“ภูมิธรรม” ลงนามตั้ง ศบ.ทก. ใหม่หลังพ้นสภาพตาม “อิ๊งค์” เพื่อให้การปฏิบัติงานของทุกหน่วยมีความเป็นเอกภาพ ใช้โครงสร้างเดิม มี “บิ๊กเล็ก” นั่ง ผอ.ศูนย์ฯ ขณะที่ ทภ.2 ยังเกาะติดความเคลื่อนไหวของกัมพูชา พร้อมปฏิบัติตอบโต้ตามสถานการณ์ ขณะเดียวกัน “มทภ.2” ไม่ฟันธง “สรัย ดึ๊ก” แม่ทัพคนสนิท “ฮุน เซน” เสียชีวิตแล้ว หลังบาดเจ็บจากการถูกโจมตีด้วยเอฟ-16 เพียงตั้งข้อสังเกตไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณชนนานกว่าเดือนความคืบหน้าการแก้ปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ไปเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ส.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี เซ็นคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 275/2568 เรื่อง จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ลงนาม ณ วันที่ 30 ส.ค.2568 เพื่อบูรณาการการปฏิบัติของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ให้มีความเป็นเอกภาพ มี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ การลงนามครั้งนี้เป็นการแต่งตั้งตามโครงสร้างเดิม เพราะคณะกรรมการชุดเดิมต้องพ้นไป หลัง น.ส.แพทองธาร พ้นจากตำแหน่งตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญขณะที่ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 31 สิงหาคม 2568 ณ เวลา 14.00 น.ว่า กองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง ฝ่ายไทยจัดกำลังพลประจำจุดเฝ้าตรวจตามเหตุการณ์ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม และเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตอบโต้ตามสถานการณ์ ส่วนการดูแลผู้อพยพ อำนวยความสะดวกประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงภัยไปยังพื้นที่รวบรวมพล เรือน 5 ศูนย์ ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี 1 ศูนย์ 78 คน และในพื้นที่ จ.สุรินทร์ 4 ศูนย์ 510 คน ปัจจุบันมียอด 588 คน เนื่องจากมีความวิตกกังวล โดยฝ่ายปกครองจัดชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เข้าดูแลพื้นที่บ้านเรือนของประชาชนอย่างต่อเนื่องส่วนกรณี เพจกองทัพบก ทันกระแส โพสต์ภาพประกอบข้อความว่า “เสียหน้าไม่ได้ แหล่งข่าวเชื่อถือได้ให้ข้อมูลว่า พล.ท.สรัย ดึ๊ก รอง ผบ.ทบ./ผบ.พล.สสน.3 เสียชีวิตแล้วขณะไปตรวจแนวรบเจอไข่ F-16 ลงพอดี จัดงานศพแบบปกปิด และกัมพูชาปิดข่าวเพราะไม่อยากให้ทหารตนเองเสียขวัญ”ต่อมากระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้ออกมาปฏิเสธทันที อ้างว่าข่าวที่โพสต์ในเพจดังกล่าวเป็นข่าวปลอม กระนั้นมีข่าวนี้ตามออกมาอีกครั้งเมื่อวันที่ 31 ส.ค. เป็นการตอกย้ำถึงข่าวดังกล่าว มีรายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคงของ ทบ.ว่า เพิ่งจัดพิธีศพ พล.ท.สรัย ดึ๊ก เมื่อเร็วๆนี้ ที่อำเภอจอมกระสาน จังหวัดพระวิหาร นายฮุน เซน ไม่มาร่วมพิธีศพแม่ทัพชายแดนคู่ใจตั้งแต่สมัยเขมรแดง รวมถึงนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี ก็ไม่มา แต่ให้ฮุน มานา ลูกสาวคนโตของนายฮุน เซนไปร่วมพิธีแทนขณะที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงข่าวนี้เช่นกันว่า ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า พล.ท.สรัย ดึ๊ก รองผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา/ผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 เสียชีวิตแล้วจริงหรือไม่ เพราะยังไม่มีรายงานเข้ามาว่าเสียชีวิต แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.ท.สรัย ดึ๊ก ไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณชนนานกว่าเดือนแล้วสำหรับบรรยากาศที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว จุดที่มีความตึงเครียดหลังจากมวลชนชาวกัมพูชาเข้ามาก่อหวอดประท้วงการวางรั้วลวดหนามกั้นพื้นที่ของฝ่ายไทย ปรากฏว่าตลอดวันที่ 31 ส.ค.กลุ่มมวลชนชาวไทยและเครือข่ายต่างๆ อาทิ จาก กทม. ปราจีนบุรี สุรินทร์ บุรีรัมย์ รวมถึงคนใน จ.สระแก้ว เดินทางมามอบสิ่งของและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอย่างไม่ขาดสาย สถานการณ์ทั่วไปปกติเรียบร้อยดี แม้ว่าในช่วงบ่าย มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่กลุ่มมวลชนไทย ที่มีการแต่งชุดไทย ประดับธงชาติไทยเพื่อแสดงสัญลักษณ์ ก็ไม่ย่อท้อ เดินทางมามอบสิ่งของและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงกลุ่มสโมสรโรตารีสอยดาว จ.จันทบุรี นำอาหารมาแจกให้กับมวลชนและกำลังพลแนวหน้า มี พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผบ.ฉก.ที่ 12 นายนริศ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยานายอำเภอโคกสูง และผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชรบ.คอยดูแลให้ความปลอดภัยเป็นอย่างดีส่วนที่ จ.สุรินทร์ นายบุญดี สุขเต็ม ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านด่าน อ.กาบเชิง นำนายรุจิภาส มีกุศล สว.จ.สุรินทร์ และทีมงาน ไปที่ทุ่งนาห่างจากหมู่บ้านด่านประมาณ 1.5 กิโลเมตร เพื่อดูร่องรอยของกระสุนปืนใหญ่ไม่ทราบชนิด ที่ทหารกัมพูชายิงเข้ามา โดยแจ้งให้หน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดทราบแล้ว แต่ยังไม่ได้เข้ามาตรวจสอบ เนื่องจากติดภารกิจในพื้นที่อื่น แต่มีการปักไม้ทำสัญลักษณ์ให้ชาวบ้านทราบและเตือนอย่าเข้าไปใกล้ เพื่อรอการตรวจสอบต่อไป โดยจุดดังกล่าว มีต้นข้าวแหว่งหายไป ลักษณะเป็นวงกลม และดินขอบๆหลุมกระจายอย่างเห็นได้ชัดนายบุญดีกล่าวว่า ร่องรอยดังกล่าวน่าจะเป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ของทหารกัมพูชายิงมาตก คาดว่าเมื่อวันที่ 28 ก.ค.แต่ชาวบ้านเพิ่งมาเห็นเมื่อ 4 วันก่อน ยังไม่แน่ใจว่าระเบิดทำงานแล้วหรือยังแต่จากที่ดูด้วยตา ต้นข้าวโดยรอบข้างไม่ขาด ไม่เห็นมีสะเก็ดระเบิด และแจ้งเจ้าหน้าที่ EOD ไปแล้ว พร้อมแจ้งให้ลูกบ้านช่วยตรวจตราพื้นที่สวนไร่นาของตนเอง หากพบว่ามีร่องรอยลักษณะผิดปกติแบบนี้ ให้รีบแจ้งผู้นำชุมชน คาดว่าน่าจะยังไม่พบอีกมากขณะที่นายรุจิภาส มีกุศล สว.จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ฝากเตือนประชาชนให้ช่วยสังเกตที่นาของตนเองที่มีต้นข้าวแหว่งและเป็นเวิ้งกว้างแบบนี้ ให้รีบแจ้งผู้นำชุมชน อีกอย่างอยากให้มีเชือกกั้นขาวแดง หรือป้ายเตือนติดว่าบริเวณนี้มีระเบิดที่ยังไม่ตรวจสอบและเก็บกู้อยู่ เป็นเขตอันตรายห้ามเข้า หากชาวบ้านที่ไม่รู้ ลงไปหาปลา จะเกิดอันตรายได้ รวมถึงในช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตหรือไถไร่ไถนา หากยังมีระเบิดตกค้างอยู่ อาจเกิดอันตรายได้ ประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝน ยิ่งทำให้ฝนชะดินจนกลบหลุมหรือน้ำท่วมปิดบังจุดที่ระเบิดตกค้าง ทำให้สังเกตได้ยากวันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐ ประชาชนจีน พบหารือทวิภาคีกับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่นครเทียนจิน เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ในช่วงการประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) โดยนายสี จิ้น ผิง ยืนยันกับนายฮุน มาเนต ว่าจีนสนับสนุนการหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชาผ่านกลไกการตรวจสอบการหยุดยิงของอาเซียนที่นำโดยมาเลเซีย และเรียกร้องให้มีการจัดตั้งทีมคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนโดยเร็วรวมทั้งผู้นำจีนแสดงความหวังว่า ความสัมพันธ์ไทยและกัมพูชาจะกลับมาสู่ภาวะปกติในอนาคตอันใกล้นี้อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่