พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้ ผวจ.เชิญสิ่งของพระราชทานไปมอบเป็นขวัญกำลังใจ พร้อมทรงรับผู้บาดเจ็บและรับศพผู้เสียชีวิตไว้ในพระบรม ราชานุเคราะห์ ทรงเปิดโรงครัวพระราชทานแจกอาหาร-น้ำ บรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้อพยพหนีภัย “ภูมิธรรม” กร้าวฉะกัมพูชาเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง ชวนประชาคมโลกร่วมประณามการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม สั่งเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งทหาร-พลเรือน รายละ 1 ล้านบาท ทุพพลภาพ 700,000 บาท บาดเจ็บสาหัส 200,000 บาท บาดเจ็บมาก 100,000 บาท ขณะที่กัมพูชาเปิดศึกยิงไทยแต่เช้ามืดวันที่ 25 ก.ค.รอบพื้นที่เขาพระวิหาร ไทยตอบโต้กลับระดมยิงกันอุตลุด ช่องบก-ภูมะเขือ-พนมดงรัก ลุกเป็นไฟ เสียงปืนดังสนั่นทั้งคืน ทหารไทย พลีชีพ 3 นาย ส่วนทหารกัมพูชาเละยกลอตเกลื่อน “ภูผี” 100 ศพ โฆษกกองทัพไทยเผยมีหลักฐาน “ฮุน เซน” บงการศึกครั้งนี้ ประณามการใช้อาวุธยิงระยะไกลโจมตีเป้าหมายพลเรือนอย่างต่อเนื่องของกองทัพกัมพูชา ประกาศกฎอัยการศึก จันทบุรี-ตราดวันที่สองของการสู้รบกันระหว่างไทย-กัมพูชา ที่สถานการณ์ยังคงเต็มไปด้วยความตึงเครียดและรุนแรง หลังจากที่ในวันแรก (24 ก.ค.) มีการสู้รบกันหลายจุดบริเวณชายแดนไทยในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี จ.สุรินทร์ และ จ.ศรีสะเกษ ขณะที่กำลังพลของไทยยังคงปฏิบัติการตามแผน “ยุทธบดินทร์ “ บดขยี้ผู้ที่ย่ำยีแผ่นดินไทยอย่างต่อเนื่องสู้รบวันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากโจมตีก่อนผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์การสู้รบบริเวณชายแดนไทย—กัมพูชา เมื่อวันที่ 25 ก.ค. วันที่สองของการปะทะว่า ทหารกัมพูชาเริ่มต้นเปิดฉากยิงทหารไทยอย่างดุเดือด บริเวณรอบพื้นที่ปราสาทพระวิหาร เมื่อเวลา 04.30 น. และทหารไทยตรวจพบกำลังพลทหารกัมพูชาประชิดตลอดแนวชายแดนพื้นที่กษัตริย์ศึก เขตรับผิดชอบของกองพันทหารราบที่ 21 ต่อมาบริเวณพื้นที่กงจักร กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาค 2 ได้ยิงเปิดฉากจากฝ่ายแนวทหารไทยเพื่อตอบโต้ หลังจากทหารกัมพูชาใช้อาวุธหนักยิงเข้าใส่ จากนั้นเวลา 04.50 น. หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 26 ตรวจพบยานพาหนะ คาดว่าเป็นรถถังกัมพูชา จอดเรียงหน้ากระดาน 6 คัน ตรงข้ามช่องปลดต่าง เวลา 05.30 น. พื้นที่ซูรูป่ากล้วย ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิง โดยรถถังเบา scorpion ของไทยได้ยิงสนับสนุนบริเวณข้างปราสาทตาเมือนธมระดมยิงปืนใหญ่ใส่กันอุตลุดเวลา 05.35 น. พื้นที่กษัตริย์ศึก ฝั่งไทยขอการยิงสนับสนุนปืนใหญ่ ยิงลงหลังเนินโนเนม และยิงทำลายที่ตั้งรถถังพื้นที่ตรงข้ามช่องบก เวลา 05.50 น. กำลังฝ่ายไทยเริ่มเข้าตีภูมะเขือ เวลา 06.29 น. ทหารกัมพูชาใช้กำลังเข้ายึดเนิน 469 โดยใช้ปืนใหญ่ และปืน ค.ทางทิศใต้บริเวณช่องบก ระดมยิงใส่ฝ่ายไทย บริเวณเนิน 408 โดยใช้ BM-21 จาก อ.จอมกระสาน ระดมยิงไปทางซัมแตก ฝ่ายทหารไทยตอบโต้ด้วยปืนใหญ่ขนาด 155 มิลลิเมตร สนับสนุนการต่อต้านปืนใหญ่ เวลา 07.54 น. ทหารกัมพูชายังสู้รบกับทหารไทยที่ชายแดน จ.ศรีสะเกษช่องบก–ภูมะเขือ–พนมดงรักเดือดเวลา 08.47 น. พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า สถานการณ์วันที่ 25 ก.ค. กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า เริ่มปะทะตั้งแต่เวลา 04.00 น. ในพื้นที่ช่องบกและภูมะเขือ จ.อุบลราชธานี รวมถึงพื้นที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ฝ่ายกัมพูชาระดมยิงด้วยอาวุธหนัก ปืนใหญ่สนาม และจรวด BM-21 อย่างต่อเนื่อง ฝ่ายไทยตอบโต้ด้วยการใช้อาวุธยิงสนับสนุนตามสถานการณ์ แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่หลีกเลี่ยงการเข้าพื้นที่ปะทะกระสุน BM—21 ตก จ.อุบลฯเพิ่มพ.อ.ริชฌายังกล่าวด้วยว่า ในเวลา 08.50 น.เกิดเหตุกระสุนจรวด BM-21 ตกลงในพื้นที่บ้านเรือนประชาชน หมู่ 5 ต.สีวิเชียร อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี รวม 3 จุด ได้แก่ 1.ตกใส่บ้านพักหลังหนึ่งในหมู่บ้าน ได้รับความเสียหาย 2.ตกใส่บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ได้รับความเสียหาย 3.ตกใส่ถนนภายในหมู่บ้าน ได้รับความเสียหาย เบื้องต้นไม่พบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต คาดว่าประชาชนอพยพไปยังศูนย์พักพิงที่จัดตั้งโดยฝ่ายปกครองอำเภอน้ำยืนก่อนหน้านี้แล้วโต้ข่าวปลอมไทยยึดเขาพระวิหารพ.อ.ริชฌายังชี้แจงถึงกระแสข่าวทหารไทยเข้ายึดพื้นที่ปราสาทพระวิหารได้สำเร็จว่าเป็นข่าวปลอม การปฏิบัติการทางทหารของกองทัพบกทำเพื่อตอบโต้ต่อเป้าหมายทางทหาร สนับสนุนการรบ และพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชารุกล้ำเข้ามาเท่านั้นมีหลักฐานมัดฮุน เซนบงการด้าน พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวว่า กองทัพไทยขอประณามอย่างรุนแรงต่อการใช้อาวุธยิงระยะไกลโจมตีเป้าหมายพลเรือนอย่างต่อเนื่องของกองทัพกัมพูชา เป้าหมายพลเรือน ประกอบด้วยชุมชนเมือง โรงพยาบาล โรงเรียน การกระทำอันป่าเถื่อนเหล่านี้คร่าชีวิต สร้างความบาดเจ็บแก่ประชาชนจำนวนมากอย่างไร้เหตุผล จากหลักฐานที่มีอยู่เชื่อได้ว่ารัฐบาลกัมพูชา โดยสมเด็จฮุน เซน อยู่เบื้องหลังการโจมตีอันน่าสะเทือนใจ การโจมตีพลเรือนโดยเจตนาเป็นอาชญากรรมสงคราม ผู้รับผิดชอบต้องถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เรียกร้องให้องค์กรระหว่างประเทศและประชาคมโลกดำเนินการสอบสวนอย่างอิสระและโปร่งใส เพื่อให้ผู้กระทำผิดได้รับการลงโทษ กองทัพไทยขอยืนหยัดเคียงข้างผู้ได้รับผลกระทบจากการโจมตีอันโหดร้ายเหล่านี้ และเรียกร้องให้ยุติการกระทำที่รุนแรงต่อพลเรือนโดยทันที ประชาคมโลกต้องไม่เพิกเฉยต่อความทารุณที่เกิดขึ้น ต้องร่วมกันผลักดันให้เกิดความยุติธรรมและความรับผิดชอบทบ.ซัดกัมพูชาบิดเบือนข่าวที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชาทำหนังสือถึงองค์การยูเนสโก ระบุฝ่ายไทยใช้อาวุธยิงสนับสนุนการปฏิบัติการทางทหาร ทำให้ปราสาทพระวิหารได้รับความเสียหายว่า การปฏิบัติของกำลังทหารไทย มีเป้าหมายชัดเจนในการตอบโต้เฉพาะต่อกำลังทหารกัมพูชา มิได้มุ่งเป้าไปพื้นที่พลเรือน หรือสถานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหาร พื้นที่ตัวปราสาทพระวิหารไม่ได้อยู่ในแนวทิศทางการใช้อาวุธฝ่ายไทย ข้อกล่าวหาของกัมพูชาที่ระบุปราสาทพระวิหารได้รับความเสียหายจากการโจมตีของไทย เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง สอดคล้องข้อมูลที่กองทัพบกตรวจพบว่า มีความพยายามเผยแพร่ข่าวสารที่ไม่ตรงข้อเท็จจริงจากกัมพูชาในหลายประเด็นอย่างต่อเนื่อง กองทัพบกขอยืนยันความมุ่งมั่นการดำเนินการอย่างรอบคอบ ภายใต้หลักมนุษยธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงประเทศ มิให้เกิดผลกระทบต่อบุคคลหรือทรัพย์สินที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความขัดแย้งทางทหารแฉเล่ห์เขมรใช้พลเรือนเป็นโล่เวลา 12.35 น. พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีสื่อกัมพูชากล่าวหาไทยใช้อากาศยานโจมตีเป้าหมายพลเรือนว่า กองทัพบกปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว เป็นข่าวบิดเบือนหวังผลต่อการรับรู้ในเวทีต่างประเทศ ขอชี้แจงดังนี้ 1.ไทยใช้ปฏิบัติการทางทหารดำเนินการต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลัก จำกัดวงเฉพาะเป้าหมายที่เป็นภัยคุกคามทางทหาร 2.มีข้อมูลการข่าวระบุว่า กัมพูชาพยายามตั้งจุดยิงอาวุธสนับสนุน เช่น ปืนใหญ่ จรวด ใกล้พื้นที่ชุมชน เข้าข่ายใช้พลเรือนเป็นโล่กำบัง ขัดหลักมนุษยธรรมร้ายแรง 3.ไทยหลีกเลี่ยงเป้าหมายที่อาจกระทบพลเรือน แม้มีสิทธิตอบโต้ตามหลักการป้องกันตนเอง แต่ไม่ดำเนินการต่อเป้าหมายที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อพลเรือนโดยไม่จำเป็นไทยยึดถือกติกาสากล–ก.ม.ระหว่าง ปท.พล.ต.วินธัยกล่าวต่อว่า ข้อ 4.ทหารไทยยึดถือกติกาสากล ดำเนินทุกขั้นตอนโดยยึดกฎหมายระหว่างประเทศ 5.การปฏิบัติการทางทหารของกองทัพบกอยู่บนพื้นฐานเหตุผลความจำเป็น เคร่งครัดกรอบกติกา แม้ถูกยั่วยุหรือถูกใส่ร้าย 6.การใช้อากาศยานนำพาอาวุธไปสู่เป้าหมายทางทหารมีความน่าเชื่อถือสูงในความแม่นยำ มีประสิทธิภาพสูงทำลายที่หมายในลักษณะจำกัดวง ต่างจากอาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลอื่นๆของกัมพูชาที่ขาดความแม่นยำต่อเป้าหมายแบบเฉพาะจุด เป็นเหตุให้เกิดข้อผิดพลาดร้ายแรง ส่งผลกระทบต่อพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้องในหลายพื้นที่ใช้กระสุนคลัสเตอร์พุ่งเป้าทหารโฆษกกองทัพบกยังกล่าวถึงกรณีกัมพูชากล่าวหาฝ่ายไทยใช้กระสุนปืนใหญ่แบบกระสุนคลัสเตอร์ว่า การใช้กระสุนชนิดนี้ กองทัพบกพิจารณาใช้ตามความจำเป็นต่อเป้าหมายทางทหาร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทำลายเป้าหมาย เมื่อกระสุนหลักกระทบเป้าหมายแล้ว กระสุนย่อยที่บรรจุอยู่ภายในจะระเบิดต่อเนื่อง กระสุนดังกล่าวไม่ใช่ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไม่มีผลตกค้างในระยะยาวต่อพลเรือนหลังการใช้งาน ส่วนกรณีอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้กระสุนคลัสเตอร์ ห้ามภาคีใช้งาน ผลิตหรือสะสมอาวุธชนิดนี้ ไม่มีผลผูกพันต่อประเทศ ไทย เนื่องจากประเทศไทยมิได้เป็นภาคีอนุสัญญาฉบับดังกล่าว เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา รัสเซีย เป็นต้น กองทัพบกยืนยันการปฏิบัติทางทหารฝ่ายไทยเป็นไปตามหลักความได้สัดส่วน จะใช้กระสุนแบบคลัสเตอร์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถระเบิดทำลายเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้นแจ้งยอดเป่าทหารเขมรดับ 24 รายด้านกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยผลสรุปความเสียหายเหตุสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชาตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. ถึงช่วงเช้าวันที่ 25 ก.ค.ว่า มีทหารกัมพูชาสูญเสียในพื้นที่ด้านหน้าปราสาทตาเหมือนธม มีทหารกองพลน้อย ร.42 เสียชีวิต 1 ราย พื้นที่ใต้ปราสาทตาเมือนธม พบผู้เสียชีวิต 8 ราย เป็นทหาร 3 นาย ประชาชน 4 ราย และพระสงฆ์ 1 รูป เครื่องบินโจมตี 3 บก.พลที่ 8 บก.พลที่ 9 และ บก.พลที่ 42 โดรนโจมตียอดภูมะเขือ คลังอาวุธ และเสาสัญญาณ ปืนใหญ่โจมตี รถถัง 2 คัน ตรงข้ามสัตตโสม พื้นที่ภูมะเขือ ทหารกัมพูชาเสียชีวิตจากโดรนทิ้งระเบิด 14 นาย รวมทั้งสิ้น 23 ราย ส่วนวันที่ 25 ก.ค. ปืนใหญ่โจมตีตรงข้ามช่องบก ทำลายปืน ค. 100 จำนวน 3 กระบอก มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย รวมมีทหารกัมพูชาเสียชีวิตตั้งแต่เปิดฉากการสู้รบถึงปัจจุบัน 24 นายวันเดียวกันนี้ เพจเฟซบุ๊กกองทัพภาค 2 โพสต์ข้อความแจ้งเตือนประชาชนพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ขณะนี้เกิดการปะทะในพื้นที่แนวชายแดนหลายพื้นที่ ให้หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้พื้นที่แนวชายแดนแฉทหารกัมพูชาขวัญกำลังใจตกต่ำมากขณะที่เพจเฟซบุ๊ก “กองทัพบก ทันกระแส” ได้รายงานถึงสถานการณ์เกี่ยวกับขวัญกำลังใจของทหารกัมพูชา หลังจากเจอปฏิบัติการโจมตีของเครื่องบินขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศไทย โดยระบุว่า “ขวัญและกำลังใจของทหารกัมพูชาตกต่ำอย่างมาก” รายงานดังกล่าวระบุรายละเอียดว่า เมื่อได้ยินเสียงเครื่องบินขับไล่ F-16 ทหารกัมพูชาที่อยู่แนวหน้าจะรีบวิ่งเข้าหลุมหลบภัย นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าทหารกัมพูชาได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และนอนบาดเจ็บอยู่ในหลุมหลบภัยไม่สามารถออกมาได้ในหลวงเปิดโรงครัวพระราชทานวันเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ พระราชทาน “โรงครัวพระราชทาน” สนับสนุนการประกอบอาหาร ดูแลชาวบ้านและผู้อพยพในพื้นที่ชายแดน โดยกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 ดำเนินการจัดตั้งโรงครัวพระราช ทาน เพื่อสนับสนุนการประกอบอาหารพระราชทาน สำหรับแจกจ่ายให้ประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นขวัญกำลังใจแก่ประชาชนที่เคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่เสี่ยงอันตรายในชายแดนไทย—กัมพูชา นำมาซึ่งความปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยพสกนิกรของพระองค์ทรงห่วงใยกำลังพลและราษฎรที่บาดเจ็บนอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงมีพระมหากรุณาธิคุณแก่เหล่าราษฎร ทรงหวงใยกำลังพลและราษฎร ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผวจ.อุบลราชธานี เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทานของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปมอบแก่ จ่าสิบโท ทานตะวัน ทองใบ จ่าสิบตรี ประดิษฐ สักขีนาดี สิบเอกอนุวัฒน์ คำมูลตรี สิบเอกนันทวัฒน์ หลงลืม พลทหารบกภูมินทร์ ซ้ายศรี พลทหารบก วิทยา รัตนโสภา พลทหารบกพรชัย เชื้อคำเพ็ง พลทหารศุภราช ดองเทียม พลทหารณัฐวุฒิ โพธิวงศ์ และสิบเอกศุภฤกษ์ อรุณรัตน์ กำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ฯ เมื่อวันที่ 24 ก.ค. และเข้ารับการรักษาที่ รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลฯ พร้อมทรงรับผู้บาดเจ็บทุกคนไว้เป็นคนไข้ในพระบรม ราชานุเคราะห์และทรงรับศพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ด้วยพระราชทานของผู้บาดเจ็บร้าน 7—11เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 24 ก.ค. พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผวจ.ศรีสะเกษ เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทานของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปมอบแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุจรวด BM-21 ของกัมพูชาตกใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมันในตำบลหนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จำนวน 7 ราย ประกอบด้วย นายศรายุทธ บุรกร อายุ 26 ปี ส.ต.อ.วชิระ กุศลพันธ์ อายุ 32 ปี น.ส.ภัทรภรณ์ รัตตะพันธ์ อายุ 28 ปี น.ส.พรสุภัค การธนสาส์น อายุ 48 ปี นายพลกฤต ไชคำภา อายุ 34 ปี นายนอง เงินลุน อายุ 48 ปี และ น.ส.จตุพร สิงหัษฐิต อายุ 20 ปี นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งครอบครัวอย่างหาที่สุดมิได้ผวจ.สั่งยกระดับความปลอดภัยส่วนสถานการณ์ที่ จ.ศรีสะเกษ ที่ยังตึงเครียดโดยเฉพาะในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีเสียงปืนใหญ่ดังสนั่นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ตลอดทั้งวันที่ 24 ก.ค. และมีเหตุการณ์ลูกปืนใหญ่ BM-21 ของกัมพูชาตกลงมาใส่หลายจุด รวมทั้งที่ร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน ปตท.จนมีผู้เสียชีวิตหลายศพและบาดเจ็บ ทำให้นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผวจ.ศรีสะเกษ ได้ออกคำสั่งยกระดับมาตรการความปลอดภัยในพื้นที่ พร้อมประสานกับฝ่ายความมั่นคงในการอำนวยความสะดวกด้านการอพยพ พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากประชาชนให้งดเดินทางเข้าสู่พื้นที่แนวชายแดนจนกว่าสถานการณ์ จะคลี่คลายทิ้งบ้านหนีตายอลหม่านมาพักค่ายต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่จุดอพยพแห่งหนึ่ง ใน อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ มีประชาชนจาก ต.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ ที่ถือว่าเป็นพื้นที่สีแดง อพยพหนีภัยมาพักพิงกว่า 700 คน เนื่องจาก ต.บึงมะลูเป็นหมู่บ้านติดชายแดนกัมพูชา ทางศูนย์ได้แบ่งให้ไปพักอาศัย ที่วัด ที่โรงเรียน และที่ รพ.สต.ที่อยู่ใกล้กัน มีชาวบ้านในชุมชนใช้ครัววัดประกอบอาหารให้ผู้มาพักอาศัย เบื้องต้นสิ่งที่ศูนย์อพยพนี้ขาดแคลนคือ อาหาร เครื่องอุปโภค เช่น ยาสีฟัน สบู่ ของใช้ในชีวิตประจำวัน ขณะที่คุณยายวัย 88 ปี ที่อพยพมาจากพื้นที่กันทรลักษ์ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า หลังจากได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังขึ้น ก็ให้หลานพาหนีออกจากพื้นที่เพราะกลัว เหตุการณ์แบบ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่พบเจอ ครั้งแรกในปี 54 ไม่แรงมากแต่ครั้งนี้รุนแรงมากกว่าปี 54 ตอนได้ยินเสียงระเบิดได้เข้าไปหลบในบังเกอร์ก่อนรีบหนีออกจากพื้นที่พร้อมกับชาวบ้านอีกหลายคน นอกจากนี้ในศูนย์อพยพยังมีเด็กเล็กจำนวนมากที่บรรดาผู้ปกครอง พากันหอบครอบครัวหนีมาโดยไม่ทันได้หยิบอะไรติดมือมาเลย จึงร้องขอนมกล่อง แพมเพิร์ส ขนม ให้กับเด็กๆในศูนย์อพยพเสียงปืนใหญ่ดังสนั่นทั้งคืนนางเทียน มีทรัพย์ อายุ 50 ปี ชาว อ.กันทรลักษ์ หนึ่งในผู้อพยพที่หนีการสู้รบมาเมื่อเช้าวันที่ 25 ก.ค. เผยกับผู้สื่อข่าวว่า สถานการณ์เมื่อคืนวันที่ 24 ก.ค.ได้ยิงเสียงปืนใหญ่ยิงกันตลอดเวลาจนหลังคาบ้านสะเทือนไปหมด จนถึงช่วงเช้าวันที่ 25 ก.ค. ยังได้ยิน เสียงยิงกัน ทำให้กลัวมากต้องหนีออกมา ผู้คนในหมู่บ้านหนีตายออกจากพื้นที่เกือบหมด บ้านเรือนถูกปิดเงียบ ส่วนตัวไม่ห่วงอะไรแล้วที่บ้าน ห่วงชีวิตตัวเองมากกว่า เพราะเหตุในครั้งนี้รุนแรงมาก หนักกว่าเมื่อปี 54 และเกิดขึ้นในแหล่งชุมชน ทำให้เตรียมตัวหนีไม่ทัน คิดว่าเหตุการณ์จะสงบเร็วแต่กลับทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตลอดทั้งคืนมีเสียงยิงปะทะกันไม่หยุด เช้ามาจึงได้รีบอพยพหนีออกมาอยู่ที่ศูนย์อพยพนี้ สิ่งที่เอาติดมือมาได้มีแต่ของใช้ส่วนตัว สบู่ ยาสีฟัน เท่านั้นเองเก็บกู้ 5 ศพในร้านสะดวกซื้อส่วนความคืบหน้ากรณีทหารกัมพูชายิงจรวดตกใส่ร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน ปตท.บ้านผือต.เมือง อ.กันทรลักษ์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บ 13 รายนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากทหารไทยและทหารกัมพูชาเริ่มเปิดฉากปะทะกันตั้งแต่เวลา 03.00 น.วันที่ 25 ก.ค.จนถึงเวลาประมาณ 08.00 น.และมีกระสุนปืนของฝั่งกัมพูชาตกมาที่ฝั่งไทยประมาณ 3 ลูก แต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต กระสุนปืนส่วนหนึ่งตกมาใกล้ปั๊มน้ำมัน ทำให้เจ้าหน้าที่ EOD ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่เก็บกู้ระเบิดตั้งแต่ช่วงเช้า ต้องรีบออกจากที่เกิดเหตุก่อนเพราะหวั่นว่าจะไม่ปลอดภัย แม้การเก็บกู้ระเบิดที่หลงเหลือยังไม่แล้วเสร็จและจะกลับไปดำเนินการเก็บกู้ระเบิดอีกครั้ง ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากมูลนิธิร่วมกตัญญูได้เข้าเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตภายในร้านสะดวกซื้อได้ทั้งหมด 5 ราย 1 ในนั้นเป็นพนักงานเซเว่น ที่เหลืออยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์ทราบต่อไปนร.–ชาวศรีสะเกษแห่บริจาคเลือดที่หอประชุมกิจเจริญไทย ร.ร.ศรีสะเกษวิทยาลัย วันเดียวกัน รพ.ศรีสะเกษ ร่วมกับ ร.ร.ศรีสะเกษวิทยาลัย เปิดรับบริจาคโลหิตช่วยเหลือประชาชนและทหารกล้าที่บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่เวลา 08.30-15.00 น. มีเด็กนักเรียน บุคลากรทางการศึกษาและชาวศรีสะเกษนับพันคนเดินทางมาร่วมบริจาค กลุ่มเด็กนักเรียน ร.ร.ศรีสะเกษต่างกล่าวว่า พร้อมใจร่วมบริจาคเลือดเพื่อเอาไว้ใช้ในเหตุฉุกเฉินและภูมิใจมากที่ได้บริจาคเลือดเพื่อช่วยผู้ประสบภัยสงครามและพี่ๆทหารที่บาดเจ็บจากการสู้รบ อยากให้ชาวศรีสะเกษมาช่วยบริจาคเยอะๆเพราะต้องการเลือดจำนวนมาก ขอเป็นกำลังใจให้กับพี่ๆทหารทุกคนปลอดภัย ทั้งนี้ นอกจากเปิดรับบริจาคโลหิต โรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัยยังเปิดศูนย์ธารน้ำใจศรีสะเกษวิทยาลัย สู่ชายแดน รับบริจาคน้ำ สิ่งของ อาหารแห้ง เครื่องอุปโภค บริโภคต่างๆที่จำเป็น ไปมอบให้ผู้ประสบภัยจากเหตุปะทะครั้งนี้ เขมรตั้งฐานยิงปืนใหญ่ตรงข้ามช่องสะงำด้านนายบัญชา จันทร์ณรงค์ นอภ.ภูสิงห์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากฝ่ายความมั่นคงว่า กองกำลังฝ่ายกัมพูชาได้เคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์หนักเข้ามาตั้งฐานประจำการ รวมถึงปืนใหญ่และจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ที่มีพิสัยยิงไกลครอบคลุมหลายตำบลในฝั่งไทย ที่บริเวณตรงข้ามจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.ภูสิงห์ จากสถานการณ์ดังกล่าวที่มีแนวโน้มรุนแรงและไม่แน่นอน ทำให้อำเภอกังวลถึงความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ เดิมมีแผนให้อพยพ 4 ตำบล แต่ด้วยระดับความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นจึงตัดสินใจประกาศอพยพ 7 ตำบลในพื้นที่ อ.ภูสิงห์ อย่างเร่งด่วน ขณะเดียวกัน รพ.ภูสิงห์ได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากพื้นที่พร้อมปรับเป็น “รพ.สนาม” ให้บริการเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินหรืออาการรุนแรง ส่วนสถานการณ์ชายแดนยังอยู่ในภาวะเฝ้าระวังสูงสุดโดยหน่วยความมั่นคงที่เพิ่มกำลังลาดตระเวน เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงไทย–กัมพูชายิงปืนใหญ่โต้กันสนั่นส่วนสถานการณ์ที่ จ.สุรินทร์ ตั้งแต่เวลา 05.30น. วันที่ 25 ก.ค. ทหารกัมพูชาเปิดยิงชุดใหญ่อีกระลอก ตั้งแต่บริเวณปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก และตลอดแนว โดยชุดยิงฐานปืนใหญ่ของฝั่งกัมพูชาอยู่ทางทิศใต้ของปราสาทตาเมือนธม แม้ฐานทหารกัมพูชาจุดดังกล่าวจะถูกเครื่องบินรบ F—16 ยิงทำลายไปแล้วเมื่อช่วงเย็นวันที่ 24 ก.ค. แต่ทหารกัมพูชายังคงเสริมอาวุธหนักเข้ามาตลอดเวลา จนเวลาประมาณ 08.00 น. มีกระสุนปืนของทหารกัมพูชาตกที่บริเวณตลาดอาเซียนช่องจอม ใกล้ตลาดชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง และมีการรัวยิงจรวด BM-21 เป็นชุด เข้ามาเป็นระยะๆ ทำให้ชาวกัมพูชาที่มาค้าขายที่ตลาดชายแดนช่องจอมต้องหาที่หลบภัย ส่วนผู้นำชุมชน จนท. ชรบ. หมู่บ้าน ที่ต้องอยู่ในพื้นที่ดูแลทรัพย์สินประชาชน พากันวิ่งเข้าหลุมหลบภัยและเร่งอพยพประชาชนบางส่วนที่หลงเหลืออยู่ตามบ้านเรือนออกอย่างเร่งด่วน ขณะที่เสียงปืนใหญ่ของทหารไทยยิงตอบโต้ดังมาถึงในตัวเมืองสุรินทร์เป็นระยะอีกด้วย จนท.ในพื้นที่แจ้งให้ประชาชนที่ไม่จำเป็นห้ามเข้ามาเด็ดขาดaกระสุนปืนใหญ่ตกเฉียด รพ.-ตลาดช่วงเวลา 10.30 น. พบลูกปืนใหญ่ของกัมพูชา ตกเข้ามาในพื้นที่ห่างจาก รพ.พนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ ประมาณ 1 กม. และมีการเล็งยิงเข้ามาในพื้นที่ใกล้ๆจุดเดิม คาดว่ามีเป้าหมาย คือ รพ. สถานีตำรวจและที่ว่าการอำเภอ ที่อยู่ใกล้ๆกัน ทำให้ทางอำเภอต้องอพยพชาวบ้านไปอยู่ในที่ปลอดภัย ขณะที่ตามถนนหนทางแทบไม่มีรถราของชาวบ้านวิ่ง มีเพียงรถของ จนท.ที่เกี่ยวข้องวิ่งไปมา ส่วนบ้านเรือนประชาชนและร้านค้าต่างปิดประตูล็อกกุญแจผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ อ.กาบเชิง ในเวลา 10.30 น. หลังช่วงเช้ามีทหารกัมพูชายิงจรวด BM-21 เข้ามาฝั่งตะวันออกของตลาดช่องจอมหลายลูก ทำให้ รพ.กาบเชิงอพยพผู้ป่วยไปยัง รพ.ในตัวจังหวัดทั้งหมด เหลือเพียงเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินเพียงไม่กี่นายเท่านั้น ซึ่งในพื้นที่ชายแดนช่องจอม อ.กาบเชิง ถือว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงยังไม่ปลอดภัยและกองทัพภาคที่ 2 ได้ออกคำเตือนประชาชนในพื้นที่ให้ออกจากพื้นที่หรืออพยพออกจากพื้นที่เสี่ยง 100%รวบเขมรแอบถ่ายรูปพื้นที่หลบภัยช่วงเที่ยงวันเดียวกัน ร.ต.ท.ปิยะณัฐ ผงทวี รอง สว. (สอบสวน) ได้รับแจ้งจากสายตรวจตำบลด่าน อ.กาบเชิง พร้อมเจ้าหน้าที่ชุด ชรบ.ประจำหมู่บ้านด่าน พบนายวีระ เทพ อายุ 52 ปี ชาวกัมพูชาที่พูดไทยได้ มีอาชีพขายน้ำดื่มที่ตลาดช่องจอม ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ทะเบียน 1 กว 9576 สุรินทร์ พร้อมใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปบริเวณพื้นที่หลบภัยบ้านด่านฯอย่างน่าสงสัย จึงคุมตัวมาตรวจสอบเอกสารการเข้าเมืองของบุคคลต่างด้าว พบเข้ามาเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. แล้วนำมาสอบสวนที่ สภ.กาบเชิง นายวีระแจ้งว่า ถ่ายภาพพื้นที่อพยพส่งให้น้องสาวที่อยู่กัมพูชาดู ไม่มีเจตนาส่งข้อมูลให้กับฝ่ายกัมพูชา เมื่อตรวจสอบโทรศัพท์มือถือพบคลิปวิดีโอเป็นภาพถนนหน้าตลาดช่องจอม ส่วนรถจักรยานยนต์เป็นของนายไพบูรณ์ โพธิ์สมัคร ผู้ดูแลตลาดช่องจอม จึงควบคุมตัวให้ทหารชุดปฏิบัติการกาบเชิงและเจ้าพนักงานปกครองร่วมตรวจสอบต่อไปรพ.บ้านกรวดอพยพคนไข้หนีกระสุนส่วนสถานการณ์ชายแดนที่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ นางประภาพร นโรปการณ์ ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำ จ.บุรีรัมย์ รายงานว่า ชาวบ้านตามแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากการยิงจรวด BM-21 ของกัมพูชา ทยอยเดินทางไปพักพิงที่ศูนย์อพยพที่ทางการจัดให้อย่างไม่ขาดสาย ชาวบ้านรายหนึ่งเผยว่าเสียงปืนใหญ่ของกัมพูชาจะเงียบลงไปนานหลังจากที่มีเครื่องบิน F-16 บินมาทิ้งระเบิด สักพักก็กลับมายิงอีก ส่วนที่ รพ.บ้านกรวด เรืออากาศโทหญิง สมสมร นาคเกษม หัวหน้าห้องอุบัติฉุกเฉินและนิติเวช เผยว่า หลังจากมีลูกกระสุนปืนใหญ่มาตกใกล้ รพ. ได้รับคำสั่งให้ย้ายผู้ป่วยทั้งหมด 70 คน ออกไปยัง รพ.ใหญ่แล้วเหลือเพียงเจ้าหน้าที่คอยรับเหตุฉุกเฉิน แต่สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นยังได้ยินเสียงปืนใหญ่อย่างต่อเนื่อง ทำให้เมื่อเช้าวันที่ 25 ก.ค.ได้ถอนเจ้าหน้าที่ออกจาก รพ.และหยุดให้บริการคนไข้ทันทีจัดชุดตำรวจตอบโต้ป้องกันขโมยสำหรับประชาชนส่วนหนึ่งที่ไม่อยากจะออกจากบ้านเพราะเป็นห่วงข้าวของทรัพย์สิน พล.ต.ต. ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผบก.ภ.จ.บุรีรัมย์ ได้จัดตำรวจชุดตอบโต้ สภ.บ้านกรวด ที่ผ่านการฝึกเมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาเข้าตรวจค้นจับกุมหรือปะทะกับฝ่ายกัมพูชา แต่ละชุดประกอบด้วยกำลังตำรวจ 6 นาย พร้อมอาวุธปืนยาว 5 สภ.ตามแนวชายแดนมีทั้งหมด 13 ชุด ป้องกันกลุ่มคนที่อาจฉวยโอกาสเข้าไปขโมยทรัพย์สินของชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านยอมอพยพออกมาพลทหารเหยียบระเบิดทำเซอร์ไพรส์แฟนระหว่างที่สถานการณ์การสู้รบของไทยกับกัมพูชายังอยู่ในความตึงเครียด ก็มีเรื่องสุดน่ารักฮีลใจเกิดขึ้นโดยพลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม 1 ใน 3 ทหารที่เหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 ช่องอานม้า บาดเจ็บเข้ารักษาตัวที่ รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ได้ทำเซอร์ไพรซ์ขอแฟนสาวชื่อน้องน้ำหวานหรือนส.ธัญชนก ที่กำลังตั้งครรภ์ได้ 8 เดือน จดทะเบียนสมรสแบบสายฟ้าแล่บหลังเกิดเหตุการณ์เฉียดตาย มีนายอุดมศักดิ์ นวลศิริ นอภ.วารินชำราบ เป็นนายทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสให้ทั้ง 2 คน ถึงเตียงผู้ป่วยใน รพ. พร้อมทั้งมี ส.อ.ปฎิภัทร สีลาศักดิ์ หัวหน้าชุดที่ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดจากเหตุการณ์เดียวกันเป็นพยานประกาศกฎอัยการศึกจันทบุรี-ตราดด้าน จ.จันทบุรี พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ได้ประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ความโดยสรุปว่า โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังนี้ จังหวัดจันทบุรี ที่ อ.เมืองจันทบุรี อ.ท่าใหม่ อ.มะขาม อ.แหลมสิงห์ อ.แก่งหางแมว อ.นายายอามและ อ.เขาคิชฌกูฏกับจังหวัดตราด ที่ อ.เขาสมิง ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค.เป็นต้นไปทอ.จัดให้ F-16 ทิ้งบอมบ์อีก 4 จุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเที่ยงวันที่ 25 ก.ค.กองทัพอากาศส่งเครื่องบิน F-16 จำนวน 4 เครื่อง ปฏิบัติการทางอากาศกับพื้นที่เป้าหมายทางทหารของกัมพูชา 2 จุด จากนั้นกลับเข้าฐานบินอย่างปลอดภัย ขณะเดียวกันในเที่ยวบินที่ 2 ช่วงบ่ายได้ขึ้นบินอีก 2 เครื่อง โจมตีเป้าหมายทางทหารไม่พลาดเป้า 2 จุด ก่อนกลับเข้าฐานบินอย่างปลอดภัยเช่นกัน การปฏิบัติทางอากาศในวันนี้ เน้นทำลายเป้าหมายทางทหารกัมพูชา บริเวณโดยรอบ “เขาพระวิหาร ตาเมือนธม ภูมะเขือ” ที่เป็นขุมกำลังรบที่กัมพูชาใช้ยิงจรวดเข้ามาใส่บ้านเรือนประชาชนและโรงพยาบาล ชายแดนฝั่งประเทศไทยกองทัพภาค 2 สั่งเขมรหยุดเฟกนิวส์เวลา 15.00 น. เฟซบุ๊กกองทัพภาคที่ 2 โพสต์ข้อความสรุปสถานการณ์สู้รบแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา วันที่ 25 ก.ค. เวลา 12.00 น. ตอนหนึ่งว่า สถานการณ์สู้รบที่เกิดขึ้นกองทัพบกโดยกองทัพภาคที่ 2 ยังยืนยันเจตนาปกป้องอธิปไตยที่เกิดจากการรุกรานของฝ่ายกัมพูชา ภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ มิใช่การละเมิดหรือรุกรานจากฝ่ายไทยตามที่กัมพูชากล่าวอ้างและพยายามนำเสนอข้อมูลสร้างความชอบธรรมในสายตานานาชาติ ขอเรียกร้องให้กัมพูชายุติการกระทำในลักษณะที่ต้องการครอบครองพื้นที่ประเทศไทย โดยนำเรื่องพื้นที่เข้าสู่กระบวนการพิจารณาตัดสินโดยศาลโลกและกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาในฐานะมิตรประเทศต่อไประดมอพยพ ปชช.พ้นพื้นที่เสี่ยงพ.ต.หญิง จุฑาพัชร เปรมบัญญัติ ผู้ช่วยโฆษก ทบ. เปิดเผยว่า วันที่ 25 ก.ค.กองทัพบกร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่เร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่สู้รบ ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธหนักยิงโจมตีมาในเขตประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ 14 อำเภอ 4 จังหวัด ได้รับผลกระทบจากอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชาที่ยิงเข้ามาในพื้นที่บ้านเรือนประชาชน โรงพยาบาล สถานที่พลเรือนอย่างไร้มนุษยธรรม จากการตรวจสอบข้อมูลวันที่ 25 ก.ค.มีประชาชนบาดเจ็บ 29 คน เสียชีวิต 16 ราย ต้องอพยพประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน เพื่อความปลอดภัย ปัจจุบันกองทัพบก ประสานฝ่ายปกครองอพยพประชาชนไปยังพื้นที่รวบรวมพล เรือนรวม 63,446 คน มี จ.บุรีรัมย์ 4,813 คน สุรินทร์ 21,646 คน ศรีสะเกษ 26,511 คน อุบลราชธานี 10,476 คนจ่ายเงินช่วยผู้เสียชีวิต 1 ล้านบาทนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน เป็นประธานประชุมคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมนายพีระพันธุ์เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯอนุมัติหลักการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ดังนี้ 1.กรณีเสียชีวิต ค่าจัดการศพรายละ 1 ล้านบาท 2.ทุพพลภาพ รายละ 7 แสนบาท 3.บาดเจ็บสาหัส รายละ 2 แสนบาท 4.บาดเจ็บมาก รายละ 1 แสนบาท 5.บาดเจ็บเล็กน้อย รายละ 5 หมื่นบาทสภาเปิดบัญชีระดมเงินบริจาคนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในวันที่ 1 ส.ค. จะนำคณะ สส.ลงพื้นที่จังหวัดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เยี่ยมให้กำลังใจทหารที่บาดเจ็บและประชาชนในพื้นที่ เป็นภารกิจผู้แทนประชาชนต้องร่วมรับรู้ปัญหา ให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม เชิญชวนข้าราชการรัฐสภา และประชาชน ร่วมบริจาคสิ่งของจำเป็นส่งไปช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเปิดบัญชีธนาคาร เพื่อรับบริจาคโดยตรงจาก สส. สว. และประชาชน เพื่อใช้จัดหาสิ่งของและดูแลผู้ประสบภัยในพื้นที่ สามารถโอนเงินได้ที่บัญชีธนาคารกรุงไทย สาขารัฐสภาชื่อบัญชี “รัฐสภารวมใจช่วยชายแดน” เลขที่บัญชี : 089-0-89889-8มท.1 ซัดฮุน เซนเชื่อถือไม่ได้ที่กระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ต่อสายมาพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า นายอันวาร์อยากเป็นตัวกลางแก้ปัญหา สถานการณ์เช่นนี้ต้องการความจริงใจ เพราะกัมพูชายั่วยุมาตลอด ไทยจึงขอให้นายอันวาร์ไปเคลียร์กับกัมพูชาให้ชัดเจนว่า สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นจะไม่เกิดซ้ำซากอีก ชัดเจนเมื่อไรค่อยคุยกัน นายอันวาร์คุยกับ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก่อนโทร.มาหาตนก็ยอมรับในหลักการ แต่ขอให้กัมพูชาแสดงให้เห็นชัดเจนว่า มีความจริงใจ ไทยเป็นฝ่ายขอเจรจามาตลอด แต่กัมพูชาไม่สนใจ แสดงให้เห็นความไม่จริงใจ ที่เห็นชัดเจนคือ สมเด็จฮุน เซน นั่งบัญชาการ พร้อมกางแผนที่ 1 : 50,000 แผนที่ที่ไทยใช้มาตลอด ทั้งที่กัมพูชาบอกว่า ยึดแผนที่ 1 : 200,000 ลักษณะผู้นำอย่างสมเด็จฮุน เซน เชื่อถือได้หรือไม่เข้าข่ายอาชญากรรมสงครามนายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นฟ้องว่า ถ้ายึดมั่นในหลักการ ต้องยิงเป้าหมายทหาร ไม่ใช่พลเรือน สิ่งที่เกิดขึ้นไทยรับไม่ได้ กัมพูชาเปิดแนวรบ 4 จังหวัดอีสานใต้ เจตนาสร้างปัญหา ยิงมาที่พลเรือน ระเบิดลงร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน ห่างจากถังน้ำมันใหญ่ 40 เมตร ถ้าโดนถังน้ำมันใหญ่จะเกิดความเสียหายอย่างมาก ผิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างรุนแรง ยิงมาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก จ.สุรินทร์ แต่ยังไม่เห็นท่าทีกัมพูชารู้สึกว่า ทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ เข้าข่ายอาชญากรรมสงครามเรียก รมว.ต่างประเทศกลับด่วนนายภูมิธรรมกล่าวว่า กัมพูชาอยากเจรจา แต่ในทางปฏิบัติไม่ได้หยุดยิง ไปร้องว่าไทยเป็นผู้รุกราน เปิดฉากยิงก่อน แต่สื่อมวลชนต่างประเทศกว่า 70 แห่ง ยืนยันกัมพูชาเปิดฉากก่อน ส่วนเรื่องเวทีต่างประเทศ ได้เรียกนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ที่ขณะนี้อยู่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ให้กลับประเทศไทยโดยด่วน มาช่วยรับมือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นายมาริษได้พูดคุยกับเลขาธิการยูเอ็นและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ให้รายละเอียดและหลักฐานไปแล้ว เมื่อถามว่า เรียกว่าเป็นอาชญากรรมสงครามได้หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า เห็นว่าขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจเกี่ยวข้องที่อยู่ในกฎหมายระหว่างประเทศ เข้าข่ายการสร้างอาชญากรรม สำหรับการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบเหตุตามแนวชายแดน จากเดิมที่มีงบอยู่ในพื้นที่ 20 ล้านบาท ขึ้นเป็น 50 ล้านบาท แต่พื้นที่ใดประกาศประสบเหตุไทย-กัมพูชาจะเพิ่มเป็น 100 ล้านบาท รวมถึงจะเยียวยาผู้เสียชีวิต พร้อมสั่งการรัฐมนตรีทุกคนไปเยี่ยมประชาชน ร่วมงานศพผู้เสียชีวิต ทำทุกอย่างช่วยเหลือประชาชนให้ได้มากที่สุดปืนนัดแรกดังรัฐไม่นิ่งนอนใจแก้ปัญหาที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 17.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี อ่านแถลงการณ์รัฐบาลไทยถึงประชาชนชาวไทยว่า จากสถานการณ์ที่ประเทศไทยกำลังถูกคุกคามจากกัมพูชา แม้ที่ผ่านมาเราจะอดทนอดกลั้นต่อการยั่วยุ ใช้สันติวิธีภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ แต่น่าผิดหวังมาก ที่กัมพูชาเลือกใช้กำลังทางทหารก่อน ขัดกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรมอย่างรุนแรง ด้วยการโจมตีโรงพยาบาล พื้นที่ชุมชนเลยแนวชายแดนมากกว่า 20 กม. มีผู้เสียชีวิตเป็นพลเรือน 13 ราย รวมถึงเด็ก สตรี คนชรา เป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วันที่ 24 ก.ค. รมว.ต่างประเทศได้ชี้แจงข้อเท็จจริงกับเลขาธิการสหประชาชาติ รัฐบาลมีหนังสือถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ชี้แจงข้อเท็จจริงประณามการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายต่อประชาชน รวมทั้งเชิญชวนให้ประชาคมโลกร่วมประณามการกระทำอันไร้มนุษยธรรม รัฐบาลขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อการสูญเสียของประชาชนทุกท่าน ขอยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาล กองทัพ และหน่วยราชการทุกหน่วยไม่ได้นิ่งนอนใจแม้แต่น้อย นับแต่เสียงจากกระบอกปืนนัดแรกดังขึ้น กองทัพไทยได้ตอบโต้โดยจำกัดเฉพาะเป้าหมายทางการทหารของกัมพูชา บนหลักการปกป้องตัวเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยได้ทำลายฐานที่มั่นทางการทหารของกัมพูชาแจงแค่เหตุปะทะไม่ใช่สงครามนายภูมิธรรมกล่าวว่า ขณะนี้ได้อพยพผู้คนที่ได้รับผลกระทบออกจากพื้นที่นับแสนคน รัฐบาลกำหนดหลักเกณฑ์เยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือนรายละ 1 ล้านบาท ทุพพลภาพ 700,000 บาท บาดเจ็บสาหัส 200,000 บาท บาดเจ็บมาก 100,000 บาท ประสานสายการบินทุกสายจัดเที่ยวบินพิเศษรับคนไทยกลับบ้านอย่างปลอดภัย ดูแลกำลังพลที่บาดเจ็บอย่างเต็มที่ วันที่ 26 ก.ค. รัฐมนตรีจะลงพื้นที่ 4 จังหวัด คือ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนในพื้นที่ และดูแลสร้างขวัญกำลังใจให้ประชาชนในพื้นที่สถานการณ์ ช่วงเวลานี้คนไทยต้องรวมใจเป็นหนึ่งเดียว ส่งกำลังใจให้ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยและประชาชนในพื้นที่ให้ปลอดภัย ขอย้ำเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ความขัดแย้งระดับประชาชนทั้งสองประเทศ ไม่ใช่การประกาศสงคราม แต่เป็นการปะทะตามชายแดนเพื่อปกป้องอธิปไตย ตอบโต้ผู้รุกราน ท้ายที่สุดนี้นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยกำลังพลและราษฎร ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ทรงรับผู้บาดเจ็บทุกคนเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์อพยพชาวบ้านหนีภัย 1.3 แสนคนด้าน พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุม ศบ.ทก. ว่า สถานการณ์ปะทะยังมีต่อเนื่องถึงปัจจุบัน แจ้งเตือนประชาชนทั้งสองประเทศที่ไม่เกี่ยวข้องการสู้รบ อพยพจากพื้นที่สู้รบ ยอดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บของฝ่ายไทยที่เป็นพลเรือน ณ วันที่ 25 ก.ค.เวลา 09.00 น. มีพลเรือนเสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บสาหัส 7 ราย บาดเจ็บปานกลาง 13 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 11 ราย รวม 45 ราย อพยพประชาชนใน 4 จังหวัด คือ สุรินทร์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ไปแล้ว 130,000 คน กระทรวงสาธารณสุขอพยพผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลในรัศมีการโจมตี 11 แห่ง มี 4 แห่งปิดทำการไปโดยปริยาย ส่วนสถานการณ์การปะทะวันที่ 25 ก.ค.ยังมีอยู่ 12 แห่ง ส่วนการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) วันที่ 24 ก.ค. มีมติอนุมัติให้กองทัพปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนไทย และให้กระทรวงต่างประเทศประท้วง ประณามการกระทำของกัมพูชาที่ละเมิดอธิปไตยไทยaแจ้งยูเอ็นเอสซีอาร์เขมรยิงก่อนนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงต่างประเทศ กล่าวว่า การสูญเสียที่เกิดขึ้นกับพลเรือนบริสุทธิ์ที่มีเด็กอยู่ด้วยนั้น นอกจากละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศแล้ว ยังละเมิดศีลธรรมความเป็นมนุษย์ ควรจะได้รับการประณามอย่างเต็มที่ ยืนยันว่าการตอบโต้ของฝ่ายไทยมีความชัดเจนและเหมาะสมในการป้องกันตนเองตามข้อ 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ โดยไทยส่งหนังสือถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชา ชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ตอบโต้กัมพูชาว่า ไทยมีหลักฐานฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน ขอให้ประธานยูเอ็นเอสซีเวียนหนังสือของฝ่ายไทยให้สมาชิกทุกประเทศรับทราบด้วย โดยยูเอ็นเอสซีจะจัดประชุมแบบปิดหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เชิญคู่กรณีพร้อมสมาชิก 15 ประเทศให้ข้อมูลพื้นที่รบเขาพระวิหารห่างปราสาทนางมาระตีกล่าวอีกว่า ส่วนที่กระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์แห่งกัมพูชา แถลงการณ์ ประณามกองทัพไทย รุกรานสร้างความเสียหายให้ตัวปราสาทพระวิหาร การปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชา วันที่ 24 ก.ค. กัมพูชาเป็นฝ่ายยิงก่อน เกิดขึ้นที่เขาพระวิหาร (บริเวณห้วยตามาเรีย-ภูมะเขือ) ห่างจากตัวปราสาทพระวิหาร 12 กิโลเมตร เป็นไปไม่ได้ที่จะมีกระสุนหรือสะเก็ดระเบิดไปไกลถึงปราสาทพระวิหาร ฝ่ายไทยจะชี้แจงโดยออกหนังสือเช่นกันอเมริกาวอนหยุดความขัดแย้งวันเดียวกัน นายทอมมี่ พิกอตต์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลไทยและกัมพูชาหย่าศึกโดยทันที ให้ความคุ้มครองพลเรือน และหาทางออกอย่างสันติ รัฐบาลสหรัฐฯรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ความรุนแรงส่งผลกระทบต่อพลเรือน ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยออกคำเตือนให้พลเมืองชาวอเมริกันหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปในระยะ 50 กิโลเมตรของพรมแดนไทย-กัมพูชา เนื่องด้วยสถานการณ์ความขัดแย้งทางทหารที่ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง หากชาวอเมริกันอาศัยอยู่ในพื้นที่หรือกำลังเดินทางอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของฝ่ายความมั่นคง รวมถึงติดตามข้อมูลข่าวสารจาก ทางการท้องถิ่นจีน–รัสเซียมองผลพวงตะวันตกด้านนายหวัง อี้ รมว.ต่างประเทศจีน กล่าวว่ารัฐบาลจีนพร้อมมีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในการคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ต้นตอของเรื่องนี้ถือเป็นมรดกตกทอดจากนโยบายล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างมีสติและเหมาะสม รัฐบาลจีนมีความวิตกกังวลอย่างหนักต่อการปะทะที่สร้างความสูญเสีย และพร้อมที่จะวางตัวอย่างเป็นกลางเพื่อช่วยแก้ไขวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ ขณะที่นางมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ก็ออกแถลงในทำนองเดียวกันกองทัพเผยปะทะหนักตลอดวันพ.อ.หญิง ฉัตรรพี พูนศรี รองโฆษกกองบัญชาการ กองทัพไทย ระบุว่า รายงานจากศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) วันที่ 25 ก.ค. เกิดเหตุปะทะต่อเนื่องตลอดแนวชายแดนในหลายจุดสำคัญ ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากโจมตีก่อนด้วยอาวุธหนักหลายประเภท ส่งผลให้สถานการณ์ในพื้นที่มีความตึงเครียดอย่างมาก สรุปสถานการณ์ในพื้นที่สำคัญ ดังนี้ เวลา 08.30 น. บริเวณช่องบก เกิดการยิงตอบโต้ระหว่างปืนใหญ่ไทยกับ BM-21 ฝ่ายกัมพูชา ช่องอานม้า กัมพูชาใช้กำลังโจมตีและทำลายอนุสาวรีย์คนขี่ม้ารวมถึงอาคารโดยรอบพื้นที่ซำแต กองกำลังไทยตอบโต้ด้วยทหารราบและรถถัง เพื่อยึดพื้นที่กลับคืนช่องตาเฒ่า ฝ่ายกัมพูชาใช้รถถัง 15 คัน เป็นฐานยิงโจมตี เขาพระวิหาร กองกำลังไทยตรึงกำลังเข้มแข็ง ภูมะเขือเกิดการเข้าตีและยิงโต้ตอบอย่างต่อเนื่อง ช่องจอมมีการสู้รบสลับกันไปมา ปราสาทตาควาย กัมพูชาเสริมกำลังพลจำนวนมากเข้าสู่พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ฝ่ายไทยวางกำลังป้องกันแน่นหนา ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามเข้าตีหลายระลอกประณาม “ฮุน เซน” อาชญากรสงครามพ.อ.หญิง ฉัตรรพีระบุอีกว่า ฝ่ายกัมพูชากระทำการเข้าข่ายอาชญากรรมสงครามอย่างชัดเจน ได้แก่ จงใจโจมตีพลเรือนและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มีสถานะทางทหาร ทำลายสถานที่สาธารณะ เช่น โรงเรียน อนุสาวรีย์ การใช้อาวุธหนักแบบไม่เลือกเป้าหมาย การตั้งฐานยิงในพื้นที่ชุมชน ใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์ ถือเป็นการละเมิดกฎหมายและธรรมเนียมของสงครามอย่างร้ายแรง ประเทศไทยเรียกร้องให้ประชาคมโลกตระหนักถึงการกระทำของฮุน เซน ผู้นำกัมพูชาต้องรับผิดชอบในฐานะอาชญากรสงคราม ที่สั่งการและสนับสนุนการรุกรานอย่างไม่ชอบธรรมทหารหาญสละชีพเพิ่มอีก 3 นายรองโฆษกฯกล่าวอีกว่า นอกจากนี้มีพลเรือนบาดเจ็บสาหัส 3 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย ทหาร เสียชีวิต 3 นาย ทั้งหมดสังกัดกองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 กองพลทหารราบที่ 6 ประกอบด้วย 1.สิบเอกนพดล บุญเลิศ 2.สิบเอกกฤษฎา น้อยโคตร 3.สิบเอกจิรายุ สิงห์อ้น และกำลังพลบาดเจ็บ 1 นาย คือ สิบเอกสุทธิชัย เรื่อเรือง และมีบาดเจ็บสาหัส 1 นาย รวมยอดสะสมตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ถึงปัจจุบัน พลเรือนเสียชีวิต 13 ราย บาดเจ็บสาหัส 10 ราย บาดเจ็บปานกลาง 10 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 13 ราย ทหารเสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บสาหัส 7 นาย บาดเจ็บปานกลาง 5 นาย บาดเจ็บเล็กน้อย 3 นายศพเขมรเกลื่อนภูผี 100 นายนอกจากนี้ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ 25 ก.ค. เวลา 16.00 น. ว่า สถานการณ์สู้รบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สรุปผลการปฏิบัติสำคัญดังนี้ สถานการณ์สู้รบ กลยุทธ์ฝ่ายตรงข้ามยังคงพยายามใช้กำลังทหารราบเข้าประชิดกำลังฝ่ายเรา เพื่อเข้าโจมตี ในพื้นที่ช่องบก ซำแต ภูมะเขือ ช่องตาเฒ่า ประสาทตาเมือน และปราสาทตาควาย มีการยิงด้วยอาวุธยิงสนับสนุนต่อเนื่องเป็นระยะ พื้นที่ช่องบกมีความพยายามยึดเนิน 469 พื้นที่ช่องอานม้า ปรับกำลังเข้าควบคุมพื้นที่ การปะทะเบาบางลง พื้นที่ซำแตยังคงโจมตีด้วยอาวุธยิงสนับสนุน รถถัง และปืนใหญ่ พื้นที่สัตตะโสม ฝ่ายตรงข้ามได้รับความเสียหายหนัก พื้นที่เขาพระวิหาร มีการปะทะต่อเนื่องบริเวณวัด พระแก้ว พื้นที่ภูมะเขือ มีการดำเนินกลยุทธ์เพื่อยึดพื้นที่สำคัญให้เกิดความได้เปรียบอีกฝ่าย พื้นที่เนิน 350 ถูกทำลายด้วยอาวุธยิงสนับสนุนฝ่ายเรา พื้นที่ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ถูกอาวุธยิงสนับสนุนจากฝ่ายเรา ไม่สามารถดำเนินการเข้าตีต่อฝ่ายเราได้ พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ฝ่ายเราสกัดกั้นการเข้าฝ่ายตรงข้ามถอยกลับไป สถานะปัจจุบันฝ่ายตรงข้ามเสียชีวิตที่พื้นที่ภูผีประมาณ 100 นายอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่