“อมร พิมานมาศ” นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้าง แห่งประเทศไทย ยันจุดต้นเหตุอาคาร สตง.ถล่มมาจากปล่องลิฟต์ถล่มก่อนทำให้อาคารยุบตัว เร่งตรวจสอบการอนุมัติให้แก้แบบปล่องลิฟต์ จากที่ สตง.เคยชี้แจงเรื่องความหนาของปล่องลิฟต์ที่ขอแก้ไขจาก 30 ซม. เป็น 25 ซม. อาจกระทบการรับน้ำหนักโครงสร้าง ด้าน “สมเกียรติ ชูแสงสุข” วิศวกรผู้มีชื่อเป็นผู้จัดการโครงการก่อสร้างอาคาร สตง.ถล่ม และมีลายเซ็นเป็นผู้แก้แบบปล่องลิฟต์ที่มีปัญหา โร่หอบหลักฐานมอบให้ตำรวจ สน.วังทองหลางเพิ่มเติม หลังพบเอกสารกว่า 60 แผ่น ถูกผู้ปลอมลายมือชื่อตัวเองเป็นผู้จัดการโครงการ แฉมีคนมาติดต่อจริงตั้งแต่ปี 63 แต่ไม่ได้ตกลงหรือเซ็นสัญญาอะไร หลังจากนั้นหายเงียบไป พออาคารถล่มพบชื่อตัวเองถูกแอบอ้าง เลยออกมารักษาสิทธิ์เพราะเสียชื่อเสียง เตรียมฟ้องแพ่งกิจการร่วมค้า PKW ด้วย ด้านการรื้อซากอาคารทีมกู้ภัยพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 4 ศพ พร้อมชิ้นส่วนมนุษย์อีกจำนวนมาก ทั้งหมดถูกส่งให้นิติเวชตรวจอัตลักษณ์บุคคล รวมเป็นพบร่างแล้ว 41 ศพ ยังสูญหายอีก 53 คน พฐ.ยังเข้าเก็บหลักฐานตามจุดต่างๆของซากอาคาร เป็นหลักฐานดำเนินคดีคนผิดกรณีเกิดแผ่นดินไหวใกล้เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา ลึกลงไปประมาณ 10 กม. นอกจาก สร้างความเสียหายอย่างหนักให้ตึกรามบ้านช่องและสาธารณูปโภคในประเทศเมียนมาแล้ว แรงสั่นสะเทือนยังแผ่ลงมาถึงพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยลงมาถึงกรุงเทพมหานคร สร้างความแตกตื่นให้ผู้ที่อยู่บนอาคารสูง พากันหนีออกมาบนพื้นราบ เนื่องจากไม่เคยประสบภัยแผ่นดินไหวรุนแรงขนาดนี้มาก่อน นอกจากนี้แรงสั่นสะเทือนยังทำให้อาคารกำลังก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ ถล่มลงมามีผู้ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังนับร้อยคน เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานอยู่ระหว่างเร่งช่วยเหลือผู้ที่ยังมีสัญญาณชีพที่ติดค้างอยู่ใต้ซากปรักหักพังออกมาอย่างเร่งด่วนความคืบหน้าปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่กำลังก่อสร้างถล่มย่านจตุจักร เมื่อวันที่ 14 เม.ย. เป็นการปฏิบัติค้นหาต่อเนื่องเป็นวันที่ 18 เจ้าหน้าที่กู้ภัย USAR จากหลายหน่วยงาน ยังคงสนธิกำลังทำลายสิ่งกีดขวางในซากตึกบริเวณโซนบีและซีด้วยเครื่องจักรกลหนัก สลับกับทีมค้นหาเดินเท้าเข้าจุดต้องสงสัยว่าจะมีร่างผู้ติดอยู่ตลอดทั้งคืนวันที่ 13 เม.ย. ต่อเนื่องเช้าวันที่ 14 เม.ย. ส่วนใหญ่ที่พบเป็นชิ้นส่วนอวัยวะผู้เสียชีวิต อาทิ ท่อนขา ชิ้นส่วนกระดูก เส้นผม ชิ้นเนื้อ ฯลฯ กระจายอยู่หลายจุดเชื่อมต่อระหว่างโซนเอ บี และซีต่อมามีรายงานว่า ทีมกู้ภัยสามารถกู้ร่างผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตติดใต้ซากตึกบริเวณโซนซีอีกทั้งหมด 4 ร่าง เริ่มจากเวลา 18.40 น. วันที่ 13 เม.ย. พบร่างผู้เสียชีวิตไม่ทราบเพศ 1 ร่าง เวลา 20.40 น. พบร่างผู้เสียชีวิตเพศหญิง 1 ร่าง เวลา 21.05 น.พบร่างผู้เสียชีวิตเพศชาย 1 ร่าง และเวลา 23.05 น. พบร่างผู้เสียชีวิตไม่ทราบเพศอีก 1 ร่าง จนกระทั่งเข้าสู่วันที่ 14 เม.ย.ถึงช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ค้นหาพบชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์กระจัดกระจายในบริเวณโซนซีอีกหลายชิ้นต่อเนื่อง ต่อมาเจ้าหน้าที่นำร่างผู้เสียชีวิตและชิ้นส่วนอวัยวะทั้งหมดส่งสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์เพื่อยืนยันตัวบุคคลอย่างเป็นทางการอีกครั้งเวลา 05.00 น. ทีมพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ส่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เข้าเก็บหลักฐานบริเวณจุดเกิดเหตุตึก สตง.ถล่มอีกจำนวนหนึ่ง นำไปตรวจพิสูจน์ประกอบสำนวนคดีเพิ่มเติมจนถึงเวลาประมาณ 10.00 น. จึงเปิดพื้นที่ให้ทีมรื้อซากอาคารใช้เครื่องจักรกลหนักขุดเจาะรื้อซากตึกเพื่อค้นหาผู้ที่ยังติดค้างใต้กองซากปรักหักพังต่อไปเวลา 10.00 น. ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักร สรุปยอดความคืบหน้าภารกิจกู้ภัยค้นหาผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต และสูญหายจากเหตุการณ์อาคาร สตง.ถล่ม ณ เวลา 10.00 น. วันที่ 14 เม.ย.ว่า มีจำนวนผู้ประสบเหตุ 103 ราย แยกเป็นผู้เสียชีวิต 41 ราย ผู้บาดเจ็บ 9 ราย และยังมีผู้สูญหายอยู่ระหว่างค้นหา 53 รายเวลา 11.00 น. ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เผยว่า ตอนนี้สามารถลดความสูงของซากอาคาร สตง.ลงเหลือ 20.5 เมตรจากเดิม 26 เมตรแล้ว ทำให้พบผู้ประสบภัยเพิ่มขึ้น คาดว่าจุดที่เจอคนงานเยอะๆน่าจะอยู่ในชั้นที่ 24-29 คาดว่าภายใน 1-2 วันนี้จะเจอผู้ประสบภัยเพิ่ม คาดว่าคนงานที่อยู่ชั้นสูงๆขณะเกิดแผ่นดินไหวตึกโยกมาก น่าจะหลบหนีไปทางหนีไฟไม่ทัน เพราะต้องหาที่ยึดเกาะ ทำให้คนงานน่าจะติดอยู่ระหว่างชั้น 24 - 29 ค่อนข้างมากนายชัชชาติกล่าวต่อว่า การทำงานวันนี้ไม่มีอุปสรรคอะไร เจ้าหน้าที่รัฐยังปฏิบัติงานเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ มีข้าราชการของกรุงเทพมหานครประมาณ 500 คน ส่วนภาคเอกชนอาจสลับสับเปลี่ยนกำลังไปภารกิจอื่นในช่วงนี้ แต่ไม่ได้กระทบเพราะอุปกรณ์ต่างๆไม่ได้ขาด ทั้งน้ำมันและสายไฮดรอลิกมีพร้อม น้ำมันตอนนี้ที่ใช้ประมาณ 5,100 ลิตรต่อวัน ตั้งเป้าหมายไว้ว่าปลายเดือนนี้น่าจะรื้อซากตึกทั้งหมดเสร็จสิ้น ส่วนแนวทางการปฏิบัติงานจะเน้นไปที่การใช้เครื่องจักรหนักขุดเจาะกับโดรนร่วมมือกัน โดยโดรนจะเป็นตาที่สามคอยมอนิเตอร์มุมสูงสอดส่องว่า จุดไหนมีโพรงพบผู้ประสบภัยหรือไม่ การรื้อจะเน้นด้านบนโซนบีและโซนซี ที่เป็นบันไดหนีไฟและโพรงลิฟต์ ยังเชื่อว่าบริเวณนี้อาจพบผู้ประสบภัย ยืนยันว่าจะเก็บชิ้นส่วนมนุษย์ให้ครบและจะพยายามหาร่างผู้ประสบภัยให้ครบทุกคนส่วนระยะเวลาที่ผ่านไปจะกระทบต่อการพิสูจน์อัตลักษณ์หรือไม่นั้น นายชัชชาติยืนยันว่า มีเทคโนโลยีทันสมัยช่วยพิสูจน์ แต่นอกจากดีเอ็นเอแล้วสามารถดูจากพยานหลักฐานอื่นๆประกอบ เช่น เสื้อผ้าที่สวมใส่ได้ด้วย ส่วนครอบครัวแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายไม่ต้องกังวล เข้ามาให้เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอได้ เจ้าหน้าที่ไม่ได้เอาผิดอะไร เพราะจะมุ่งเน้นการพิสูจน์ทราบอัตลักษณ์ให้ผู้ประสบภัยมากกว่า ส่วนทางคดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เข้ามาเก็บวัตถุพยานเพิ่มเติมในจุดเกิดเหตุไม่กระทบต่อการทำงาน และกรุงเทพมหานครยินดีให้ความร่วมมือเวลา 12.30 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัย USAR จำนวนหนึ่งเดินเท้าขึ้นไปตรวจสอบซากตึก สตง.บริเวณรอยต่อโซนเอ และโซนบี หลังจากพบโพรงทางเข้าบริเวณดังกล่าว เบื้องต้นตรวจสอบแล้วพบว่าโพรงดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของชั้น 21 ตึก สตง.ที่ถล่ม เนื่องจากพบกล่องอุปกรณ์เครื่องมือช่างของแรงงานที่ทำงานอยู่ช่วงก่อนอาคารถล่ม แต่ยังไม่พบร่างผู้ติดอยู่ในซากอาคารบริเวณดังกล่าวด้าน พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.บางซื่อ กล่าวว่า สน.บางซื่อ มีหน้าที่สืบสวนสอบสวนว่าสาเหตุที่อาคาร สตง.แห่งใหม่ถล่มจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เกิดขึ้นจากความประมาทหรือก่อสร้างผิดแบบ บช.น.ตั้งคณะทำงานขึ้นมา มีพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ บก.น.2 และ บก.สส.บช.น.รวม 50 นาย แบ่งเป็น 8 หัวข้อใหญ่ เช่น ด้านเอกสาร ด้านวัสดุที่ใช้ก่อสร้าง การใช้เครื่องมือ เป็นต้น พยานและเอกสารต้องตรวจสอบมีจำนวนมาก ต้องใช้เวลาพอสมควรผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณนอกรั้วอาคาร สตง.ที่ถล่มใกล้โซนดี มีญาติๆของผู้สูญหายนำเครื่องเซ่นไหว้มาบนบานสานกล่าวกับเจ้าที่เจ้าทางเพื่อให้เจ้าหน้าที่พบร่างญาติโดยเร็ว นางทองพัฒ ฟ้าฝน อายุ 54 ปี ชาวไร่อ้อย จ.หนองบัวลำภู กล่าวว่า นายธีรเทพ ฟ้าฝน อายุ 19 ปี ลูกชาย มาทำงานเป็นช่างไฟบริษัทยูนิค พาวเวอร์ จำกัด เนื่องจากมีญาติทำอยู่ที่นี่ 3 คน เริ่มทำงานตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค.อยู่บนชั้น 22 ลูกชายจะโทร.มาคุยด้วยตลอด ล่าสุดโทร.มาเมื่อวันที่ 26 มี.ค.ก่อนเกิดเหตุ 2 วัน บอกว่าคิดถึงแม่จะได้กลับบ้านแล้วช่วงสงกรานต์ กระทั่งวันเกิดเหตุช่วง 17.00 น. หลังจากกลับมาจากตัดอ้อย มีญาติมาถามว่าลูกชายทำงานอยู่ที่ไหน ตนบอกว่า กรุงเทพฯแถวจตุจักร ญาติบอกว่ามีตึกถล่ม ตนรีบโทร.ไปหาลูกชายแต่ติดต่อไม่ได้จนกระทั่งบัดนี้ ตนคิดว่าลูกชายคงไม่อยู่แล้ว ขอให้เจอในสภาพใดก็ได้ ตนทำใจแล้วแต่ขอให้เจอ เพื่อนำร่างกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดต่อไปกรณีนายสมเกียรติ ชูแสงสุข วิศวกรและประธานคลินิกช่าง เจ้าของเพจ “ช่าง ซ่อม สร้าง” เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง เพื่อลงบันทึกประจำวันว่า ถูกแอบอ้างชื่อเป็นผู้ควบคุมงานโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินในนามกิจการร่วมค้า PKW ถูกปลอมลายเซ็นแก้ไขแบบก่อสร้างโครงการ โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก “ช่าง ซ่อม สร้าง” ระบุว่า “***update เรื่องถึง DSI แล้ว*** ตรวจสอบได้ข้อมูลมาแล้ว โครงการอาคาร สตง.เคยติดต่อผมเมื่อปี 2563 ชวนให้มาร่วมงานกัน แต่หลังจากนั้นไม่ได้ติดต่อกันจนลืมไปแล้ว นี่ถ้าอาคารไม่เกิดถล่มลงมาจนมีการตรวจสอบ จะไม่รู้เลยว่ามีการอ้างชื่อผมเป็นวิศวกรควบคุมงานเป็นเวลาถึง 5 ปี (เกือบโดนใช้ชื่อฟรี 5 ปีแล้ว)...อยากรู้จัง ค่าแอบเอาชื่อไปใช้ 5 ปี ควรเป็นเท่าไหร่ ค่าวางศาลกับค่าทนายแพงไหมนะ”ที่ สน.วังทองหลาง เวลา 14.00 น. นายสมเกียรติ ชูแสงสุข อายุ 66 ปี ประธานอนุกรรมการคลินิกช่างภายใต้สภาวิศวกร และวุฒิสมาชิก สาขาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง เพื่อให้การเพิ่มเติม หลังจากเมื่อ 13 เม.ย. มาลงบันทึกประจำวันว่า ถูกแอบอ้างชื่อในเอกสารแก้ไขเเบบปล่องลิฟต์ อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ที่ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว ว่าเป็นผู้จัดการโครงการ หรือ PM ของกิจการร่วมค้านายสมเกียรติเผยว่า วันนี้มาให้การเพิ่มเติมพร้อมนำพยานหลักฐานส่วนที่เกี่ยวข้องมายื่นให้พนักงานสอบสวน กรณีถูกแอบอ้างชื่อไปใช้แก้ไขแบบปล่องลิฟต์อาคาร สตง.แห่งใหม่ ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับโครงการสร้างอาคารดังกล่าว เพียงแต่ปี 63 ได้รับการติดต่อมาจากบริษัท PKW ซึ่งตนไม่ได้รู้จักโดยตรง แต่รู้จักบุคลากรที่อยู่ในกลุ่มกิจการร่วมค้านี้ ซึ่งตนก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่บุคคลที่ติดต่อมา กลับหายเงียบไป โดยไม่ได้มีการเซ็นเอกสารใดๆให้บุคคลรายนี้ กระทั้งเรื่องมาแดงตอนที่อาคาร สตง.แห่งใหม่ถล่ม เกิดการตรวจสอบว่าใครเป็นวิศวกรคุมงาน“เมื่อวานนี้น้องโทรศัพท์มาบอกว่าถูกแอบอ้างชื่อว่าเป็นวิศวกรคุมงานโครงการดังกล่าว รู้สึกตกใจ ไปปรึกษาผู้ใหญ่และมาลงบันทึกประจำวันที่ สน.วังทองหลาง ว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการ หลังจากเป็นข่าวมีบุคคลคาดว่าจะโทร.มาจากกลุ่มกิจการร่วมค้า PKW ติดต่อลักษณะที่ว่าเกิดเหตุการณ์นี้แล้วจะทำอย่างไรได้บ้าง ผมบอกไปว่าเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วมีการแอบอ้างชื่อผมถึง 5 ปีคงช่วยอะไรไม่ได้ แถมทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง” นายสมเกียรติกล่าวนายสมเกียรติเผยด้วยว่า จากการตรวจสอบลายเซ็นทั้งหมดกว่า 60 แผ่นพบว่าเป็นลายเซ็นปลอม ตำแหน่งของตนที่ถูกเอาไปอ้างคือ ผู้จัดการโครงการ หรือ PM ถือว่าใหญ่มาก ตนจบวิศวะ 2 สาขาคือ สาขาวิศวะโยธาและวิศวะสิ่งแวดล้อม ทั้งประเทศไทยมีไม่เกิน 200 คน ส่วนที่เอาไปแอบอ้างคือ สาขาวิศวะโยธา อัตราค่าจ้างรายเดือนหากรับงานราชการจะได้กว่า 1 แสนบาท คาดว่าบริษัทที่แอบอ้างชื่ออาจต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ตอนนี้กำลังปรึกษาทีมกฎหมายอยู่ว่าต้องใช้ค่าใช้จ่ายวางศาลค่าทนายเท่าไหร่ รวมถึงหากคำนวณเป็นเงินระยะเวลา 5 ปีที่ถูกแอบอ้างจะคุ้มหรือไม่ ที่ออกมาวันนี้เพื่อกันตัวเองว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการ ป้องกันไม่ให้เสื่อมเสียชื่อเสียงด้านนายอมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย (TSEA) เผยว่า ขณะนี้ทราบจุดตั้งต้นแล้วคือปล่องลิฟต์ด้านหลังอาคารที่ถล่มลงมาก่อน จากนั้นโครงสร้างทั้งหมดยุบตัวลงมา จะมีการตรวจสอบรายละเอียดประเด็นการอนุมัติให้แก้ไขแบบปล่องลิฟต์ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร การควบคุมการก่อสร้าง รวมทั้งวัสดุคอนกรีต เหล็กเสริม เพราะหากใช้คอนกรีตที่ไม่มีคุณภาพหรือกำลังอัดไม่ได้ อาจเป็นสาเหตุการพังทลายของปล่องลิฟต์ ปล่องลิฟต์เป็นโครงสร้างหลักของอาคารสูงเป็นตัวรับน้ำหนัก ซึ่ง สตง.ชี้แจงเรื่องความหนาของปล่องลิฟต์ที่ขอแก้ไขจาก 30 ซม. เป็น 25 ซม. อาจกระทบการรับน้ำหนักโครงสร้างได้“ขณะนี้คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่รัฐบาลตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานและตรวจสอบ เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องตั้งแต่การออกแบบ บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ที่ปรึกษาควบคุมงานมาให้ข้อมูลว่าการแก้ไขแบบได้รับอนุมัติถูกต้องหรือไม่ ถ้าใช้ความหนาลดลงและวัสดุด้อยคุณภาพ อาจเป็นสาเหตุพังถล่มได้เช่นเดียวกัน แต่เมื่อมีเหตุแผ่นดินไหวเป็นปัจจัยเสริมให้อาคารโยกตัว เพิ่มแรงกระทำต่อผนังปล่องลิฟต์ให้สูงขึ้น” นายอมรกล่าวนายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย เชื่อมั่นว่าคณะกรรมการชุดดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือ และต้องใช้เวลารวบรวมข้อมูล ก่อนสรุปสาเหตุอาคารพังถล่ม นอกจากนี้ตั้งข้อสังเกต 3 ข้อกรณีชิ้นปูนเป็นเศษย่อยๆไม่จับตัวกับเหล็กว่า อาจเกิดจากแรงกระแทกของอาคารที่ถล่มลงมา 30 ชั้น การรื้อถอนอาจนำเครื่องจักรมาย่อยปูนให้เป็นชิ้นเล็ก ปูนอาจมีกำลังรับน้ำหนักไม่เหมาะสม ค่ากำลังรับแรงอัดต่ำและอาจผสมน้ำ สามารถพิสูจน์ได้โดยเจาะตัวอย่างแท่งปูนที่สมบูรณ์ไปทดสอบว่า มีความผิดปกติบางอย่างในกระบวนการทางการก่อสร้างนายอมรกล่าวด้วยว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ทำให้พบข้อมูลว่าอาคารสูงบางแห่งในกรุงเทพฯมีจุดอ่อนอยู่ แม้ไม่ได้ถล่มแต่อาคารเก่าควรประเมินการรองรับน้ำหนักของปล่องลิฟต์รองรับกรณีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่กว่านี้ ซึ่งอาจใช้เทคนิคทางวิศวกรรมเสริมความแข็งแรงได้โดยไม่ต้องรื้อทิ้งอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่