ผลตรวจพิสูจน์หลักฐานชี้ชัด ซองใส่สารลักษณะเกล็ดสีขาวที่พบในกระเป๋าเดินทาง “เชรีน ชอง” 1 ใน 6 ผู้เสียชีวิตชาวเวียดนามที่คาดเป็นผู้ก่อเหตุเป็นไซยาไนด์ ขณะที่ตำรวจตามเจอตัวแล้ว “ไทเกอร์” ถูก “ไกด์” วานส่ง “ยางู-หมายเลข 7” ให้สาวเวียดนาม 1 ในผู้ตาย ที่แท้เป็นยาสมุนไพรแผนโบราณบำรุงโลหิตสตรีจากเหตุสะเทือนขวัญคดีวางยาพิษฆ่าหมู่ 6 ศพชาวเวียดนามและชาวเวียดนามสัญชาติอเมริกันในห้องพักโรงแรมหรูย่านราชประสงค์ การสอบสวนค่อยๆคลี่ปมจนพบว่า น.ส.เชรีน ชอง 1 ใน 6 ผู้เสียชีวิตเป็นผู้ก่อเหตุเพราะความเครียดที่ชักชวนผู้ตายร่วมลงทุนสร้างโรงพยาบาลที่ประเทศญี่ปุ่น แต่ไม่มีความคืบหน้าถูกทวงเงินคืนจนกลายเป็นเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตำรวจนครบาลอยู่ระหว่างสืบสวนว่า น.ส.เชรีน ชอง นำสารพิษที่คาดว่าเป็นไซยาไนด์มาจากไหนล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 ก.ค. มีรายงานว่าจากการตรวจสอบกระเป๋าเดินทางของผู้เสียชีวิตชาวเวียดนามทั้ง 6 ราย รวมทั้งหมด 8 ใบ เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานพบซองใส่สารลักษณะเกล็ดสีขาวต้องสงสัยซุกซ่อนอยู่ ตรงกับรูปลักษณ์ของสารโปแตสเซียมไซยาไนด์ที่แพทย์ รพ.นิติเวชจุฬาฯ ตรวจพบในร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดอยู่ในกระเป๋าเดินทางของ น.ส.เชรีน ชอง 1 ใน 6 ผู้เสียชีวิต หลักฐานชิ้นนี้จะชี้ชัดได้ว่า ใครเป็นผู้ลงมือก่อเหตุวางยา ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลยืนยันทางนิติวิทยาศาสตร์จากกองพิสูจน์หลักฐานอย่างเป็นทางการอีกครั้ง หลังจากส่งตรวจมีรายงานด้วยว่า กรณีพบซองใส่สารลักษณะเกล็ดสีขาวต้องสงสัยซุกซ่อนอยู่ ตรงกับรูปลักษณ์สารโปแตสเซียมไซยาไนด์ที่แพทย์ รพ.นิติเวชจุฬาฯ ตรวจพบในร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดในกระเป๋าเดินทาง น.ส.เชรีน ชอง 1 ใน 6 ผู้เสียชีวิต พนักงานสอบสวนส่งให้นิติวิทยาศาสตร์ กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ มีรายงานกลับมาแล้วว่าผลตรวจเกล็ดสีขาวดังกล่าวยืนยันเป็นไซยาไนด์ต่อมาเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ได้ผ่าชันสูตรศพชาวเวียดนาม 6 ศพ ที่ถูกวางยาพิษไซยาไนด์ครบทั้งหมดเเล้วว่า ขณะนี้ทั้ง 6 ศพ ถูกเก็บไว้ นิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ส่วนการเก็บตัวอย่างตรวจไซยาไนด์ภายในและภายนอกร่างกาย ทีมเเพทย์ได้เก็บตัวอย่างเพื่อตรวจสอบรายละเอียดในห้องปฏิบัติการคาดว่าจะทราบผลในเร็วๆ นี้ ส่วนศพผู้เสียชีวิตนิติเวช ศาสตร์ รพ.จุฬาฯ พร้อมส่งคืนให้กับญาติ แต่จะต้องหารือกับพนักงานสอบสวนอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯและเวียดนามประจำประเทศไทย เดินทางมาติดต่อกับนิติเวชศาสตร์ รพ.จุฬาฯแล้ว ส่วนรายละเอียดไม่ทราบว่าญาติจะเข้ามาติดต่อรับวันไหนก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 18 ก.ค. ชุดสืบสวนนครบาลได้พบตัวนายไทเกอร์ เป็นบุคคลตามที่นายฟาน หง็อก หวู อายุ 35 ปี ไกด์ชาวเวียดนามให้กับกลุ่มผู้เสียชีวิตให้การว่า น.ส.ถิ เหวียนเฟือง หล่าน 1 ใน 6 ผู้เสียชีวิตเป็นผู้สั่งให้ไปซื้อ “ยางูหมายเลข 7” สั่งผ่านนายไทเกอร์และให้ประสานส่งของกับผู้เสียชีวิตโดยตรง ชุดสืบสวนพบตัวนายไทเกอร์ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ย่านรัชดาซอย 3 พบว่านายไทเกอร์ได้สต๊อก “ยางู” ไว้ 2 กล่องใหญ่ 33 กระปุก เพื่อเตรียมจำหน่ายให้ชาวจีนและชาวเวียดนาม กระปุกยาดังกล่าวมีรูปงูเรียกกันในหมู่คนรู้จักยาว่า “ยางู”จากการตรวจสอบพบว่าเป็นของบริษัท “รอยัล ไทย เฮิร์บ” มีเว็บไซต์ของบริษัทจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย ยาดังกล่าวเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพร กระปุกสีขาว มีสีโลโก้ทั้งหมด 9 สี 9 ประเภท แต่ละประเภทจะบอกสรรพคุณไว้ชัดเจน “ยางู” หมายเลข7 มีชื่อเรียกว่า “ยาเทียวกิงตัน” กระปุกสีชมพู บนกระปุก มีโลโก้ “รูปงู” ระบุว่ามีสรรพคุณบำรุงโลหิต ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ บนกระปุกมีวิธีการใช้ให้รับประทานครั้งละ 2-3 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร ข้อควรระวังสตรีมีครรภ์ห้ามรับประทาน มี อย.รับรองระบุเป็นยาแผนโบราณ ทำให้ชัดเจนว่า “ยางู” ไม่เกี่ยวข้องกับสารพิษและการเสียชีวิตของทั้ง 6 ศพอย่างไรก็ตาม ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างซักถามสอบปากคำนายไทเกอร์อย่างละเอียด เพื่อให้สิ้นข้อสงสัย นอกจากนี้ แนวทางการสืบสวนยังพบข้อมูลอีกว่า บุคคลที่ลงมารับยางูจากวินรถจักรยานยนต์ ที่นำมาส่งไว้ที่ล็อบบี้โรงแรมด้วยถุงร้านสะดวกซื้อนั้นคือ น.ส.ถิ เหวียนเฟือง หล่าน ผู้เสียชีวิตหมายเลข 2 ด้วยต่อมาเวลา 17.00 น. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจวัตถุพยานในคดีพบศพนักท่องเที่ยวชาวเวียดนาม 6 ศพ ในโรงแรมหรู ย่านราชประสงค์ กทม.ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งให้ตรวจสอบวัตถุพยานให้ครบทุกด้าน ทั้งผลดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือ และการตรวจหาสารพิษ โดยจะรอผลออกมาให้พร้อมกันทั้งหมดก่อนจึงจะรายงานผู้บังคับบัญชาและแถลงข่าวผลการตรวจสอบทั้งหมดโดยละเอียด เพราะมีวัตถุพยาน 60-70 กว่ารายการที่ส่งมาตรวจสอบและเป็นลักษณะของการทยอยส่งมา ล่าสุดมีวัตถุพยานจากกระเป๋าที่มาเมื่อวานช่วงเย็น และส่งมาวันนี้เพิ่มเติมอีก ต้องดำเนินการให้ครบทั้งหมด เนื่องจากการตรวจสอบวัตถุพยานแต่ละชิ้นต้องใช้ระยะเวลา 8-9 ชั่วโมง แยกเป็นการตรวจหาดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือแฝง จากการสัมผัสวัตถุพยาน และหากเป็นการตรวจหาสารพิษ จะให้กลุ่มงานยาเสพติดเป็นผู้ตรวจสอบ ขอให้ตำรวจได้ทำงานก่อน เพื่อให้เกิดความครบถ้วนทุกด้านอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่