หาม “พิมล เจริญยิ่ง” วัย 85 ปี วิศวกรคนเซ็นแบบ สตง.ถล่ม ออกจากเรือนจำไปรักษา รพ.ภูมิพล หลังเครียดหนักซีกซ้ายอ่อนแรง ขณะที่ “เปรมชัย” ถูกส่งรักษาตัว ที่ รพ.ราชทัณฑ์ ด้วยอาการระบบทางเดินหายใจ มีโรคประจำตัวหลายโรคประกอบกับสูงอายุ ด้าน “ช่างเบิร์ด” นำตัวแทนผู้รับเหมาก่อสร้างเข้าไกล่เกลี่ย 3 บริษัทผู้ว่าจ้างก่อสร้างอาคาร สตง. หลังค้างค่าจ้างกว่า 10 ล้านบาท ผลเจรจาเป็นไปด้วยดี ไชน่า เรลเวย์ และ อิตาเลียนไทยฯ จะหักเงินประกันผลงานของ บ.9PK จำกัดเฉลี่ยจ่ายให้ผู้รับเหมาช่วง 22 ราย ที่มีเอกสาร ยืนยันว่าบริษัทฯรับสภาพหนี้ โดยยอดแรกจะจ่าย 5,542,529.74 บาท ภายในวันที่ 28 พ.ค.ภายหลังพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาลนำ 16 ผู้ต้องหา อาทิ เจ้าหน้าที่วิศวกร ผู้ควบคุมงาน และกิจการร่วมค้า ที่เกี่ยวพันกับการรับจ้างสร้างอาคาร สตง. หลังใหม่ และเกิดถล่มลงมาเมื่อวันที่ 28 มี.ค. จากเหตุแผ่นดินไหวมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ไปฝากขังศาลอาญาในข้อหา “เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ซ่อมแซมหรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้นๆ โดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย” ทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวทั้งหมดต้องเข้าเรือนจำ ยกเว้นนางประณีต แสงอลังการ ที่มารับทราบข้อกล่าวหา ในฐานะนิติบุคคลบริษัท ว. และสหาย คอนซัลแตนส์ จำกัด ตำรวจปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากมาในนามนิติบุคคล ขณะดีเอสไอเตรียมสรุปสำนวนคดีนอมินีตามที่เสนอข่าวไปนั้นความคืบหน้าหลังนำ 16 ผู้ต้องหาควบคุมตัวในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 20 พ.ค. พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ 19 พ.ค. นายพิมล เจริญยิ่ง อายุ 85 ปี ผู้ลงนามในแบบก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ถล่ม 1 ในผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวและคุมตัวขังอยู่ที่ห้องพยาบาล แดนแรกรับ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เกิดอาการเครียดประกอบกับมีโรคประจำตัวหลายโรค ร่างกายซีกซ้ายไม่ทำงาน เจ้าหน้าที่ผู้คุมส่งตัวรักษาที่ทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ จากการตรวจวินิจฉัยพบว่าอาจเกี่ยวข้องกับเส้นเลือด รีบส่งต่อ รพ.ภูมิพลตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาโฆษกกรมราชทัณฑ์กล่าวด้วยว่า ขณะที่นายเปรมชัย กรรณสูต อายุ 71 ปี ประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด ถูกคุมขังในเรือนจำในคดีเดียวกันถูกส่งตัวไปตรวจที่ทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ ด้วยอาการระบบทางเดินหายใจ และเนื่องจากมีโรคประจำตัวหลายโรคประกอบกับสูงอายุ แพทย์รับตัวไว้รักษาที่ รพ.ราชทัณฑ์ ส่วนผู้ต้องขังสูงอายุรายอื่นๆในคดีเดียวกันยังคุมขังปกติ อย่างไรก็ตาม เรือนจำมีมาตรการดูแลสังเกตอาการที่สถานพยาบาลของเรือนจำวันเดียวกัน มีรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 32/2568 ความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 หรือคดีนอมินี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สำนวนคดีนอมินีจะประชุมสรุปสำนวนในสัปดาห์นี้ ระหว่างนี้จะหารือเรื่องข้อมูลในสำนวนก่อน นอกจากจะดูเรื่องกฎหมายนอมินีแล้วยังพิจารณาพฤติการณ์ในความผิดตามกฎหมายฮั้วประมูลด้วย หากพบว่ามีบุคคลใดกระทำผิดต้องพิจารณาดำเนินคดีเพิ่มเติม โดยจะตรวจสอบจากสัญญา 3 ฉบับ ได้แก่ สัญญาการก่อสร้าง สัญญาการออกแบบ และสัญญาการควบคุมงาน เพราะทุกสัญญาจะมีรูปแบบการได้มา เช่น เป็นสัญญาที่ได้มาโดยการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์หรือเป็นสัญญาที่ได้มาโดยการคัดเลือกเจาะจงคณะพนักงานสอบสวนคดีนอมินีระบุต่อว่า ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนตรวจสอบพบ 6 นิติบุคคลของกลุ่มผู้เสนอราคา เชิญกรรมการแต่ละบริษัทมาให้ถ้อยคำชี้แจง และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีว่าได้เข้าไปประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์อย่างไรบ้าง แต่ละเจ้ารู้จักกันหรือไม่ อีกทั้งได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ สตง. คณะกรรมการชุดต่างๆ และผู้บริหาร สตง.ไปแล้ว จากนี้ต้องนำคำให้การชี้แจงเหล่านั้นมาพิจารณาว่าส่วนใดหรือพฤติการณ์ใดของใครจะเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมายฮั้วประมูลบ้าง ต้องพิจารณาจากความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ในสัญญาฉบับต่างๆของโครงการก่อสร้างตึก สตง. มีเนื้อหารายละเอียดที่ต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบ หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้องตามความผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษต้องปฏิบัติตามกรอบกฎหมาย คือส่งสำนวนทั้งหมดให้ ป.ป.ช. พิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริง ป.ป.ช. จะไต่สวนว่าจะรับดำเนินการต่อ หรือส่งให้ดีเอสไอดำเนินการแทน เพราะคดีนี้เป็นคดีใหญ่เป็นคดีสำคัญ อย่างไรก็ตาม ในการสรุปสำนวนมีความเห็นทางคดี แบ่งกลุ่มผู้กระทำผิด ตามฐานกฎหมายว่ามีบุคคลใดบ้าง จะต้องผ่านการลงมติในที่ประชุมของคณะพนักงานสอบสวน เพื่อให้สำนวนมีความครบถ้วนสมบูรณ์ ถูกต้องมากที่สุดส่วนกรณีมีกระแสข่าว สตง.ทำหนังสือถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ให้ตรวจสอบการใช้งบประมาณของ บช.น. แหล่งข่าวระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหนังสือร้องเรียนหรือเอกสารจาก สตง. ส่งถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างเป็นทางการตามที่เป็นข่าว อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่ามีการคาดการณ์ว่า หากมีการตรวจสอบจริงอาจจะเกี่ยวข้องกับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แต่ทั้งนี้ยังไม่มีการยืนยันรายละเอียดหรือข้อเท็จจริงใดๆ จนกว่าจะมีหนังสือร้องเรียนอย่างเป็นทางการ หาก สตง. ส่งหนังสือร้องเรียนอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้งบด้านพลังงาน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและความเชื่อมั่นต่อสาธารณชน โดยเฉพาะในช่วงที่สังคมมีการตั้งคำถามถึงความโปร่งใสใช้งบประมาณภาครัฐก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 09.50 น. วันเดียวกัน ที่กระทรวงยุติธรรม นายฐิติพงษ์ โพธิพรหม หรือ ช่างเบิร์ด หัวหน้าวางระบบไฟของอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และผู้รับเหมาเจ้าอื่นๆ เข้าพบผู้แทนจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท 9PK จำกัด เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องเงินคงค้างค่าจ้างรับเหมาช่วง มีเจ้าหน้าที่เจรจาไกล่เกลี่ย กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นตัวกลางในการเจรจาต่อมาเวลา 14.00 น. นายฐิติพงษ์ หรือช่างเบิร์ด เปิดเผยผลการเจรจาว่า ได้ข้อสรุปเป็นไปในทิศทางที่ดี คือ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) จะหักเงิน 5 เปอร์เซ็นต์ เป็นเงินประกันผลงานของบริษัท 9PK จำกัด มาเฉลี่ยจ่ายให้ผู้รับเหมาช่วง 22 ราย ที่มีเอกสารยืนยันว่าบริษัท รับสภาพหนี้ ยอดแรกจะจ่าย 5,542,529.74 บาท จากยอดเต็ม 9,624,786.92 บาท ซึ่งในยอด 5,542,529.74 บาท ถือเป็นข้อยุติ ทุกฝ่ายตกลงกันด้วยดี มีการลงลายมือชื่อชัดเจนแล้ว หลังจากนี้หากบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ ทำเอกสารแล้วเสร็จ จะทยอยโอนจ่ายให้กับบัญชีผู้รับเหมาช่วงโดยตรงภายในวันที่ 28 พ.ค. เวลา 10.00 น. ส่วนยอดเงินที่เหลืออีก 4,082,257.18 บาท อยู่ระหว่างหาข้อสรุปอีกครั้งว่า บริษัท 9PK จำกัด จะทยอยจ่ายให้กับผู้รับเหมาช่วงอย่างไรต่อไป นายฐิติพงษ์กล่าวต่อว่า หลังการเจรจาได้ข้อสรุป รู้สึกใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย หากได้รับเงินจริงตามที่ตกลงกันได้ แม้ยังได้ไม่เต็มยอดทั้งหมดทีเดียว แต่คิดว่าคงจะได้เงินเกิน 50 เปอร์เซ็นต์กับข้อสรุปในรอบนี้ ก็ต้องรอดูต่อไปว่าจะมีการจ่ายให้จริงหรือไม่ ส่วนยอดเงินที่เหลืออีก 4 ล้านกว่าบาท ต้องรอให้บริษัทคู่กรณีไปคุยกัน ถ้าลงตัวหรือไม่ลงตัวอย่างไร เขาจะมาคุยกับเราอีกรอบว่าจะทยอยจ่ายได้อย่างไรบ้าง แต่เราต้องไปถามผู้รับเหมาก่อนว่ายินดีที่จะให้เขาแบ่งจ่ายหรือไม่ เพราะยอมรับว่ามีความกังวล หากผิดสัญญาหรือสุดท้ายเขาไม่จ่าย ก็ต้องเสียเวลามาตามทวงกันอีก วันนี้ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ที่ได้เข้ามาเป็นคนกลางและช่วยเหลือ เงินก้อนนี้ที่พวกเราจะได้ ถือว่านำมาต่อลมหายใจให้กับผู้รับเหมาได้ เพราะบางคนเดือดร้อนมากค้างงวดรถอยู่หลายงวดเพราะยังไม่มีเงินจ่ายโดนตามทวงกันอยู่ทุกวัน ส่วนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ อยากเป็นกระบอกเสียงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ เยียวยาครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่