ขอร่วมดีใจกับกลุ่มเกษตรกรเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในเขตบางขุนเทียนที่ได้รับเงินเยียวยาความเสียหายจากการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ มีทั้งกลุ่มเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนแล้ว 726 ราย และกลุ่มเกษตรกรที่ตกหล่นจากระบบทะเบียน 49 ราย พื้นที่ขอรับการเยียวยาทั้งหมด 3 พันกว่าไร่ วงเงินเยียวยากว่า 41 ล้านบาทการจ่ายเงินเยียวยามีตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่แทบไม่ปรากฏเป็นข่าวเลย ผมเองก็เพิ่งทราบข้อมูล เขตบางขุนเทียนถือเป็นพื้นที่แรกของไทยที่สามารถเบิกจ่ายเงินเยียวยาได้สำเร็จ เพราะกรุงเทพฯมีสถานะเป็นเขตปกครองพิเศษ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสามารถประกาศภัยพิบัติได้ทันที ต่างจากจังหวัดอื่นที่การประกาศเขตภัยพิบัติเป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งจนป่านนี้ยังไม่มีผู้ว่าฯจังหวัดไหนประกาศเขตภัยพิบัติจากปลาหมอคางดำเลยการผลักดันให้มีการเยียวยาผลกระทบจากปลาหมอคางดำ ไม่ใช่เกิดขึ้นง่ายๆ ต้องอาศัยการต่อสู้ในสภาฯ และแรงกดดันจากภาคประชาชนควบคู่กันหัวหอกสำคัญคือ คุณณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม.พรรคประชาชน หยิบยกปัญหาปลาหมอคางดำเข้ามาในสภาฯตั้งแต่วันแรกที่ทราบข่าวความเสียหายของเกษตรกร ได้ ตั้งกระทู้ถาม นายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรฯ หลายครั้งเพื่อจี้ให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาและเยียวยา จนถึงขั้นหยิบมาเป็นประเด็น อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ข้อหาละเลยวิกฤติปากท้องประชาชน ทั้งยัง ทำงานร่วมกับคณะกรรมาธิการ เรียกหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบมาชี้แจง และผลักดันให้เกิดหลักเกณฑ์การเยียวยาในส่วนของภาคประชาชนนั้น เกษตรกรเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและชาวประมงพื้นบ้านได้รวมตัวกันจัดเวทีสะท้อนปัญหา ยื่นหนังสือถึงหน่วยงานต่างๆ เรียกร้องให้มีการประกาศเขตภัยพิบัติเพื่อขอรับการเยียวยาขณะเดียวกันเกษตรกรและชาวประมงพื้นบ้านราว 1,400 รายได้ยื่นฟ้องบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นตอของการแพร่ระบาด เรียกร้องค่าเสียหาย 2,486 ล้านบาทจากการสูญเสียรายได้ และการถูกละเมิดสิทธิต่อระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติ ระหว่างปี 2560–2567 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้มีคำสั่งรับฟ้องเป็น คดีแบบกลุ่ม (Class Action) เพื่อช่วยลดภาระทั้งทางศาลและผู้เสียหาย ถือเป็นคดีตัวอย่างที่ทั่วประเทศจับตามองปัญหาปลาหมอคางดำเริ่มมีรายงานการแพร่ระบาดอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 2555 ที่ จ.สมุทรสงคราม ต่อมาช่วงปี 2560-2561 มีรายงานพบการระบาดในบริเวณแหล่งเพาะเลี้ยงกุ้งของ จ.สมุทรสงคราม ก่อนขยายเป็นวงกว้างในหลายจังหวัดทั้งภาคกลางและภาคใต้ต่อเนื่องถึงปี 2563-2564 พบการระบาดใน 7 จังหวัดได้แก่ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ระยอง ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี กระทั่งปี 2566-2567 ระบาดเพิ่มอีกในกรุงเทพฯ สมุทรปราการ จันทบุรี ราชบุรี นครศรีธรรมราช สงขลา นครปฐม และนนทบุรีตอนที่เป็นข่าวครึกโครม ภาครัฐระดมความร่วมมือออกล่าจับทุกหัวระแหง ตั้งงบฯรับซื้อปลาหมอคางดำจากชาวบ้าน พอสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ข่าวซาลง การขับเคลื่อนแก้ปัญหาก็หย่อนไปด้วย ทุกวันนี้ปลาหมอคางดำยังแพร่ระบาดในหลายพื้นที่ ซ้ำเติมความเดือดร้อนของเกษตรกรเหมือนเช่นเคย แต่ภาครัฐไม่เหลียวแลการจ่ายเงินเยียวยาที่เขตบางขุนเทียนถือเป็นก้าวแรกของความสำเร็จ เป็นต้นแบบให้อีกหลายจังหวัดที่ยังรอความช่วยเหลือได้เดินตามสส.ณัฐชาเรียกร้องมาตลอดให้ผู้ว่าฯทุกจังหวัดกล้าประกาศเขตภัยพิบัติจากสัตว์น้ำ ไม่ต้องรอส่วนกลาง ทั้งเสนอให้ภาครัฐรับซื้อปลาหมอคางดำจากชาวบ้านในราคายุติธรรม พร้อมหาช่องทางแปรรูป เช่น ทำอาหารสัตว์หรือน้ำหมัก เพื่อสร้างมูลค่า และช่วยกำจัดปลาสายพันธุ์นี้ไปในตัว.ลมกรดคลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม