ช่วยคลี่คลายปมให้กระจ่างห้องขังหมายเลข 50 ห้องผู้กำกับโจ้จบชีวิต เปิดให้ดูแต่ไม่อนุญาตให้เข้าไป พร้อมเปิดห้องขังข้างๆ ที่มีลักษณะเดียวกันให้เข้าไปแทน ระบุห้องที่ผู้กำกับโจ้เสียชีวิต ปกติเรียก “ห้องแยกการควบคุม” ส่วนห้องขังเดี่ยวจริงจะอยู่แดน 1 ด้าน “ทวี” เผยกรณีครอบครัวขอให้ย้าย ผบ.เรือนจำ ชี้ต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายแต่จะไม่ปกป้องใคร รอผลสอบคาดว่าจะได้ 17 มี.ค. ส่วนการสอบสวนของตำรวจ “ผู้ช่วยเปีย” ประชุมเร่งรัดคดีก่อนระบุ ชันสูตรศพ “ผกก.โจ้” ยาก เพราะศพไม่อยู่ในสภาพเดิม ดูวงจรปิดแล้วไม่พบพิรุธ ทุกอย่างเป็นไปตามคำให้การ แต่จะขอกล้องย้อนหลัง 1 สัปดาห์จากราชทัณฑ์เพิ่มกรณีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีตผู้กำกับโจ้ ผู้ต้องหาใช้ถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดเสียชีวิตในโรงพัก สภ.เมืองนครสวรรค์ ผู้กำกับโจ้ได้ใช้ผ้าขนหนูผูกคอเสียชีวิตในห้องขังหมายเลข 50 ตึกนอนแดน 5 เรือนจำกลางคลองเปรม เมื่อคืนวันที่ 7 มี.ค. ผลชันสูตรสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ระบุขาดอากาศหายใจมีแนวโน้ม จากการทำร้ายตัวเอง ญาติยังติดใจส่งศพชันสูตรซ้ำที่ รพ.จุฬาฯอยู่ระหว่างรอผล ขณะเดียวกันนำศพสวดอภิธรรมที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน ถึง 16 มี.ค. แต่ยังไม่ฌาปนกิจ ครอบครัวระบุจนกว่าจะได้รับความยุติธรรม ส่วนกรมราชทัณฑ์ยันไม่มีใครทำร้าย พร้อมสั่งสอบข้อเท็จจริงและเด้งนายสิทธิพร แก้วคำบ้ง หรือพร หรือเหน่ง หัวหน้าผู้คุมแดน 7 คู่กรณีผู้กำกับโจ้ ไปประจำที่ส่วนบริหารทั่วไป ตามที่เสนอข่าวไปนั้นล่าสุดครอบครัวผู้กำกับโจ้เข้าร้องเรียนดีเอสไอหาข้อเท็จจริงอีกทาง เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 11 มี.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ น.ส.ธนัญญา อุทธนผล อายุ 34 ปี น้องสาว พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ น.ส.สิภชา หรือทราย แก่นสุวรรณ อายุ 28 ปี ภรรยาผู้กำกับโจ้ และนายวีรศักดิ์ นาคิน ทนายความ ยื่นหนังสือถึง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอให้ตรวจสอบการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ รวมถึงประเด็นถูกผู้คุมทำร้ายร่างกาย มี ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวน คดีพิเศษ เป็นผู้แทนรับเรื่องร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่าในฐานะที่เป็นรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กำกับกองกิจการอำนวยความยุติธรรม และ รับผิดชอบเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 หรือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ วันนี้ญาติผู้กำกับโจ้และทนายความ ได้ยื่นเอกสารข้อเท็จจริงให้ดีเอสไอรับไว้ตรวจสอบว่ามีการกระทำที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายอุ้มหายหรือไม่ ขอนำไปตรวจสอบก่อน ยืนยันว่าการตรวจสอบของเราไม่เกี่ยวกับคดีการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ เราดูแค่เรื่องกฎหมายอุ้มหายฯด้าน น.ส.สิภชา หรือทราย แก่นสุวรรณ อายุ 28 ปี ภรรยาผู้กำกับโจ้ กล่าวว่า วันนี้มาเล่าข้อเท็จจริงเพิ่มเติมนอกเหนือจากเอกสารซึ่งเคยยื่นไปก่อนหน้าเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เป็นการทวงความยุติธรรมให้ผู้กำกับโจ้ ไม่ใช่ไม่มั่นใจการทำงานตำรวจ แต่ในฐานะคนในครอบครัวอยากช่วยเหลือผู้กำกับโจ้ให้ถึงที่สุด อะไรที่ครอบครัวทำได้ก็จะทำ อยากให้มีหลายหน่วยงานช่วยกันตรวจสอบ ประเด็นที่ครอบครัวติดใจคือเรื่องการตายของผู้กำกับโจ้ รวมถึงกรณีที่ผู้กำกับโจ้ถูกรังแกกลั่นแกล้ง ถูกทำร้ายร่างกาย เพราะก่อนนี้ไม่ได้รับความเป็นธรรมตามที่ได้ร้องเรียน ส่วนเรื่องแรงจูงใจ อย่างที่เคยบอกไว้ว่าผู้กำกับโจ้มีความทุกข์อยู่แล้วตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ถูกกลั่นแกล้งรังแกมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย คนเราไม่ได้ทำผิดกลับถูกเอาไปขังในนั้นถือว่าเป็นความทุกข์อยู่แล้ว แม้เรื่องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วแต่เรายังขอดำเนินการต่อไปในส่วนที่ทำได้น.ส.สิภชากล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นที่กรมราชทัณฑ์ชี้แจงสื่อมวลชน 6 ประเด็นนั้นจะขอพูดในส่วนที่พูดได้เพราะกลัวมีปัญหาเรื่องสำนวนในคดี บอกเลยว่าข้างในเรือนจำเป็นแดนสนธยาจะพูดหรือทำอะไรก็ได้ แต่เรื่องข้างนอกผู้กำกับโจ้ยังยืนยันที่จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเพราะถูกทำร้ายถูกกลั่นแกล้งจากผู้คุมจริงๆ เป็นการถูกกระทำจากผู้คุมรายดังกล่าว วันนี้ต้องการให้ย้าย รรท.ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม และผู้คุมที่ชื่อนายสิทธิพรออกไปก่อน เพราะกลัวมีปัญหาเรื่องสืบพยานเพราะเชื่อว่าเขาสามารถพูดหรือทำอะไรก็ได้เพื่อขัดขวางการสอบหรืออื่นใดภรรยา ผกก.โจ้กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับความเป็นธรรม ได้ยื่นเอกสารร้องเรียนไปยังเรือนจำฯทั้งสิ้น 4 ครั้ง วันที่เข้าไปเยี่ยมผู้กำกับโจ้เป็นวันสุดท้ายยังยืนยันให้รีบไปดำเนินการเรื่องคดีให้เข้ามาสอบปากคำในเรือนจำ หากเข้ามาไม่ได้ก็ดูว่าให้ทนายสามารถทำอะไรได้บ้าง เพราะจริงๆเป็นสิทธิ์อยู่แล้วที่จะสามารถแจ้งความ ในเรื่องความกดดันของผู้กำกับโจ้ระหว่างที่คุมขังในเรือนจำเป็นเรื่องที่ถูกกลั่นแกล้ง เป็นสิ่งที่พยายามร้องเรียนตลอดสองปี แม้ย้ายไปอยู่แดน 5 ยังพบเจอเรื่องดังกล่าว ส่วนความกดดันจะเป็นเหตุจูงใจทำให้ผู้กำกับโจ้ก่อเหตุฆ่าตัวตายหรือไม่นั้น อย่างที่บอกไปว่า การถูกลงโทษโดยไม่มีความผิดอย่างไรก็เป็นความทุกข์วันเดียวกัน พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ และนางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ รวมถึงเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางคลองเปรม ได้เปิดห้องคุมขังหมายเลข 50 แดน 5 ห้องคุมขังที่ผู้กำกับโจ้ใช้ผ้าขนหนูผูกคอตายเพื่อให้สื่อมวลชนได้เข้าไปสังเกตและนำมาเสนอถึงสภาพที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้เปิดห้องให้ดูแต่ไม่อนุญาตให้เข้าไป ภายในห้องจะมีพัดลมระบายอากาศหนึ่งตัวถูกติดไว้บนตะแกรงเหล็กด้านหลังสุดของห้องเหนือ ส่วนที่เป็นส่วนไว้ถ่ายทุกข์ มีพัดลมเพดาน และยังมองเห็นข้าวของเครื่องใช้ของผู้กำกับโจ้ เช่น ผ้าสีน้ำเงินใช้ปูนอน รองเท้าแตะสีขาว ถังน้ำดื่มสเตนเลส อุปกรณ์อาบน้ำ ขัน สบู่ก้อน แชมพูขวด โฟมล้างหน้า ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ส่วน ป้ายชื่อ-สกุลของผู้ต้องขัง ข.ช.ธิติสรรค์ อุทธนผล พร้อมรูปภาพ จะถูกติดไว้ด้านหน้าประตูห้องขังถูกนำออกไปแล้วขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้เปิดห้องขังหมายเลข 51 ที่อยู่ข้างๆให้สื่อมวลชนเข้าไปสังเกต สภาพห้องจะลักษณะเดียวกับห้องพักผู้กำกับโจ้ มีขนาดความยาวประมาณ 4.6 เมตร กว้าง 1.9 เมตร ปกติเรียกว่าห้องแยกการควบคุมไม่ใช่ห้องขังเดี่ยว เพราะห้องขังเดี่ยวของจริงจะอยู่แดน 1 มี 10 ห้อง เป็นการขังเดี่ยว 24 ชม. 30 วัน แบ่งเป็นขัง 15 วัน ออกมาพัก 5 วัน และขังอีก 15 วัน จะแตกต่างจากห้องขังที่ผู้กำกับโจ้อยู่ ช่วงเวลากลางวันผู้กำกับโจ้สามารถออกจากห้องขัง ไปร่วมกิจกรรมกับผู้ต้องขังอื่นได้ ตกตอนเย็นจะขึ้นเรือนนอนไปอยู่คนเดียวขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า วันนี้ครอบครัวผู้กำกับโจ้ยื่นหนังสือถึงดีเอสไอ ให้ตรวจสอบการเสียชีวิตภายในเรือนจำ เราต้องการข้อมูลใช้ในการพิจารณาตามพระราชบัญญัติอุ้มหายฯ เพราะมีเรื่องสิทธิการได้รับการเยียวยา กฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายที่มีขึ้นจากกรณีของผู้กำกับโจ้ เราจึงต้องใช้กฎหมายตัวนี้ให้ความเป็นธรรมกับเขาด้วย คดีการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ภายในเรือนจำคลองเปรมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวง ต้องร่วมกันทำไม่ว่าหน่วยงานใดทำสำนวนคดี สำหรับวงจรปิดทางตำรวจได้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. กรมราชทัณฑ์สามารถเปิดเผยต่อสื่อมวลชนได้ หากสื่อมวลชนสงสัยประเด็นใดให้ถามได้ทั้งหมดรมว.ยุติธรรมกล่าวอีกว่า เหตุการณ์นี้รู้สึกเสียใจกับครอบครัวที่สูญเสีย ต้องยอมรับว่าทั้งเจ้าหน้าที่เรือนจำและผู้ต้องขังต่างฝ่ายต่างอยู่กันลำบาก โดยหลักแล้วผู้คุมไม่คิดร้ายกับผู้ต้องราชทัณฑ์สักคนเพราะเขาต้องอยู่กันเป็นครอบครัว สำหรับความคืบหน้าในการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงคาดว่าในวันที่ 17 มี.ค.จะได้รับรายงานความคืบหน้าและความชัดเจนเพิ่มขึ้น ส่วนจะมีเรื่องการทำร้ายร่างกายผู้ต้องขังเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ขอให้เป็นเรื่องของคณะกรรมการตรวจสอบ ส่วนครอบครัวผู้กำกับโจ้ประสงค์จะให้ย้าย ผบ.เรือนจำคลองเปรมนั้น ขอให้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงก่อน ต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายแต่จะไม่ปกป้องใคร ทุกข้อเท็จจริงจะต้องเป็นไปตามข้อมูลพยานหลักฐาน ส่วนที่ครอบครัวอ้างว่าเคยยื่นหนังสือร้องเรียนไปถึงเรือนจำถึง 4 ครั้ง แต่กลับถูกเพิกเฉย ขอให้รอการสอบสวนเพราะความทุกข์ของทุกคนต้องได้รับการดูแล ถือเป็นจริยธรรมของข้าราชการเมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่กรมราชทัณฑ์จะนำผ้าขนหนูตัวอย่างนำมาโชว์แก่สื่อมวลชน พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า สามารถทำได้ไม่ใช่เรื่องสลับซับซ้อนที่ต้องปิดบัง ต้องคำนึงถึงความรู้สึกประชาชน ที่สัมภาษณ์ ตรงนี้ถือเป็นข้อสั่งการแล้วมีอะไรก็ต้องเปิดเผยทั้งหมด เมื่อถามว่าผู้นำฝ่ายค้านจะสอบถามเรื่อง ผกก.โจ้ เตรียมการอย่างไรบ้าง พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ไม่ต้องเตรียม เอาความจริงให้เขา ตนอยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง อยากให้พนักงานสอบสวนได้สอบสวนทั้งเหตุที่เสียชีวิตว่าเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายจริงหรือไม่ ตอนนี้รอผลอยู่ ส่วนสาเหตุนั้นต้องรับฟังทั้งผู้ร้อง พยานต่างๆ ตอนนี้เราเปิดโอกาสให้ทุกคนซักถาม และยังบอกกับอธิบดีกรมราชทัณฑ์ว่าเราต้องทำความจริงให้ปรากฏด้านการสอบสวนของตำรวจ ที่ สน.ประชาชื่น เมื่อเวลา 16.30 น.วันเดียวกัน พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วย ผบ.ตร. เผยหลังประชุมเร่งรัดคดีร่วมกับตำรวจนครบาลกว่า 3 ชม.ว่า พนักงานสอบสวนทำคดีคืบหน้าเยอะแล้วในหลายๆเรื่อง ทั้งพยานหลักฐานต่างๆรวมไปถึงภาพกล้องวงจรปิดวันเกิดเหตุ มีกล้องทั้งหมด 2 ตัวที่อยู่หน้าห้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจดูแล้วทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุไม่พบความผิดปกติ ในที่เกิดเหตุผู้กำกับโจ้ยังทักทายผู้คุมตามปกติ นอกจากกล้องวันที่เกิดเหตุแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจร้องขอกล้องวงจรปิดตลอดทั้งสัปดาห์ก่อนเกิดเหตุไปแล้วรอกรมราชทัณฑ์ส่งให้เพิ่มเติม กล้องวงจรปิดพบว่าการเข้าห้องขังจะต้องมีเจ้าหน้าที่ไขกุญแจห้องผู้กำกับโจ้ทุกครั้ง ยืนยันไม่พบว่ามีผู้ใดเข้าออกจากห้องขังนอกจากผู้กำกับโจ้ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เรือนจำให้การว่า พบผู้กำกับโจ้เสียชีวิตเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 7 มี.ค. ขณะกำลังนำยาแก้เครียดไปให้ พยายามเรียกชื่อแต่ไม่ตอบรับก้มมองผ่านช่องประตูพบว่าผู้กำกับโจ้นั่งอยู่ ก่อนจะเขย่าแต่ไร้การตอบรับนำมือสอดเข้าไปพบผ้าที่คอที่ถูกผูกไว้กับกรงประตู เจ้าหน้าที่รีบนำกรรไกรมาตัดออกแต่ตัดไม่ขาดรีบวิ่งกลับไปนำคัตเตอร์มาตัดผ้าออกเพื่อช่วยชีวิต ตรวจสอบดูกล้องวงจรปิดแล้วเป็นไปตามคำให้การ ตำรวจรับแจ้งเหตุการเสียชีวิตประมาณ 23.00 น. แต่เข้าไปตรวจสอบได้ในเวลา 10.00 น.ของอีกวัน พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถเข้าไปในที่เกิดเหตุได้ตั้งแต่รับแจ้งเนื่องจากจะต้องมีหลายฝ่ายเข้าร่วมตรวจสอบพร้อมกัน กรมราชทัณฑ์เป็นผู้นัดให้เข้าไปในเวลาดังกล่าว ศพผู้กำกับโจ้อยู่ตรงที่เกิดเหตุตั้งแต่เสียชีวิตจนถึงเวลาที่พนักงานสอบสวนเข้าไปเป็นเวลา 14 ชม.พล.ต.ท.สมประสงค์กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพบว่าศพถูกนำมานอนหงายตรงคลุมด้วยผ้าสีขาว พบตัวผ้าขนหนูที่ถูกตัดมีชิ้นหนึ่งผูกอยู่ที่กรงอีกชิ้นอยู่ที่พื้น ขนาดความยาวผ้ารวม 2 ชิ้น อยู่ประมาณ 1.6 เมตร กองพิสูจน์หลักฐานนำไปตรวจหา DNA คาดว่าจะใช้เวลา 1 สัปดาห์ ตอนที่ตำรวจไปพบศพมีการทิ้งระยะเวลาไว้นาน มีการเปลี่ยนแปลงท่าการตายศพก่อนที่ตำรวจจะไปพบคือจากนั่งเป็นนอน จะทำให้การชันสูตรศพยากขึ้น นอกจากนี้ยังพบรอยเลือดเล็กน้อยที่อยู่ใกล้ศพ 2 หยด กองพิสูจน์หลักฐานยืนยันว่าเป็นเลือดมนุษย์ และเก็บเลือดดังกล่าวไปตรวจ DNA แล้ว และยังพบว่ามีรอยกัดจากสัตว์ขนาดเล็กอยู่ที่แขนซ้ายศพอีกด้วย วันนี้พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย ผู้คุมที่อยู่เวร ผู้ต้องขังที่อยู่ห้องรอบข้าง โดยคดีการตายและคดีการถูกทำร้ายร่างกายจะทำควบคู่กัน โดยตำรวจตั้งไว้ 2 ประเด็นคือ ตายเองหรือถูกทำให้ตายตั้งกรอบระยะเวลาทำคดี 30 วัน เพื่อทำทุกอย่างให้กระจ่างแก่ประชาชนทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรับรายงานว่าผ้าขนหนูที่ใช้ก่อเหตุถูกผูกปมไว้ทบเดียว ใช้วิธีสอดปลายผ้าขนหนูเข้าไปในซี่ลูกกรงประตูอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่