาชนรุกล้ำเข้ามาอาศัยในเขตประเทศไทย รวมถึงในพื้นที่อ้างสิทธิของประเทศไทย เป็นการละเมิดข้อตกลง MOU 43 แม้ฝ่ายไทยประท้วงอย่างสันติมาอย่างยาวนาน กัมพูชากลับเพิกเฉยต่อการแก้ไขปัญหา สังคมและนานาชาติควรตระหนักและรับรู้ว่า ที่ผ่านมากัมพูชาพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพื้นที่ดังกล่าว อีกทั้งยังพยายามใช้กลุ่มประชาชนออกหน้าแทนด้วยท่าทีที่แข็งกร้าว ควรจับตาดูว่าจากนี้ไป กัมพูชาจะใช้วิธีการในลักษณะ “โล่มนุษย์” มาแก้ปัญหาเหมือนในช่วงที่ผ่านมาอีกหรือไม่ต่อมาผู้สื่อข่าวสำรวจบรรยากาศในพื้นที่แนวชายแดนไทยกัมพูชา ตลอดช่วงเช้าวันที่ 1 ก.ย.ที่ย่านเศรษฐกิจการค้าบริเวณชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ยังคงเงียบเหงา แม้ร้านค้าขายของสดเปิดขายเป็นปกติบางส่วนแล้ว เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเหมือนเดิม ขณะที่ร้านค้าของชาวกัมพูชาปิดร้านกลับประเทศเป็นส่วนมาก เพราะสถานการณ์ชายแดนยังอึมครึม อีกทั้งในช่วง 2-3 วันนี้ ชาวบ้านที่อยู่ใกล้กับปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก ได้ยินเสียงปืนและเสียงระเบิดดังหลายครั้ง ทหารในพื้นที่แจ้งว่าเป็นการซักซ้อมยิงปืน ยิ่งทำให้ชาวบ้านยิ่งหวาดระแวงว่าสถานการณ์อาจจะ ลุกลามเกิดการปะทะอีกรอบ เตรียมพร้อมทุกเวลาแทบไม่ได้ทำมาหากินส่วนที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ตลอดช่วงเช้า สถานการณ์ยังปกติ ขณะเดียวกัน พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผบ.ฉก.อรัญประเทศ กองกำลังบูรพา ได้ชี้แจงกรณีการชี้เขตรังวัดที่ดินในพื้นที่บ้านหนองจานเมื่อวันที่ 30 ส.ค. ว่ากองกำลังบูรพา ฉก.12 ได้รับการประสานจากสำนักงานที่ดินสระแก้ว สาขาอรัญประเทศ ในการจัดชุดรักษาความปลอดภัยและตรวจสอบทุ่นระเบิด ให้กับคณะฯ ในการรังวัดที่ดินให้กับประชาชนในพื้นที่บ้านหนองจาน จำนวน 20 ราย และดำเนินการเรียบร้อยทุกแปลง ยกเว้น 1 แปลง ที่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีทุ่นระเบิดตกค้างอยู่ ซึ่งอยู่ใกล้กับหลักเขต 47 ทาง ฉก.12 จึงแจ้งประชาชนเจ้าของที่ดิน และเจ้าหน้าที่ที่ดินทราบทั้งนี้ พ.อ.ชัยณรงค์ยืนยันว่าไม่เคยห้ามเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว ถ้าห้ามจะพาไปรังวัดทำไม แต่พื้นที่นั้น มีทุ่นระเบิดตกค้างไม่ได้เก็บกู้ เป็นอันตรายต่อประชาชน และเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้เจ้าของที่ดินและเจ้าหน้าที่รังวัดทราบแล้ว จึงไม่สามารถดำเนินการได้ ทุ่นระเบิดมันพร้อมทำงาน ไม่เกี่ยวกับการประกาศกฎอัยการศึกส่วนกรณี ด่าน ตม.อรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ประกาศเปิดประตูเล็กข้างสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่ออนุโลมให้คนกัมพูชาที่ตกค้างในไทยและคนไทยที่ตกค้างฝั่งกัมพูชาเดินทางกลับภูมิลำเนาได้ เฉพาะวันพุธและวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 13.00-16.00 น.เริ่มเมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น ต่อมาเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1 ก.ย.ผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบพบว่าประตูแผงเหล็กบริเวณริมสะพานฯ ฝั่งไทย และฝั่งกัมพูชา ยังคงถูกปิด มีโซ่คล้องกุญแจไว้อย่างหนาแน่น ส่วนประตูเล็กข้างสะพานมิตรภาพฯทั้งสองฝั่งที่อนุโลมเปิดเป็นช่องผ่อนผันให้คนของทั้งสองประเทศเดินทางกลับภูมิลำเนาได้ มีการนำโซ่มาคล้องใส่กุญแจปิดตายเช่นกันด้าน พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จ.สระแก้ว เปิดเผยว่า ขณะนี้ด่านพรมแดนคลองลึก จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ยังคงปิดด่านพรมแดน 100 เปอร์เซ็นต์เช่นเดิม เมื่อวันที่ 31 ส.ค. เป็นวันสุดท้ายที่กองกำลังบูรพา กองทัพภาคที่ 1 อนุโลมผ่อนผันเปิดช่องทางชั่วคราว เป็นประตูเล็กข้างสะพานฯ อนุโลมให้ชาวกัมพูชาที่ตกค้างในไทย และคนไทยที่ตกค้างในกัมพูชาเดินทางกลับภูมิลำเนาได้ ตามหลักมนุษยธรรมเท่านั้น ตม.สระแก้ว ไม่มีอำนาจในการเปิดปิดด่านพรมแดนฯ เพราะอยู่ในสถานการณ์การใช้กฎอัยการศึก อำนาจการเปิดปิดด่านจึงอยู่ที่ฝ่ายความมั่นคง แม้แต่กุญแจเปิดประตูด่าน ตม.จ.สระแก้ว ก็ไม่ได้ถือไว้ ดังนั้นข่าวลือในโลกโซเชียลว่า ตม.จ.สระแก้ว จะเปิดด่านให้คนกัมพูชาในไทยและคนไทยในกัมพูชาที่ตกค้างเดินทางกลับภูมิลำเนาได้ในวันพุธและวันอาทิตย์นั้น เป็นข่าวที่คลาดเคลื่อน อาจเป็นความเข้าใจผิดของการสื่อสาร ขอให้ติดตามข่าวสารต่างๆจากกองทัพภาคที่ 1 หรือกองกำลังบูรพาเท่านั้น ยืนยันว่าขณะนี้ ด่านพรมแดนคลองลึก จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ปิด 100 เปอร์เซ็นต์ และยังไม่มีคำสั่งหรือการอนุญาตเปิดช่องทางผ่อนผันเพื่ออนุโลมใดๆอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่