สถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่เริ่มคลี่คลาย ฝนเบาบางระดับน้ำลดลงเรื่อยๆ แต่เมืองน่านยังจมบาดาลไม่พ้นวิกฤติ รพ.น่าน เปิดบริการตามปกติไม่ได้ ต้องไปเปิด รพ.สนามรองรับผู้ป่วยฉุกเฉิน ส่วนวัดภูมินทร์ ฐานโบสถ์แตกร้าวหวั่นกระทบจิตรกรรมฝาผนัง “ปู่ม่านย่าม่าน กระซิบรักบันลือโลก” พะเยา-เชียงรายคลี่คลายแล้วหลายพื้นที่ไม่เกิน 2 วันเข้าสู่ภาวะปกติ แพร่ระทึกน้ำยมซัดสะพานขาดอีกแห่ง น้ำล้นเข้าท่วมตัวเมืองแต่ไม่หนักมาก แม่น้ำโขงขึ้นพรวดวันเดียวเกือบเมตรครึ่ง พื้นที่การเกษตรจมแล้วกว่า 400 ไร่ ต้องปิดประตูระบายน้ำไม่ให้ไหลย้อนเข้าพื้นที่ “ภูมิธรรม” สั่งจับตาพายุอีก 2-3 ลูก กำชับทุกหน่วยพร้อมรับมือ ขยายวงเงินงบประมาณ ผวจ.จาก 20 ล้านขึ้นเป็น 50-100 ล้านบาทสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ภาคเหนือตอนบนจากอิทธิพลของพายุ “วิภา” มีแนวโน้มเริ่มคลี่คลาย หลังจากพายุสลายตัวไปแล้วฝนเริ่มเบาบางลง แต่ยังทิ้งมวลน้ำมหาศาลที่ยังท่วมขังในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.น่าน เมื่อวันที่ 25 ก.ค. น้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองน่านยังอยู่ในระดับวิกฤติ แม้ระดับน้ำจะเริ่มลดลงเฉลี่ยชั่วโมงละ 3-4 ซม. แต่หลายจุดยังท่วมสูงและไหลเชี่ยว ส่งผลให้การเข้าถึงความช่วยเหลือทำได้อย่างจำกัด โดยเฉพาะที่ รพ.น่าน เข้าสู่วันที่สองที่น้ำท่วมเข้ามาในโรงพยาบาลน้ำเริ่มลดลงบ้างแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ ส่วนที่วัดภูมินทร์ ภายในพระอุโบสถที่มีจิตรกรรมฝาผนัง “ปู่ม่านย่าม่าน กระซิบรักบันลือโลก” อันล้ำค่า น้ำท่วมรอบวัดสูงกว่า 1 เมตร แต่ยังไม่เข้าไปถึงพระอุโบสถ พระเณร 25 รูป ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ขาดน้ำประปาและไฟฟ้ามาแล้วหลายวัน พระมหาสุดสาคร พระเลขาผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัด นำพระสงฆ์ลุยน้ำสำรวจความเสียหายพบว่าฐานพระอุโบสถแตกร้าวหลายจุด รวมถึงผนังภายในมีรอยร้าวและเริ่มบวม วอนให้กรมศิลปากรเร่งเข้ามาสำรวจและซ่อมแซมในช่วงบ่าย น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช. มหาดไทย นำคณะเดินทางไป จ.น่าน ตรวจความพร้อม ของโรงพยาบาลสนามที่ฝูงบิน 466 ตั้งขึ้นเพื่อรองรับภารกิจดูแลผู้ป่วยจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เทศบาลเมืองน่าน ส่งผลให้ รพ.น่านได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง โดยเฉพาะแผนกฉุกเฉินยังไม่สามารถกลับมาใช้งานได้ ได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ป่วยฉุกเฉิน 20 ราย มีเตียงรองรับผู้ป่วย 6 เตียงพร้อมระบบส่งต่อ มีทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่รวมกว่า 100 คนหมุนเวียนปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง จากนั้นคณะ รมช.มหาดไทย เดินทางไปยังตึกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน รพ.น่าน เพื่อให้กำลังใจผู้ป่วย พร้อมติดตามความคืบหน้าการฟื้นฟูระบบไฟฟ้า ประปา และระบบสื่อสารภายในโรงพยาบาล ขณะนี้โรงพยาบาลสามารถดูแลผู้ป่วยบนอาคารชั้น 2 ได้ต่อเนื่อง โดยเครื่องปั่นไฟสำรองเพื่อให้บริการไม่หยุดชะงัก และอยู่ระหว่างการเร่งฟื้นฟูให้กลับมาเปิดให้บริการตามปกติได้โดยเร็วที่สุดวันเดียวกัน บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษ มูลนิธิร่วมกตัญญู พร้อมกำลังอาสาสมัคร นำเรือท้องแบน 5 ลำ เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในซอยถนนราษฎร์ประสงค์ ต.ในเวียง อ.เมืองน่าน ยังมีน้ำท่วมขังบางช่วงสูงกว่า 3 เมตร ออกมาด้านนอกชุมชน พร้อมทั้งนำอาหารปรุงสุกและน้ำดื่มเข้าไปแจกจ่ายประชาชนที่ติดอยู่ในบ้านกว่า 200 ครัวเรือนจ.พะเยา สภาพอากาศยังครึ้มฟ้าครึ้มฝน สถานการณ์น้ำท่วมขังหลายพื้นที่มีแนวโน้มดีขึ้น นายรัฐพล นราดิศร ผวจ.พะเยา นำคณะลงพื้นที่เยี่ยมผู้ประสบภัยใน ต.เชียงแรง อ.ภูซาง ได้รับผลกระทบหนัก ใน 8 หมู่บ้าน กว่า 700 ครัวเรือน การสัญจรตัดขาด 2 หมู่บ้าน พื้นที่การเกษตรกว่า 4,000 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นนาข้าว และข้าวโพด คาดว่าภายใน 2-3 วันจะดีขึ้น จากนั้นคณะ ผวจ.พะเยา เดินทางไป อ.ดอกคำใต้ มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากลำน้ำร่องช้างที่บ้านบุญเรือง และบ้านบุญเกิด เทศบาลเมืองดอกคำใต้ นายรัฐพลขึ้นรถอีแต๋นลุยน้ำท่วมเข้าไปเยี่ยมชาวบ้านตามชุมชนในเขตเทศบาล โดยเฉพาะที่บ้านสะพานงามมีประชาชนเดือดร้อนกว่า 300 หลังคาเรือน เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ น้ำท่วมซ้ำซากทุกปี คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 2 วันจ.เชียงราย พื้นที่น้ำท่วมหนักสุดใน อ.เทิง หลังฝนหยุดตกระดับน้ำในแม่น้ำลาวและแม่น้ำอิงลดลงเรื่อยๆประมาณ 10-30 ซม. ตามชุมชนในพื้นที่ลุ่มต่ำยังมีน้ำท่วมขังแต่มีแนวโน้มดีขึ้น บริเวณที่ทำการอำเภอเทิงน้ำท่วมลดระดับลงไปประมาณ 10 ซม. ทางอำเภอยังนำกระสอบทรายมาวางปิดประตูเข้าออกไว้เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำทะลักเข้าไปเพิ่มเติม วันนี้ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ขณะที่มวลน้ำในแม่น้ำอิงจาก ต.เวียง เริ่มไหลลงไปพื้นที่ปลายน้ำ ส่งผลให้ ต.สันทรายงาม เริ่มมีน้ำเอ่อท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนบ้างแล้ว แต่โชคดีที่มวลน้ำจากแม่น้ำลาวยังมีปริมาณไม่มาก ทำให้น้ำยังระบายไปได้ เรื่อยๆ ไม่ส่งผลกระทบในระยะยาวเหมือนพายุ “ยางิ” เมื่อปี 67 ส่วนอำเภอที่รับน้ำต่อจาก อ.เทิง ได้แก่ อ.พญาเม็งราย อ.ขุนตาล และ อ.เชียงของ เริ่มมีน้ำเอ่อท่วมชุมชนและพื้นที่การเกษตรเช่นกัน แต่หากมวลน้ำลงมาไม่มากไปกว่านี้หรือไม่มีพายุลูกใหม่เข้ามาก็จะคลี่คลายในเร็วๆนี้จ.แพร่ แม่น้ำยมที่ไหลแรงซัดสะพานขาดอีกแห่งคือสะพานสายรุ้ง บ้านวังหงส์ ต.วังหงส์ อ.เมืองแพร่ หลังจากกระแสน้ำพัดพาเอาเศษกิ่งไม้ กอสวะ มาติดที่สะพาน สุดท้ายต้านทานไม่ไหวก็พังถล่มลงเมื่อช่วงเย็นวันที่ 24 ก.ค. โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต สำหรับสะพานสายรุ้งแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 30 มีความผูกพันกับชาววังหงส์มานาน กระทั่งมีสะพานแห่งใหม่สร้างขึ้นข้างๆกันให้ชาวบ้านใช้สัญจร ทางเทศบาลตำบลวังหงส์ร่วมกับชาวบ้านปรับปรุงภูมิทัศน์และทาสีใหม่เป็นสะพานสีรุ้งเมื่อต้นปี 66 ถือเป็นแลนด์มาร์กที่โดดเด่นในพื้นที่ระดับน้ำแม่น้ำยมในพื้นที่ อ.เมืองแพร่ ที่สถานี Y1C น้ำโค้ง อยู่ที่ 10.92 เมตร ล้นตลิ่งไหลท่วมสะพานน้ำโค้งและใกล้เคียง ต้องปิดสะพานห้ามรถข้ามเด็ดขาด นอกจากนี้น้ำยังท่วมถนนสายแพร่-ลอง แยกพระยาพลสองแคว รวมถึงย่านเศรษฐกิจกลางเมืองทั้งสี่แยก สภ.เมืองแพร่ ทางเข้าสถานีขนส่งจังหวัดแพร่ ถนนเจริญเมือง ชาวบ้านได้รับการแจ้งเตือน SMS จาก ปภ.ได้เก็บข้าวของขึ้นที่สูงลดความเสียหายแล้ว ส่วนจุดที่เคยท่วมหนักในตัวเมืองแพร่ ปีนี้ไม่ท่วมมากเนื่องจากทางเทศบาลเมืองแพร่ตั้งแบริเออร์และถุงบิ๊กแบ็กกันไว้แล้ว สำหรับแม่น้ำยมถึงระดับสูงสุดในช่วงเที่ยง หลังจากน้ำเหนือเริ่มลดลงตามลำดับมวลน้ำจะไหลไปพื้นที่ อ.สูงเม่น อ.เด่นชัย และ อ.วังชิ้น ต่อไปด้านสถานการณ์แม่น้ำโขง จ.หนองคาย ระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 12.30 เมตร เอ่อล้นเข้าท่วมบริเวณดอนหยาดพื้นที่การเกษตรริมโขงกว่า 100 ไร่ ที่บ้านหนองบัว และบ้านสะเงียว ต.กวนวัน อ.เมืองหนองคาย เกษตรกรส่วนใหญ่ปลูกพริกและข้าวโพดต้องเร่งเก็บเครื่องมืออุปกรณ์และเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ยังไม่สุกเต็มที่ไปขายก่อนไม่ให้ขาดทุนไปมากกว่านี้ เช่นเดียวกับ จ.บึงกาฬ ระดับน้ำในแม่น้ำโขงพุ่งสูงขึ้นภายในวันเดียวถึง 1.45 เมตร ต่ำกว่าตลิ่งเพียง 2.55 เมตร ทำให้น้ำเริ่มไหลย้อนกลับเข้าตามลำห้วยสาขา พื้นที่การเกษตรบนเกาะดอนกว่า 300 ไร่ถูกน้ำท่วมแล้วเช่นกัน ชลประทานบึงกาฬต้องปิดประตูระบายน้ำที่ติดแม่น้ำโขงเพื่อป้องกันการไหลย้อนของน้ำเข้าสู่พื้นที่ลุ่มต่ำ พร้อมเร่งระบายน้ำจากพื้นที่ตอนในออกสู่แม่น้ำโขงนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ว่า ขณะนี้สถานการณ์พายุฝนเริ่มคลี่คลายลงระดับหนึ่ง แต่ยังต้องจับตาพายุอีก 2-3 ลูกที่อาจเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทย สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมรับมือ ประสานกับกองทัพเพื่อเสริมกำลังการช่วยเหลือในพื้นที่เสี่ยง รัฐบาลได้ขยายวงเงินงบประมาณในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด จากเดิม 20 ล้านบาท เป็น 50 ล้านบาท และบางพื้นที่อาจขยับได้ถึง 100 ล้านบาท ให้สามารถรับมือเหตุฉุกเฉินได้ทันท่วงที สร้างความมั่นใจให้ประชาชนว่ารัฐบาลเตรียมการไว้อย่างรัดกุมแล้ว หากพายุลูกใหม่ไม่เข้ามาเพิ่มเติมคาดว่าสถานการณ์จะไม่รุนแรงอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่